God of illusions – ตอนที่ 8 สอบผ่านสองด่าน
รถม้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นจนจบม้าเกล็ดทมิฬวิ่งสุดแรงของมันเป็นเวลาสามสิบนาทีเต็ม หัวใจของหนุ่มสาวในรถม้าดิ่งวูบด้วยความกังวล
‘ขนาดม้าเกล็ดทมิฬยังต้องวิ่งสุดกำลังสามสิบนาที แล้วพวกเรามีเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง…’
”พวกเจ้าลงไปได้แล้ว! ” ทุกคนถูกไล่ลงจากรถม้าเมื่อถึงจุดหมาย ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของศิษย์พี่
สำนักชิงหลัวมีชื่อเสียงในเรื่องความเคารพนอบน้อมต่อผู้อาวุโส
”เริ่มการทดสอบได้ ใช้วิธีการใดก็ตามเพื่อกลับไป! ” เมื่อศิษย์พี่กล่าวจบหนุ่มสาวพลันวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง อาการวิตกก่อนหน้าราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา
หุ่นเชิดหลายตัวถูกนำออกมา ระยะห่างของผู้เข้าร่วมการทดสอบห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
หุ่นเชิดของบางคนไร้ประโยชน์สำหรับการทดสอบรูปแบบนี้พวกเขามีเพียงทางเลือกเดียวคือพึ่งพากำลังขาเท่านั้น
บ้างก็เลือกที่จะทำงานเป็นทีม พวกเขามีเวลามากพอเมื่อวานสำหรับการหาพวกพ้อง
อย่างไรก็ตามนี้นี่เป็นเพียงบททดสอบแรกเท่านั้น พวกที่มีศักยภาพทางร่างกายสูงหรือหุ่นเชิดที่ช่วยเดินทางระยะไกลอาจจะไม่ผ่านบททดสอบอีกสองด่านที่เหลือ ยิ่งไปกว่านั้นในบททดสอบไม่มีคู่แข่งมีเพียงผ่านกับไม่ผ่านเป็นเหตุให้การร่วมมือคือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
ไม่ว่าเรื่องอะไรต่างก็มีข้อยกเว้นทั้งนั้น และนั่นคือป๋ายเสี่ยวเฟยในครั้งนี้!
ขณะที่คนอื่นได้วิ่งไปไกลลิบไม่เห็นแม้แต่เงามีเพียงป๋ายเสี่ยวเฟยเท่านั้นที่ยิงยืนนิ่งไร้ท่าทีลุกลี้ลุกลน
”เจ้ายอมแพ้แล้วหรือ? ” ใบหน้าป๋ายเย่เต็มไปด้วยความตกใจความกังวลก่อตัวขึ้นในใจ
หากป๋ายเสี่ยวเฟยไม่สามารถเข้าสำนักชิงหลัวความหวังที่จะได้ทานอาหารกับฉินหลิงหยานต้องพลันมลายหายไป…
”ศิษย์พี่ ข้าได้ยินมาว่าข้อสอบของสำนักชิงหลัวเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ ทุกปี” ป๋ายเสี่ยวเฟยถามเสียงสงบไม่มีความเป็นกังวลแม้แต่น้อย
”เป็นเช่นนั้น เจ้าถามทำไม? ”คิ้วป๋ายเย่ขมวดมุ่นเขาคิดอย่างไรก็ไม่เห็นความเกี่ยวข้องของคำถามนี้กับการสอบ
”ข้าใช้ความพยายามไปอย่างมากเมื่อวานเพื่อสืบค้นรายละเอียดของข้อสอบปีก่อนๆ และข้าก็ได้ค้นพบความคล้ายคลึงของมัน” ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มแป้น คำพูดของเขาทำป๋ายเย่ตกใจ
”คล้ายคลึงอย่างไร? ”
”ถึงแม้รายละเอียดจะเปลี่ยนไปแต่หัวใจสำคัญก็ยังอยู่ที่การทดสอบความสามารถของนักเรียน” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว
ความสนใจของป๋ายเย่หายไปในบัดดลเขาอดไม่ได้ที่จะกลอกตา ”การทดสอบทุกอย่างก็มีไว้เพื่อทดสอบความสามารถของนักเรียนมิใช่รึ?! ”
”ศิษย์พี่อย่าเพิ่งใจร้อนข้ายังไม่ได้เข้าประเด็นหลักเลย” สีหน้าป๋ายเสี่ยวเฟยยังคงสงบนิ่ง ”มีความสามารถหลายอย่างที่สำนักต้องการจะทดสอบ จากเหล่าผู้คนที่เริ่มวิ่งมีสามปัจจัยในบททดสอบแรก สมรรถภาพทางร่างกาย ความสามารถของหุ่นเชิดและความร่วมมือ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยปลุกความสนใจของป๋ายเย่อีกครั้ง
ป๋ายเย่ถาม ”แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่เจ้ายังอยู่ที่นี่? ”
”ท่านจะให้คนพิเศษอย่างข้าทำอย่างพวกมันได้อย่างไร?” ป๋ายเสี่ยวเฟยพูดพลางชี้ที่หัวตนเอง ภายใต้แววตาตกตะลึงของป๋ายเย่เขาเดินตรงไปที่รถม้า ”ใช้วิธีการใดก็ได้ในการกลับ แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ใช้เจ้านี่?! ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยปลดปล่อยม้าเกล็ดทมิฬจากตัวรถ
ฉากตรงหน้าป๋ายเย่ทำเขาเบิกตากว้างเขาพยายามนึกคำที่อาจารย์กำชับก่อนหน้านี้ ‘ดูเหมือนจะไม่มีข้อห้ามว่านักเรียนไม่สามารถใช้ม้าเกล็ดทมิฬ แถมม้าเตัวนี้ยังเชื่องขี่ง่ายอีกด้วย…’
”ศิษย์พี่ท่านจะไปพร้อมข้าหรือไม่? ” ป๋ายเสี่ยวเฟยมองป๋ายเย่ด้วยสายตาสงสัยในขณะที่เขาเดินไปข้างๆ ป๋ายเย่
”สองคนหนึ่งม้า? ” ป๋ายเย่ถอยหลังหนึ่งก้าวตามสัญชาตญาณ ใบหน้าแข็งค้างเล็กน้อย ”ไม่จำเป็น! ไม่จำเป็น! ข้าไม่คุ้นชินกับอะไรเช่นนี้! ”
ป๋ายเย่ไม่เห็นด้วยเพราะเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ ถึงเขาจะเกิดสงสัยในตัวป๋ายเสี่ยวเฟยไม่น้อยก็ตาม
”ท่านแน่ใจ? ศิษย์พี่คนอื่นจากไปหมดแล้วท่านจึงต้องวิ่งกลับคนเดียวหากท่านไม่ขึ้นม้า มันไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆ และศิษย์พี่หญิงฉินหลิงหยานรอพวกเราอยู่! ” ป๋ายเสี่ยวเฟยใช้เหตุผลอันโหดร้ายมาบีบบังคับ ป๋ายเย่ลังเลในฉับพลัน
คิ้วทั้งสองขมวดมุ่นใบหน้าของเขาปรากฏความไม่แน่นอน ”เช่นนั้นก็ใช้รถม้าเสียสิ เหตุใดจึงต้องขี่ด้วยเล่า? ”
”พวกเราต่างก็เป็นผู้ชายอกสามศอกใยต้องใส่ใจเรื่องหยุมหยิม? อีกอย่างโอกาสได้ขี่ม้าเกล็ดทมิฬมีไม่มากนักใช่หรือไม่? และยิ่งข้ากลับไปเร็วเท่าใดคะแนนของข้าก็สูงขึ้นเท่านั้น” ป๋ายเสี่ยวเฟยดึงป๋ายเย่และดันเขาขึ้นหลังม้าท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงจากนั้นป๋ายเสี่ยวเฟยจึงค่อยกระโดดขึ้นบนหลังม้า
”อยู่ให้ห่างจากข้า ข้ารักความสะอาด!! ”
”ท่านหวาดกลัวอะไร? เสื้อผ้าตัวนี้ท่านให้ข้าเองกับมือ ท่านคงไม่รังเกียจสิ่งของของตัวเองหรอกนะ? ” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวยังไม่ทันจบก็โบกสะบัดบังเหียน ม้าเกล็ดทมิฬพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าความเร็วของมันไวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนมันลากรถม้า!
”จับแน่นกว่านี้! ข้าเพิ่งเคยขี่ม้าเป็นครั้งแรก! ” เสียงของป๋ายเสี่ยวเฟยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น คำพูดของเขาทำเอาหัวป๋ายเย่ชาหนึบ
”บัดซบ! เช่นนั้นก็ลดความเร็วลงอีก!!! ” เสียงโหยหวนดังสะท้อนทั่วผืนป่า แต่ไม่ยักจะเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ กับม้าเกล็ดทมิฬ
ด้วยเหตุนี้เองป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ซึ่งเคยอยู่รั้งท้ายบัดนี้เขาเร่งแซงคนนับไม่ถ้วนภายใต้สายตาตกตะลึงเพราะไม่ว่าหุ่นเชิดจะเร็วเพียงใดมันก็ไม่อาจเทียบได้กับม้าเกล็ดทมิฬ
ท้ายที่สุด แม้แต่รถม้าของศิษย์พี่คนอื่นๆ ก็ไม่อาจตามเขาทัน!
จากต้นจนจบรวมเวลาที่เขาพูดคุยกับป๋ายเย่ ป๋ายเสี่ยวเฟยใช้เวลาน้อยกว่ายี่สิบนาทีเพื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้าสำนักชิงหลัว!
เมื่อพวกเขาลงจากม้า ป๋ายเสี่ยวเฟยมีสีหน้าปลื้มปีติสะใจต่างจากป๋ายเย่ที่ตัวสั่นเทาตลอดทาง ไม่ใช่ว่าป๋ายเย่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อนเพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่ป๋ายเย่ได้ลิ้มรสถึงความสามารถที่น่าหวั่นสะพรึงของป๋ายเสี่ยวเฟย…
ศิษย์พี่คนอื่นๆ ที่ยืนรอนอกประตูทางเข้าตกตะลึงมองตาค้างเพราะพวกเขาไม่เคยคาดคิดว่ามีวิธีเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันไม่ใช่งานของพวกเขา
พวกเขาเพียงแค่ต้องเฝ้าประตูทางเข้าเท่านั้น
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีทีท่าสนใจศิษย์พี่ที่เฝ้ายาม เขากวาดตามองไปรอบๆ ราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่าง
”หลิงหยาน! ” ป๋ายเย่ตะโกนเรียกน้ำเสียงยินดี ในที่สุดคนที่ป๋ายเสี่ยวเฟยรอก็มาถึง
เหมือนกับครั้งแรกที่นางปรากฏกายบรรยากาศรอบตัวนางเต็มไปด้วยความสูงส่งเย็นชาใบหน้าสงบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ เป็นความเย็นเยือกราวภูเขาหิมะนี้เองที่สะกดใจอัจฉริยะหนุ่มนับไม่ถ้วนในสำนักชิงหลัว
ฉินหลิงหยานเมินเฉยป๋ายเย่ที่รีบเดินมาหานาง นางเดินตรงไปยังป๋ายเสี่ยวเฟยทำให้ป๋ายเย่รู้สึกเขินอายไม่น้อย
”ศิษย์พี่หยิงหลิงหยาน! ” หลังจากนางเดินมาถึงป๋ายเสี่ยวเฟยทักทายอย่างสุภาพ นัยน์ตาศิษย์พี่คนอื่นๆ อบอุ่นขึ้นโดยพลัน
”พี่หลิงหยานท่านมาทำอะไรที่นี่!? ” มีเพียงนักเรียนปีหนึ่งเท่านั้นที่ถูกกำหนดให้มาควบคุมการสอบ นี่เป็นสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวเฟยค้นพบเมื่อวานนอกจากนี้เขายังรู้มาด้วยว่าฉินหลิงหยานเป็นคนที่โด่งดังมากในหมู่นักเรียนปีหนึ่ง
พร้อมกับใบหน้าเย็นชานางไม่กล่าวอะไรเพียงหันหลังกลับยืดมือขวาเรียวชี้ไปที่ป๋ายเสี่ยวเฟยผู้ซึ่งอยู่ข้างๆ นาง
”พวกเจ้าไม่เข้าใจหรือ? ยืนเหม่อกันทำไม? ให้พวกเขาเข้าไป! เขาสามารถใช้วิธีใดก็ได้ในการผ่านประตู! หรือพวกเจ้าจะไม่ให้หลิงหยานผ่านเข้าไป!? ” ป๋ายเย่ผู้ถูกเมินอยู่แหมบๆ ไม่ลดละความพยายามเขาฉวยโอกาสพูดเอาใจฉินหลิงหยานทันที
พวกนักเรียนที่ยืนกันประตูลังเลในตอนแรก พวกเขาหารือกันเล็กน้อยก่อนจะเปิดช่องว่างให้คนคนหนึ่งผ่านไปได้
”พี่หลิงหยาน เชิญ! ”
บททดสอบที่สอง ผ่าน!
คอมเม้นต์