God of illusions – ตอนที่ 13 รวมพลนักเรียนห้องอำมหิต! (1)
หลังจากป๋ายเสี่ยวเฟยทำให้เสวี่ยอิ่งมีโทสะถึงขั้นพูดไม่ออก เสวี่ยอิ่งรออยู่นานถึงการมาของนักเรียนคนอื่นๆ แต่ครั้งนี้ดีกว่าเดิมเล็กน้อย
มีนักเรียนบางคนเริ่มเข้ามาในพื้นที่สามัญบ้างแล้ว แต่พวกเขาไม่ใช่นักเรียนของนาง
“ข้าจะไม่รออีกต่อไป! ข้ารอมานานเกินพอแล้ว ไม่มีนักเรียนคนไหนมุ่งหน้ามาที่นี่!!”
เสวี่ยอิ่งเตะประตูไม้ที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเพิ่งซ่อมแซมด้วยอาการหงุดหงิด ป๋ายเสี่ยวเฟยรีบก้าวขายาวๆ พุ่งเข้าไปก่อนที่ประตูไม้จะได้พังอีกครา
“พี่หญิงเสวี่ยท่านอย่าได้ใจร้อน ห้องเรียนของเราพิเศษท่านก็รู้ดี เป็นธรรมดาที่คนอื่นๆ จะมาช้า” ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบหัวเสี่ยวเอ้อพลางกล่าว “เสี่ยวเอ้อ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ฮ่ง ๆ!” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดง เสี่ยวเอ้อเล่นตามที่ป๋ายเสี่ยวเฟยต้องการโดยไม่ต้องถาม
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็รอไป สาวสวยคนนี้จะไปนอน ปลุกข้าเมื่อทุกคนมาถึง” เสวี่ยอิ่งโกรธจนยอมแพ้ นางนอนลงบนเก้าอี้ฟูกนุ่มของตนไม่นานก็หลับไป
‘แม่สามเคยบอกว่ายิ่งคนใจกว้างโกรธมากเท่าใดก็ยิ่งหลับไวเท่านั้น ดูเหมือนอาจารย์ประจำห้องคนนี้…’ ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจยาวราวกับได้มองเห็นอนาคตของตน
‘ขอเพื่อนร่วมห้องดีๆ ด้วยเถิด!’ ร่องรอยความหวังปรากฏบนใบหน้าขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยพึมพำกับตนเอง พ่อสองเคยบอกเขาว่าเพื่อนร่วมห้องคือคนที่ควรค่าแก่การรอคอยที่สุด พวกเขายังเป็นคนที่ง่ายแก่การเป็นเพื่อนด้วย
เพื่อนเป็นเพียงตัวตนที่มีอยู่ในจินตนาการของป๋ายเสี่ยวเฟยเท่านั้น…
“ข้าบอกเจ้าตั้งนานแล้วว่าผิดทาง! แต่เจ้าไม่ฟังข้าเลย ดูสิพวกเรามาช้าเพียงใด!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยวาดรูปวงกลมเล่นข้างหน้าทางเข้าแต่ในขณะนั้นเขาก็ได้ยินเสียงสดใสของหญิงสาวดังมาไกล เมื่อเขากวาดตามองไปยังเจ้าของเสียงเขาเห็นหญิงสาวรูปร่างเล็กกะทัดรัดกำลังดึงหูของชายหนุ่มรูปหล่อผู้อยู่ข้างนาง ร่างกายชายหนุ่มคดงอลงมาตรงเอว นางตำหนิเขาในขณะที่กำลังเดินมายังห้องเรียนอำมหิต
จากอาภรณ์ของพวกเขาดูเหมือนจะมาจากทิศใต้
“สหายนักเรียน! ที่นี่ห้อง 456 ใช่หรือไม่!?” เมื่อเขาเห็นป๋ายเสี่ยวเฟย ฉิงหนานราวกับได้เห็นขอนไม้เมื่อจมน้ำ เขารีบย่างก้าวเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวเฟยหลบหนีจากนางมารร้ายข้างกายเขาทันที
“มิผิด ที่นี่คือห้องเรียน 456” ความกระตือรือร้นของฉิงหนานทำป๋ายเสี่ยวเฟยตกใจ เขารู้สึกว่าเขาเก่งในการเสแสร้งแล้ว แต่ผู้ชายตรงหน้ายังเหนือกว่าเขาเสียอีก
“อา! แค่มองปราดเดียวข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าต้องเป็นสหายนักเรียนที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตแน่นอน! ข้าชื่อฉิงหนาน ข้ามาจากดินแดนทางใต้ ส่วนสาวงามหาที่เปรียบคนนี้คือคู่หมั้นข้าเอง นางชื่อจู๋ซือซือ”
ป๋ายเสี่ยวเฟยประเมินฉิงหนานสูงกว่าตนทันทีหลังจากเขาพูดพร่ำไม่หยุด
เขาไม่ลืมที่จะจดจำชื่อของทั้งสอง
“ข้าชื่อป๋ายเสี่ยวเฟย ข้า…”
“ไม่จำเป็นต้องพูดอีกต่อไป ให้ข้าเดาเจ้าคือหัวหน้าห้องใช่หรือไม่!?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยจะพูดว่าเขาคือคนแรกที่มาถึงห้องเรียนอำมหิต เขาร้อยไม่คิดพันไม่คิดว่าฉิงหนานจะเข้าใจผิดและไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบายแม้แต่น้อย
“หัวหน้าห้อง ดูแลพวกเราด้วยในอนาคต มันเป็นครั้งแรกที่พวกเราทั้งคู่ได้ออกจากดินแดนทิศใต้ หากพวกเราทำอะไรผิดขนบธรรมเนียมของที่นี่ ได้โปรดตักเตือนพวกข้าด้วย!”
ฉิงหนานจับมือป๋ายเสี่ยวเฟยพลางกล่าวในขณะที่ป๋ายเสี่ยวเฟยเหม่อมองเขาอย่างโง่งม
ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดเพราะจู๋ซือซือได้ก้าวเข้ามาดึงหูฉิงหนาน “เจ้าพูดได้คนเดียวหรือไร!? เจ้าคิดว่าเจ้ารู้ไปทุกเรื่องใช่หรือไม่!?”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเข้าใจในบัดดลถึงเหตุผลที่ฉิงหนานรีบพูด เพราะหากเขาไม่รีบเขาคงไม่มีโอกาสได้พูดสิ่งที่เขาอยากเนื่องจากจู๋ซือซือให้เวลาเขาเพียงชั่วครู่เท่านั้น
“พวกเจ้า.. อยากรู้จักห้องเรียนของเราก่อนหรือไม่? แต่ห้ามส่งเสียงดังเกินไปเพราะอารมณ์ของอาจารย์ประจำห้องไม่ค่อยดีเท่าไหร่และนางหลับอยู่”
นัยน์ตาจู๋ซือซือรื้นน้ำเมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า “อาจารย์ประจำห้อง”
“ขอบคุณ หัวหน้าห้อง!” หลังจากกล่าวคำขอบคุณ จู๋ซือซือลากฉิงหนานที่สูงใหญ่กว่านางเดินเข้าห้องเรียนไปอย่างเร่งรีบ ฉิงหนานครางอย่างสงบในลำคอภายในสายตาเย็นชาของนาง
ป๋ายเสี่ยวเฟยผ่อนคลายในบัดดล เขาถอนหายใจยาวเยือกออกมา ไม่นานนักความตื่นเต้นก็เข้ามาเติมเต็มหัวใจ
เขายิ้มซื่อๆ ในขณะที่คิด ‘นี่หรือเพื่อนร่วมห้องของข้า? ดูเหมือนพ่อสองจะไม่ได้โกหกข้าจริงๆ คนพวกนี้น่าสนใจมาก…’
เสี่ยวเอ้อเห่าอยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้ม
ความรู้สึกของหุ่นเชิดและนักเชิดหุ่นเชื่อมต่อกันทำให้เสี่ยวเอ้อเข้าใจดีว่าป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกเช่นไร
กลุ่มของฉิงหนานเป็นเพียงกลุ่มแรกเท่านั้น การมาถึงของพวกเขาบ่งบอกว่าพวกที่เหลือยังอยู่ในระหว่างการเดินทาง
ผ่านไปไม่นาน เสียงบ่นก็ดังมาจากที่ไกล “หากไม่ใช่เพราะพวกเราพาเจ้ามาด้วย พวกเราถึงไว้กว่านี้อีก!”
ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับป๋ายเสี่ยวเฟยปรากฏตัวพร้อมเสียงนี้
ชายหนุ่มรูปร่างผอมแห้งเนื้อตัวสกปรกอยู่ตรงกลางระหว่าง ‘วัวบึกบัน’ สองตนเขากล่าวเสียงไม่พอใจ “และหากไม่ใช่เพราะข้าพวกเจ้าจะผ่านประตูมาได้หรือไม่?”
บทสนทนาของพวกเขาหยุดลงเมื่อทั้งสามเห็นป๋ายเสี่ยวเฟย พวกเขายืนเหม่อเมื่อเห็นป๋ายเสี่ยวเฟย
“สวัสดีข้าป๋ายเสี่ยวเฟย” ป๋ายเสี่ยวเฟยหัวเราะในใจในขณะที่เขาพยายามแสดงท่าทาง’ เป็นมิตร’ มากที่สุดเท่าที่เขาทำได้แต่คำตอบรับในครั้งนี้กลับไม่กระตือรือร้นเท่าที่เขาคาดหวัง
“สวัสดี…” ชายหนุ่มผอมแห้งตอบกลับหลังจากยืนเหม่ออยู่นานแต่ชายหนุ่มที่เหลือยังนิ่งเงียบ
“ข้าโม่ข่า นี่สือขุย ส่วนนั่นหวู่จื๋อ ที่นี่ห้องเรียนอำมหิตใช่หรือไม่?” โม่ข่าแนะนำตัวอย่างลวกๆ ก่อนจะพูดเข้าเรื่องทันที
“ใช่แล้วแต่เจ้าห้ามเรียกชื่อนั้นหลังจากเข้าห้อง อาจารย์ไม่ชอบเท่าไรนัก” ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มแล้วจึงขยับไปด้านข้างหลังสัมผัสได้ว่าทั้งสามไม่อยากพูดคุยกับเขา
ความจริงนี้ยืนยันสิ่งที่พ่อบุญธรรมของเขาเคยพูดไว้ “มนุษย์เราแตกต่างกันไป..”
เมื่อทั้งสามเดินเข้าไปในห้อง ป๋ายเสี่ยวเฟยปัดความคิดออกจากใจและรอต่อไป เขายังมีความคาดหวังต่อเพื่อนร่วมห้องกลุ่มต่อไป
แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น เสวี่ยอิ่งก็พลันตื่นขึ้นและวิ่งมาหาเขาใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข “ผู้คนเริ่มมากันแล้วสิ!?”
“ท่านกล่าวถูก มีบางคนเข้าไปในห้องแล้ว ท่านไม่ไปสานความสัมพันธ์กับพวกเขาหรือ?” พูดตามตรงป๋ายเสี่ยวเฟยหวาดกลัวเสวี่ยอิ่งอยู่เล็กน้อยเพราะเขาต้องระมัดระวังในการรับมือกับคนที่แตกต่างจากผู้อื่น…
“อะไร? ไม่ดีหรือไงที่อาจารย์สุดสวยมารอเป็นเพื่อนเจ้า?” เสวี่ยอิ่งเดินเนิบนาบมาอยู่ข้างหน้าป๋ายเสี่ยวเฟย นางวางมือบนไหล่ทั้งสองของเขา คิ้วเรี้ยวงามขยับขึ้นบ้างลงบ้างเย้ายวนใจป๋ายเสี่ยวเฟย
ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปเมื่อเขามองนัยน์ตาของนาง รอยยิ้มปรากฏขึ้นขณะเขาจ้องใบหน้างามปานบุปผาข้างหน้า
“พ่อสามของข้าเคยบอกว่าหากมีหญิงใดเข้ามาหยอกล้อ ข้าไม่ควรลังเลที่จะไล่ตามนางเพราะข้าไม่มีสิ่งใดให้เสีย” ป๋ายเสี่ยวเฟยยื่นมือเข้าหาเอวคอดกิ่วของเสวี่ยอิ่ง
ชั่วขณะที่เขากำลังจะประสบความสำเร็จ เสวี่ยอิ่งพลันหลบหนีสร้างช่องว่างระหว่างนางกับป๋ายเสี่ยวเฟย
“เด็กไม่ดี เจ้าควรประพฤติตนให้ดีกว่านี้!” รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปาก เสวี่ยอิ่งหันไปมองเหล่านักเรียนที่เพิ่งมาถึง
คอมเม้นต์