God of illusions – ตอนที่ 12 นักเชิดหุ่นมายา

อ่านนิยายจีนเรื่อง God of illusions ตอนที่ 12 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“สำนักชิงหลัวอนุญาตให้อาจารย์ข่มขู่ลูกศิษย์ได้ด้วยหรือ?” ป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างถามกลับใบหน้าขึงขังจริงจังคิ้วสองข้างขมวดมุ่น

 

“สำนักชมชอบให้อาจารย์แต่ละท่านใช้วิธีของตนในการสอนลูกศิษย์ ข้าเพียงต้องบอกว่าข้าทำไปเพราะสั่งสอนให้ศิษย์เชื่อฟังคำสั่ง” เสวี่ยอิ่งใช้อำนาจในทางมิชอบด้วยสีหน้าปกติ ดูก็รู้ว่านางไม่ใช่คนธรรมดาเรียบง่าย

 

“เชื่อฟังคำสั่ง? อย่าคิดว่าข้ามาจากหมู่บ้านเล็กๆ แล้วข้าจะไม่รู้ พวกเราอยู่ในสำนักไม่ใช่ค่ายทหาร เหตุใดจึงต้องเชื่อฟังคำสั่งท่าน?”

 

เสวี่ยอิ่งยังคงรักษาสีหน้าปกติต่อไป

 

“เจ้ามาจากหมู่บ้านเล็กๆ จริงๆ เจ้าไม่รู้หรือว่ามากกว่าหกส่วนของศิษย์ที่จบการศึกษาได้กลายเป็นทหารให้กับจักรวรรดิต่างๆ?” เสวี่ยอิ่งมีสีหน้าดูถูก ในที่สุดนางก็มีไพ่เหนือกว่าป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นครั้งแรก

 

“พี่หญิงเสวี่ย!”

 

เสวี่ยอิ่งกลับไม่รู้สึกดีอย่างที่นางคิดหลังจากได้ยินป๋ายเสี่ยวเฟยพูดเช่นนั้น ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบนางกลับรู้สึกหงุดหงิดแทน แต่นางไม่มีเหตุผลที่จะสร้างความยุ่งยากให้แก่ป๋ายเสี่ยวเฟยอีก

 

หากไม่มีเหตุผลก็สร้างมันขึ้นมาเองเสียสิ เสวี่ยอิ่งคิดเช่นนั้นพลางจ้องป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างเย็นชาและให้“ความยุ่งยาก” แก่เขา นางกล่าว “ทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยและซ่อมแซมประตูก่อนศิษย์คนต่อไปมา หรือไม่ก็รอรับความตายได้!”

 

เรื่องราวกลับไม่เป็นดั่งที่นางคาดหวังไว้…

 

“พี่หญิงเสวี่ย ข้าทำเสร็จแล้ว” ป๋ายเสี่ยวเฟยกับสีหน้าเรียบสงบไร้ร่องรอยความเหนื่อยล้า

 

เขายืนข้างหน้าเสวี่ยอิ่ง สีหน้างนางมืดหมองลง เขาปฏิบัติตามที่นางสั่งอย่างง่ายดาย

 

เมื่อครู่ตอนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยกำลังทำความสะอาด เสวี่ยอิ่งกวาดตามองไปข้างนอกหลายครา แต่‘พื้นที่สามัญ’ไม่มีแม้แต่ผู้มาเยือน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงห้องเรียนของนาง

 

“เจ้าได้คะแนนเท่าใดกันแน่? อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นคนแรกที่สอบผ่าน?” เสียงของนางเต็มไปด้วยความกังขาขณะที่สำรวจป๋ายเสี่ยวเฟยทั่วร่าง

 

ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มอ่อนพลางกล่าวอย่างถ่อมตน“หากไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ข้าควรจะเป็นคนแรกเพราะตอนที่ข้าเดินเข้าประตูยังไม่มีใครมาถึง”

 

“แล้วเจ้าถูกส่งมาที่นี่ได้อย่างไร? เจ้าควรจะไปอยู่กับพวกหัวกะทิ…” เสวี่ยอิ่งพูดไปครึ่งทางก็กลืนคำทั้งหมดที่เหลือเพราะการเป็นอาจารย์ประจำห้องของห้องที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่สิ่งที่น่าภูมิใจแม้แต่น้อย

 

แต่ป๋ายเสี่ยวเฟยคือใคร? แค่คำพูดครึ่งทางของเสวี่ยอิ่งก็ได้ยืนยันสิ่งที่เขาสงสัยเรียบร้อยแล้ว

 

“ก็ไม่มีอะไร ข้าเพียงไปหารองเจ้าสำนักลั่วในการสอบครั้งสุดท้ายเท่านั้น”เขากล่าวอย่างไม่ยี่หระ เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายเพราะสำหรับเขามันไม่มีข้อแตกต่างมากระหว่างห้องที่เต็มไปด้วยหัวกะทิกับห้องรวมเด็กห่วย

 

‘เพียงข้าไม่อดตายก็พอ!’

 

“รองเจ้าสำนักลั่ว…”นัยน์ตาเสวี่ยอิ่งเบิกกว้างราวไข่ห่าน จ้องมองป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างเหลือเชื่อ “เจ้าแซ่ป๋าย แต่เจ้าหาญกล้าไปหานาง!!”

 

ประกายความตกตะลึงหายจากดวงตานางในฉับพลัน นางเข้าใจเหตุผลทันที “เจ้าคงจะไม่รู้…”

 

ความเข้าใจยังไม่ทันตกผลึกในใจนาง ป๋ายเสี่ยวเฟยก็จู่โจมทำลายมันเป็นเสี่ยงๆ ส่งผลให้นางพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขากล่าว “ไม่ใช่แบบนั้น มีคนบอกข้าแล้วว่านางเกลียดคนแซ่ป๋าย”

 

“เจ้ารู้แต่เจ้าก็ยังไปหางนาง!? เจ้าโง่หรือไร!?” นางมองป๋ายเสี่ยวเฟยราวกับกำลังมองคนปัญญาอ่อน ถึงกับสงสัยว่าสมองหมอนี่มีปัญหาหรือไม่

 

“ท่านไม่คิดว่าแบบนี้น่าสนใจกว่าหรือ?” ป๋ายเสี่ยวเฟยถามเสียงกระตือรือร้น เสวี่ยอิ่งเพียงส่ายหัวเล็กน้อย เขาถือโอกาสนี้เสียดสีนางเสียเลย ป๋ายเสี่ยวเฟยส่ายหัวพลางกล่าว “อา… พวกเราอายุห่างกันมากจริงๆ”

 

ต่างจากที่ป๋ายเสี่ยวเฟยคาดหวัง ถึงแม้เขาจะมองออกว่าเสวี่ยอิ่งกำลังโกรธ แต่นางกลับข่มกลั้นมันลงไปแทน

 

“ไม่เป็นไร มันไม่ใช่สิ่งแย่ที่เจ้าได้มาอยู่ที่นี่ ถึงห้องเรียนอำมหิตจะเก่าแก่ไปเสียบ้าง แต่อาจารย์ของเจ้ามีความสามารถที่สุดแล้ว!” เสวี่ยอิ่งยืดอกมหึมาของนาง ใบหน้าพึงพอใจคล้ายคลึงกับป๋ายเสี่ยวเฟยอยู่หลายส่วน

 

“หากท่านเก่งกล้าสามารถที่สุดเหตุใดท่านจึงเป็นอาจารย์ประจำห้องนี้? ข้าได้ยินจากศิษย์พี่หญิงคนหนึ่งว่าห้องนี้ถูกกล่าวขานว่า…ห้องเรียนอำมหิต?”

 

“เหลวไหล!!!” ป๋ายเสี่ยวเฟยได้รับคำตอบโดยพลัน คำตอบที่ออกจะเร้าใจสักหน่อย “ในทางทฤษฏี ห้องเรียนของเรารับสมัครศิษย์หลังจากห้องเรียนอื่นๆ ได้เลือกนักเรียนหมดแล้ว แต่คะแนนไม่ได้หมายถึงความสามารถของนักเรียน และเพชรอาจหลบซ่อนอยู่ได้ทุกที่ เจ้าเข้าใจหรือไม่?!” เสวี่ยอิ่งขึงตาจ้องป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างโกรธเกรี้ยวราวกับถูกแทงใจดำ

 

สายตาเกรี้ยวกราดของนางไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นสายตาเป็นประกายปานจับจ้องสมบัติ “อย่างเช่นเจ้า คะแนนของเจ้าเป็นอันดับหนึ่งแต่เจ้าก็ยังถูกส่งมาที่นี่ เชื่อข้า ต่อจากนี้ไปจะยิ่งมีคนเก่งๆ เข้ามาอีก!”

 

ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบถอยหลังสองก้าวทันที ขนของเขาลุกชันไปทั่วร่าง หลังจากขยับกายไปอยู่ในที่ปลอดภัยเขาจึงจะผ่อนคลาย “พี่หญิงเสวี่ย ข้าเข้าใจ!”

 

“ดีมาก!” เสวี่ยอิ่งเผยรอยยิ้มพึงพอใจขณะมองไปที่ป๋ายเสี่ยวเฟย “เจ้าจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ หากเจ้าได้ที่หนึ่ง หุ่นเชิดของเจ้ามีความสามารถเช่นใด? ระดับไหน?”

 

เสวี่ยอิ่งกล่าวโย้งตัวไปหาเสี่ยวเอ้อผู้นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ นางได้กลายเป็นสาโมเอะทีในบัดดล ร่างกายไร้ตำหนิทำปากป๋ายเสี่ยวเฟยแห้งผาก

 

“ช่างน่ารักยิ่ง! อย่างน้อยคงระดับม่วงใช่หรือไม่!?”

 

“ท่าน… อาจจะผิดหวังเล็กน้อย” ป๋ายเสี่ยวเฟยเกาหัวหน้าแดงเพราะเขินอายที่หาได้ยาก

 

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ระดับน้ำเงินก็ยังดี แล้วเป็นสายอะไร?”

 

หลังจากช่วงเวลาน่าอึดอัดผ่านไปสักพัก น้ำเสียงปลอบใจของนางดังขึ้น

 

“สายมายา!” ใบหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยเต็มไปด้วยอารมณ์ขณะเขากล่าวสองคำนี้ เสียงภาคภูมิใจของเขาปิดไม่มิด

 

ต่างจากเสวี่ยอิ่งที่ตกใจสุดขีด

 

“หุ่นเชิดระดับน้ำเงินสายมายา!!??” สีหน้ารื่นรมย์ของนางแข็งค้าง น้ำเสียงบ่งบอกอารมณ์ทั้งหมดในใจ

 

“ทำไมหรืออาจารย์? สายมายาไม่ดีหรือไร?” ป๋ายเสี่ยวเฟยสวมใบหน้าไร้เดียงสา เขารู้สึกเช่นนี้จริงๆ เพราะสำหรับเขาสายมายาเป็นสายที่แข็งแกร่งที่สุด

 

“ไม่ดี? มันไม่ใช่แค่ไม่ดี! จากคนทั้งหมดที่ข้ารู้จักไม่มีสักคนที่เชี่ยวชาญสายมายา! ไม่มีแม้แต่นักเชิดหุ่นขั้นปรมาจารย์ในหมู่พวกเขา!”

 

“ในความคิดของข้า ต่อให้เจ้าไม่ไปพบรองเจ้าสำนักลั่วเจ้าก็จะยังคงถูกส่งมาที่นี่อยู่ดีเพราะไม่มีอาจารย์คนไหนอยากจะเลือกนักเชิดหุ่นที่มีหุ่นเชิดสายมายาเป็นหุ่นตัวแรก!”

 

ความผิดหวังบนใบหน้าของนางมีแต่จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมันเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง

 

“เดี๋ยวในอนาคตก็มี พี่หญิงเสวี่ย ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องมีผู้ริเริ่มประวัติศาสตร์ทั้งนั้น ใช่หรือไม่?” ป๋ายเสี่ยวเฟยยักไหล่เขาไม่แม้แต่จะเก็บสิ่งที่เสวี่ยอิ่งพูดมาใส่ใจ

 

เป็นอย่างที่แม่บุญธรรมของเขากล่าว มันไม่มีหุ่นเชิดสายใดที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงหุ่นเชิดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักเชิดหุ่นเท่านั้น! และหุ่นเชิดสายมายาเหมาะสมกับป๋ายเสี่ยวเฟยแน่นอน!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด