God of illusions – ตอนที่ 29 สามัคคี

อ่านนิยายจีนเรื่อง God of illusions ตอนที่ 29 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ในที่สุดนักเรียนห้องอำมหิตก็ค่อยๆ ทยอยวิ่งครบห้ารอบ พวกเขาทั้งหมดล้วนปล่อยตัวลงพื้นทันทีเมื่อวิ่งเสร็จ

 

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ชายหรือหญิง เสื้อผ้าของพวกเขาล้วนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าต่างเผยให้เห็นถึงความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

การวิ่งรอบสนามสี่เหลี่ยมของสำนักชิงหลัวเป็นความสำเร็จที่ควรค่าพอให้โอ้อวด!

 

และไม่ใช่แค่นั้น ในช่วงสุดท้ายพวกเขายังช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันแม้ว่าแต่ละคนจะเหนื่อยเจียนตายก็ตาม…

 

ดังนั้นวินาทีที่ก้นของพวกเขาถึงพื้น ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็ก่อตัวขึ้นมาในกลุ่มเล็กๆ นี้

 

และวันนี้ยังเป็นเพียงวันแรกเท่านั้น…

 

เสวี่ยอิ่งมองไปยังคนทั้งสิบเอ็ดที่นั่งนอนไปทั่วพื้น ใบหน้าเย็นชาไม่มีให้เห็นอีกต่อไป นางกลับเป็นพี่สาวข้างบ้านตามเดิม

 

เหตุผลที่มีเพียงสิบเอ็ดคนเป็นเพราะป๋ายเสี่ยวเฟยและอีกสี่คนยังคงวิ่งอยู่…

 

“ขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้าทั้งหมดที่ได้รับสิทธิ์ในการกินข้าว หากพวกเจ้าไปตอนนี้จะยังทันเวลามื้อกลางวันอยู่ แต่จำไว้ว่าถ้าพวกเจ้ากินเยอะเกินไปพวกเจ้าอาจต้องอาเจียนมันออกมาในตอนเที่ยง” เสวี่ยอิ่งยิ้มพลางกล่าวแต่คนทั้งหมดไม่มีความคิดที่จะไปแม้แต่น้อยเป็นเพราะพวกป๋ายเสี่ยวเฟยยังคงวิ่งอยู่นั่นเอง…

 

“พวกเราทั้งสองจะไปซื้ออาหาร พวกเจ้าทั้งหมดรอที่นี่แล้วเราจะกินด้วยกันภายหลัง” ฟางเย่ลุกขึ้น หวังหางแทบไม่เชื่อหูตัวเองต่อให้เขาถูกทุบตีจนตายก็ตาม

 

‘นี่ใช่นายน้อยฟางเย่คนนั้นจริงหรือ!?’

 

“เจ้ามองอะไร!? รีบไป!” ฟางเย่ลากร่างกายแสนเหนื่อยของตนจากไปพร้อมหวังหางที่ยังอยู่ในสภาวะมึนงงไปยังโรงอาหาร

 

พวกที่เหลือยังรออยู่ที่เดิมพลางให้กำลังใจกลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างลับๆ ในใจ

 

แน่นอนว่าพวกเขาให้กำลังใจได้แค่ในใจเพราะถึงแม้พวกเขาจะอยากช่วยกลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยมากเพียงใด พวกเขาคงต้องลุกขึ้นให้ได้ก่อน…

 

หลังจากฟางเย่และหวังหางซื้ออาหารเสร็จ ในที่สุดต้วนอีอีก็ได้สัมผัสถึงแสงสว่างอีกครั้งหลังจากถูกป๋ายเสี่ยวเฟยและหวู่จื๋อช่วยเพราะนางต้องวิ่งมากกว่าคนอื่นหนึ่งรอบ ในเวลาเดียวกันโม่ข่าวิ่งต่อไปเขาแทบจะล้มทั้งยืนแขนขาอ่อนปวกเปียกแทบจะตายแหล่มิตายแหล่ ข้างกายมีสือขุยวิ่งประกบ

 

“พี่หญิงเสวี่ย พวกเขาจะต้องจดจำบทเรียนครั้งนี้แน่นอน ให้พวกเขาหยุดเถิด” จูนั่วเป็นหนึ่งในคนที่ถูกพวกเขาช่วยไว้ไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป คำพูดของนางได้รับการสนับสนุนจากทุนคนในทันที

 

“ใช่แล้วพี่หญิงเสวี่ย ได้โปรดให้พวกเขาหยุด พวกเขาจะไม่ทำเช่นนี้อีกในอนาคต”

 

“พี่หญิงเสวี่ย…”

 

 

ทั้งสิบสองคนล้อมรอบเสวี่ยอิ่ง พวกเขาพูดมากเสียจนปากแทบจะแห้งผากอยู่รอมร่อ

 

“ข้าให้พวกมันหยุดได้ แต่พวกเจ้าต้องยอมรับข้อเสนอของข้าก่อน” ในที่สุดเสวี่ยอิ่งยอมแพ้ต่อเสียงอ้อนวอนรอบกาย แต่ข้อเสนอของนางทำหลายคนเกรงกลัวอยู่เล็กน้อย

 

“พี่หญิงเสวี่ย เชิญกล่าว!” สือเฉินราวกับเป็นพี่ใหญ่ในหมู่พวกเขา นางทำสีหน้าจริงจังพลางบ่งบอกเสวี่ยอิ่งถึงความตั้งใจ

 

ความกังวลในก้นบึงหัวใจของทุกคนหายไปในบัดดล พวกเขาต่างจ้องมองเสวี่ยอิ่งด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

 

“จากวันนี้เป็นต้นไป หากหนึ่งในพวกมันทำผิดอีกครั้ง บทลงโทษจะมีผลกับทุกคนที่ขอร้อง แต่ถ้าเจ้าถอนตัวก็ไม่ต้องรับโทษ” ในเวลานี้เองเสวี่ยอิ่งเป็นเหมือนกับมารร้ายล่อลวงชักจูงผู้คน นางมอบเส้นทางแห่งชีวิตและความตายให้ทั้งสิบสองคน

 

“ข้าไม่ถอนตัว!” หลินหลีผู้ยังคงมีสีหน้าผ่อนคลายพลันยกมือขึ้นกล่าวอย่างมุ่งมั่น

 

“ข้าไม่ถอนตัว!”

 

“ข้าไม่ถอนตัว!”

 

“…”

 

คนแล้วคนเล่า ทั้งสิบสองคนมีความคิดเป็นหนึ่งเดียว สายตาสิบสองคู่จ้องมองเสวี่ยอิ่ง

 

ฉากตรงหน้าตราตรึงลึกเข้าไปในใจเสวี่ยอิ่งทันที

 

สามารถกล่าวได้ว่าคาบเรียนช่วงเช้านี้ช่างน่าพึงพอใจเสียจริง!

 

“ไปบอกพวกมันให้หยุด และขอแสดงความยินดีกับพวกเจ้า คาบเรียนช่วงเช้าจบลงแล้ว!” เสวี่ยอิ่งมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใจ นางพูดคำที่ทั้งกลุ่มเข้าใจเพียงบางส่วน

 

ไม่นานนักสือเฉินไปบอกข่าวดีแก่ป๋ายเสี่ยวเฟยและพวก พวกเขาทั้งสี่ล้มลงบนพื้นทันที…

 

สภาพของพวกโม่ข่าชัดเจนเป็นอย่างมาก ส่วนป๋ายเสี่ยวเฟยได้ใช้พลังงานที่เขาสะสมด้วยวิชากลืนโลกาหมดไปตั้งนานและวิ่งสุดชีวิตในตอนหลัง…

 

ไม่กี่วินาทีก่อนพวกเขายังคิดอยู่เลยว่าพวกเขามีหวังได้ตายแน่ในวันนี้

 

“ถึงเวลากินอาหารแล้ว!” ฟางเย่รีบนำอาหารที่ซื้อออกมาทันที พวกป๋ายเสี่ยวเฟยได้กลับไปร่วมกลุ่มเรียบร้อยแล้วและเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘ได้เวลากิน’ ร่างกายเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ขาสองข้างก้าวยาวๆ ไปอยู่ใกล้ฟางเย่

 

เมื่อพวกเขาเห็นทีท่าของป๋ายเสี่ยวเฟยที่ราวกับหิวเหมือนนายพรานหิวเหยื่อทั้งกลุ่มก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาทันที

 

แต่ในเวลาต่อมาพวกเขาถึงกับหัวเราะไม่ออก เหตุเป็นเพราะป๋ายเสี่ยวเฟยกินเร็วเกินไป!

 

“บัดซบ! รีบกินเข้าทุกคนมิเช่นนั้นป๋ายเสี่ยวเฟยกินหมดก่อนแน่!” สือเฉินตักเตือนทุกคนด้วยไม่กี่ถ้อยคำ ทั้งกลุ่มกระโจนไปข้างหน้าโดยพลันพวกเขาดันป๋ายเสี่ยวเฟยที่อ่อนปวกเปียกไปข้างนอก บริเวณที่มือของเขาเอื้อมไม่ถึงกล่องอาหาร

 

เป็นครั้งแรกในชีวิตพวกเขาที่คิดเป็นเสียงเดียวกันว่าการกินช่างเป็นลาภอันประเสริฐและยังค้นพบด้วยว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเขาปฏิเสธที่จะกินในอดีตช่างเอร็ดอร่อยเหลือเกิน…

 

“ข้าจะพูดอีกครั้งในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่ ยินดีกับพวกเจ้าที่คนที่ผ่านการฝึกคาบเช้าด้วยผลงานที่น่าพึงพอใจ” หลังจากเสวี่ยอิ่งพูดซ้ำในสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจ ความยินดีปรากฎขึ้นบนหน้านาง

 

“พี่หญิงเสวี่ย พวกเราทั้งหมดเหนื่อยแทบตายจากการวิ่ง กล่าวได้ว่าฝึกเสร็จอย่าง ‘อย่างลำบาก’ ใช่หรือไม่?” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวกำกวมขณะหยิบอาหารเข้าปาก ไม่รู้ตัวแม้แต่นิดว่าเขาได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน

 

“ในเรื่องสมรรถนะทางร่างกาย พวกเจ้าทั้งหมดถือได้ว่าแย่มาก แต่ในเรื่องอื่นพวกเจ้าทำเหนือความคาดหมายของข้าเสียอีก และเป็นเรื่องนี้เองที่ข้าอยากจะสอนในคาบเช้าอย่างแท้จริง” เสวี่ยอิ่งพูดพลางเผยนัยน์ตาสดใสให้ทุกคนเห็น

 

‘เรื่องอื่น?’

 

“ในการต่อสู้จริง มันยากมากที่จะได้สู้หนึ่งต่อหนึ่งและนักเชิดหุ่นส่วนใหญ่แล้วจะสู้เป็นกลุ่มมากกว่า!”

 

“ในการต่อสู้พวกนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับมิตรสหายเป็นตัวแปรเดียวที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสมีชีวิตรอดได้อย่างไร้ขีดจำกัด!”

 

“วันนี้พวกเจ้าตัดสินใจช่วยเหลือผู้อื่นถึงแม้พวกเจ้าจะเหนื่อยเจียนตาย และยังยินดีแบ่งปัน ‘อันตราย’ ของผู้อื่นมาไว้กับตนในขณะที่พวกเจ้า ‘ปลอดภัย’ การกระทำเช่นนี้ควรค่าแก่คำว่า ‘พึงพอใจ’ อย่างแท้จริง” เสวี่ยอิ่งกล่าวคำพูดยาวเหยียดจบภายในหนึ่งลมหายใจพลางเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้แก่ทุกคนในห้องเรียนอำมหิต

 

ในอีกด้าน หนุ่มสาวทั้งสิบหกคนที่ริมฝีปากล้วนเอี่ยมอ่องไปด้วยน้ำมันมองหน้ากันไปมา เสียงหัวเราะดังขึ้นจากปากพวกเขาคนแล้วคนเล่า

 

“ถึงแม้พวกเจ้าจะอยู่ในห้องเรียนของข้าเพียงสามเดือน แต่ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสิบหกจะสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่จะคงอยู่ไปชั่วชีวิตได้ภายในช่วงเวลานี้ สายสัมพันธ์ที่จะไม่เปลี่ยนไปเพราะสถานที่หรือฐานะ สายสัมพันธ์ที่จะมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านและไม่มีวันทอดทิ้งกันและกัน!”

 

เมื่อเผชิญหน้ากับเสวี่ยอิ่งที่กล่าวอย่างจริงจัง ทั้งสิบหกคนรีบกลืนอาหารในปากก่อนจะจ้องมองไปยังเสวี่ยอิ่งโดยพร้อมเพรียง

 

เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าอาจารย์คนนี้น่าสนใจอยู่บ้าง…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด