God of illusions – ตอนที่ 26 จางชิงซานผู้น่าสงสาร

อ่านนิยายจีนเรื่อง God of illusions ตอนที่ 26 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลังจากปลอบประโลมโม่ข่าและพวก ป๋ายเสี่ยวเฟยเดินอย่างมั่นใจกลับห้องของเขา ใบหน้าค่อยๆ เผยรอยยิ้มขณะผลักประตู

 

ถึงแม้ทั้งห้องจะยังเต็มไปด้วยกลิ่นพิเศษของหญ้าเหม็นโฉ่และพริกปิศาจแต่ห้องถูกทำความสะอาดจัดเก็บเข้าตามรูปแบบเดิม กระทั่งผ้าปูที่นอนยังใหม่เอี่ยม

 

แต่ในห้องมีเพียงลูกน้องคนเดียวอยู่ข้างใน ไม่มีร่องรอยของจางชิงซานและพวกให้เห็น

 

“พวกเจ้าทำได้ดี รับนี่ไป ใช้เพียงปริมาณเล็กน้อยตอนถูตัว” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวพลางโยนขวดที่แทบจะว่างเปล่าให้มัน ถึงแม้จำนวนแค่นี้จะไม่พอสำหรับทั้งแปดแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยจะต้องเป็นกังวล

 

ลูกน้องคนนั้นรับขวดมาก่อนจะขึงตาจ้องป๋ายเสี่ยวเฟย

 

“พี่ใหญ่ชิงซานบอกว่าเจ้าควรจะระวังตัวให้มากคืนนี้!” ความสามารถในการส่งต่อคำพูดของมันสูงส่งเป็นอย่างมาก กระทั่งอารมณ์ความรู้สึกของจางชิงซานก็ยังส่งผ่านมาครบถ้วนสมบูรณ์

 

แต่มันลืมไปอย่างหนึ่ง…

 

มันอยู่ตัวคนเดียว!

 

“น้องชาย เจ้ารู้หรือไม่ว่าโลกนี้มีหุ่นเชิดชนิดตัวแทนในโลกใบนี้?” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวสิ่งที่มันไม่เข้าใจก่อนจะขยับไปด้านข้างเผยให้เห็นหวู่จื๋อและพวกข้างหลัง

 

“เจ้าคือหุ่นเชิดตัวนั้นและเป็นตัวที่ไม่ค่อยจะชาญฉลาดเท่าใดนัก”

 

หวู่จื๋อและพวกกระโจนเข้าหามันทันทีโดยไม่รอให้ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดจบ

 

“อย่าทำแรงเกินไป ให้มันคลานกลับก็พอ”

 

สามนาทีต่อมาเสียงร้องโหยหวนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดดังมาจากห้อง 807…

 

“ใช้เจ้านี่ฉีดไปทั่วห้อง มิเช่นนั้นแม้แต่หมูก็นอนที่นี่ไม่ได้” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวขณะมองดู ‘หุ่นเชิดตัวแทน’ เดินแทบคลานจากไป เขาโยนกระบอกไม้เล็กๆ ให้พวกโม่ข่าก่อนจะเดินออกจากห้องไปสูดอากาศข้างนอก

 

นี่คือหนึ่งในข้อดีของการเป็นผู้นำ เพราะพวกลูกน้องที่ติดสอยห้อยตามจะทำสิ่งที่ผู้อื่นมิอยากด้วยความเต็มใจ

 

พวกโม่ข่าล้วนมั่นใจในตำแหน่งของป๋ายเสี่ยวเฟย ยังไม่นับรวมความสามารถพิเศษหลายอย่างของป๋ายเสี่ยวเฟย แค่อุปกรณ์แปลกประหลาดพวกนั้นก็ทำเอาหลายคนรู้สึกไร้พลังและหงุดหงิดแล้ว

 

โดยไม่รู้ตัวป๋ายเสี่ยวเฟยได้กลายมาเป็นตัวแทนของคำว่า ‘ความเป็นไปได้’ ในใจของพวกเขา และเป็นชนิดที่ ‘ทุกอย่างเป็นไปได้’ !

 

หลังจากทั้งสามฉีดรอบห้องด้วยกระบอกไม้ที่ป๋ายเสี่ยวเฟยมอบให้ ไม่นานนักกลิ่นแปลกทั่วห้องก็พลันหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่ เหลือไว้เพียงกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายคลึงห้องของหอพักหญิง

 

แต่ก่อนที่ทั้งสี่จะได้สำราญไปกับห้องที่เพิ่งทำความสะอาด กลุ่มคนจำนวนมากก็พลันวิ่งกรูเข้ามาในห้อง

 

เป็นดังที่ป๋ายเสี่ยวเฟยคาดการณ์ไว้ กลุ่มคนที่เข้ามาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพวกจางชิงซาน

 

ปัง!

 

ประตูไม้ถูกถีบจนแตกหักออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หากไม่ใช่เพราะหวู่จื๋อยืนปกป้องพวกเขาไว้ เกรงว่าทุกคนคงได้รับบาดเจ็บบ้าง

 

“อัดพวกมัน!” จางชิงซานคำรามลั่นหลังเข้ามาในห้อง กลุ่มของเขาเริ่มควบคุมหุ่นเชิดทันที

 

ต่อในวินาทีต่อมาพวกเขาทั้งหมดล้วนยืนเหม่อกันถ้วนหน้า… เป็นเพราะพวกเขาเห็นฉินหลิงหยาน!

 

แน่นอนว่าศิษย์ใหม่ไม่มีใครรู้ว่าฉินหลิงหยานคือใครในสถาบันชิงหลัว แต่ชุดสาขากระบี่พิฆาตไม่ได้มีไว้แค่โอ้อวด

 

แล้วยิ่งข้อเท็จจริงที่ว่ามีศิษย์หญิงปรากฏในหอพักชายยังน่าตกใจมากกว่าฐานะของนางในหมู่ศิษย์ปีหนึ่ง

 

“อา นั่นสหายเก่าจางชิงซานมิใช่หรือ? ข้ารู้ว่าเจ้าจะมาจึงได้เชิญพี่หญิงหลิงหยานมาเป็นแขก ข้าหวังว่าจะได้แนะนำตัวนางให้กับพวกเจ้าแตดู่เหมือนพวกเจ้าจะไม่ต้องการ” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวน้ำเสียงไร้ความเร่งรีบและเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ของพวกจางชิงซานดังไปทั่วห้อง

 

“ก็แค่ผู้หญิง! ไม่ใช่แค่เจ้าที่รู้จักศิษย์พี่ปี… จางชิงซานยังพูดไม่จบฝ่ามือขนาดใหญ่ก็พลันกระทบเข้าที่หลังกบาล

 

“เจ้าโง่! เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร!” กลุ่มคนแยกตัวออกเผยให้เป็นศิษย์พี่ปีหนึ่งจากสาขาโล่อภิบาล เขายืนมั่นราวภูเขาไท่ซาน นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่ชายของจางชิงซาน จางชิงไห่

 

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหลิงหยาน จางชิงไห่ไม่ได้เปิดเผย ‘รังสีอำนาจกดดัน’ แต่เผยให้เห็นว่าเขาเป็นเพียงศิษย์ปีหนึ่ง

 

“พี่หญิงฉินข้าขอโทษแทนน้องชายข้า มันไม่รู้ความไปล่วงเกินคนของท่าน ไม่ต้องห่วงข้าจะสั่งสอนมันให้ดีหลังกลับไป!” จางชิงไห่งอตัวโค้งลงไป ท่าทีของเขากล่าวได้ว่าไม่เลวแต่ฉินหลิงหยานไม่มีความคิดที่จะสนใจเขา นางเพียงหยิบยกแก้วชามาจิบ

 

คำพูดต่อไปของป๋ายเสี่ยวเฟยก่อให้เกิดความหวังผุดขึ้นมาในใจจางชิงไห่ “อารมณ์ของศิษย์พี่หญิงยังดีอยู่เลยเมื่อครู่ ศิษย์พี่ทำไมท่านไม่รอจนถึงพรุ่งนี้? มันหาได้ยากที่ห้องของข้าจะเงียบสงบได้เช่นตอนนี้”

 

“พวกเจ้าไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือไร? ทุกคนออกไปให้หมด” จางชิงไห่หันหัวกลับพลางคำรามใส่คนข้างหลัง นอกจากจางชิงซานแล้วคนที่เหลือรีบวิ่งแจ้นออกจากห้อง

 

“น้องชาย เจ้าดู…” ใบหน้าของจางชิงไห่เผยให้เห็นร่องรอยความเจียมเนื้อเจียมตัวขณะที่เขายิ้มให้ป๋ายเสี่ยวเฟย

 

“ข้าได้ยินว่าหากข้าวของจากสำนักเกิดการเสียหายขึ้น ศิษย์จะต้องชดใช้ให้สำนักตามราคาใช่หรือไม่โม่ข่า?” ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่สนจางชิงไห่แต่หันกลับไปถามโม่ข่าแทน

 

โม่ข่าไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจจุดประสงค์ของป๋ายเสี่ยวเฟยในฉับพลัน “เป็นเช่นนั้นและข้าจำได้ว่าราคาสูงเสียด้วย ศิษย์ใหม่อย่างพวกเราไม่มีปัญญาไปจ่ายแน่นอน”

 

เมื่อโม่ข่าพูดจบ จางชิงไห่หยิบตราหยกออกมาทันที

 

“น้องชายนี่คือหินชิงหลัวหนึ่งร้อยก้อน ทำไมเราไม่ปล่อยเรื่องวันนี้ไว้เป็นเพียงอดีต?”

 

“ศิษย์พี่ ข้าจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร!?” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวขณะรีบลุกขึ้นมา เขารับตราหยกไว้ในมือเพื่อโอนถ่ายหินชิงหลัวหนึ่งร้อยก้อนก่อนจะเดินไปหาจางชิงซาน มือยื่นไปตบไหล่มัน “เอ่อ.. เจ้าชื่อ..?”

 

“จางชิงซาน” มันก้มหน้ากัดฟันแน่นพยายามอย่างหนักที่จะทำเสียงสงบแม้สักนิดก็ยังดี

 

‘กล่าวได้ว่าข้าเผชิญพบเคราะห์ร้ายชั่วชีวิตในวันเดียว…’

 

“ใช่ ใช่ สหายนักเรียนชิงซาน” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวอย่างมีความหมายขณะยิ้มอ่อนก่อนจะตบไหล่จางชิงซานอีกคราผู้ซึ่งสูงกว่าเขาหนึ่งช่วงหัว

 

“มาสนิทสนมกันให้ยิ่งขึ้นในอนาคต ไม่มีความจำเป็นต้องลำบากพวกศิษย์พี่ ใช่หรือไม่? พวกเขาเองก็ยุ่งพอแล้ว ทั้งยังต้องเรียนด้วยตัวเอง พวกเขาจะมีเวลามาดูแลคนอื่นได้อย่างไร? ในฐานะน้องชายเจ้าควรคิดเผื่อพี่ชายเจ้าบ้าง”

 

“น้องชายเจ้ากล่าวมิผิด ข้าจะพยายามไม่มาที่นี่อีกในอนาคตและข้าจะไม่สร้างความยุ่งยากอีกต่อไป” จางชิงไห่ยิ้มตอบอย่างสุภาพ เขาเค้นสีหน้าเป็นมิตรที่ดีที่สุดในวันนี้ออกมา

 

“ศิษย์พี่ท่านไม่ต้องห่วง พวกเราจะจัดการเรื่องที่เหลือเองและข้ายังต้องส่งศิษย์พี่หญิงกลับ มันคงไม่สะดวกสำหรับข้าที่จะอยู่เป็นเพื่อนคุยท่านอีก” ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มเล็กน้อยกล่าวเตือนว่าถึงเวลาที่พวกเขาต้องไป และนี่เป็นสิ่งที่จางชิงไห่อยากจะได้ยินมากที่สุด

 

หลังจากขอโทษอีกครา จางชิงไห่ลากจางชิงซานออกจากห้องป๋ายเสี่ยวเฟย สีหน้าพวกเขาพลันเปลี่ยนทันทีเมื่อพ้นประตูห้อง

 

“พี่ใหญ่ เหตุใดพวกเราต้องเกรงกลัวหญิงสาวคนนั้นด้วย? อย่าบอกนะว่านางแข็งแกร่งมาก?”

 

“เจ้าจะไปรู้อะไร? ความสามารถในการรวบรวมพลังจากคนศิษย์ปี่หนึ่งของนางยังมากกว่าศิษย์ปีสองหลายคนเสียอีก ข้าไม่แม้แต่ควรค่าเป็นคนทำความสะอาดรองเท้านาง” ถึงแม้พูดเช่นนี้จะเป็นการไม่ให้เกียรติตน แต่จางชิงไห่ไม่มีความคิดจะปิดบังข้อเท็จจริงจากน้องชายของเขา

 

“งั้นพวกเราจะปล่อยผ่านไปเช่นนี้หรือ?” จางชิงซานมีสีหน้าไม่ยอมรับ เขาไม่อาจกล้ำกลืนฝืนทนความแค้นนี้ได้

 

“ฮึ่ม! ข้าจะปล่อยผ่านไปได้อย่างไร? เราแค่ไม่อาจเคลื่อนไหวต่อหน้านาง!” จางชิงไห่สีหน้ามืดทะมึน ประกายชั่วร้ายแวบผ่านในดวงตา

 

“เช่นนั้น..พวกเรา..?”

 

“เหตุผลที่ฉินหลิงหยานมีคนให้สนับสนุนมากเป็นเพราะคนใหญ่คนโตในกลุ่มศิษย์ปีหนึ่งสนใจในตัวนาง หากแต่พวกเขาได้เพียงขัดแข้งขัดขากันไปมาส่งผลให้ไม่มีใครประสบความสำเร็จ บอกข้าทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเราหาคนมาปล่อยข่าวการปรากฏตัวของนางในหอพักชายได้?”

 

เมื่อจางชิงไห่พูดจบ ใบหน้าจางชิงซานพลันแย้มแก้มแทบปริราวกับว่าภาพป๋ายเสี่ยวเฟยที่ตกอยู่ในเคราะห์ร้ายปรากฏขึ้นด้านหน้า….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด