God of illusions – ตอนที่ 22 อาจจะไม่ใช่สำหรับเจ้า
“ประพฤติตนได้ดี” ป๋ายเสี่ยวเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดียวในห้องที่ยังสะอาดไร้รอยขีดข่วน เขาค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้ม “สังเกตบ้างหรือไม่? ห้องของพวกเราสกปรกเช่นนี้เพราะพวกเจ้า ข้าจึงตัดสินใจให้พวกเจ้าชดใช้ด้วยหินชิงหลัว”
จางชิงซานเบิกตากว้างจ้องเขม็งอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่ป๋ายเสี่ยวเฟย “เจ้า!! ”
“ข้าทำไม?” ป๋ายเสี่ยวเฟยหันหัวไปมองจางชิงซานทำให้มันจำต้องกลืนคำพูดที่เหลือกลับเข้าปาก
“หากไม่พอใจก็เชิญพูด ข้าป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นคนใจกว้างมีเมตตา เจ้าสามารถถามเพื่อนร่วมห้องของข้าได้หากไม่เชื่อ”
จางชิงซานมองไปยังทิศทางที่ป๋ายเสี่ยวเฟยชี้ เขาเห็นโม่ข่ากับสือขุยถือแท่งเหล็กไว้ในมือส่วนหวู่จื๋อกำลังหักนิ้วรอ
“พี่ใหญ่เฟยกำลังถามเจ้า เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?” ด้วยสีหน้าท่าทางน่าเกรงขามของโม่ข่าใกล้เคียงกับอันธพาลทำให้เขาดูไม่เหมือนนักปรุงยาธรรมดาแม้แต่น้อย และจางชิงซานก็เชื่อว่าคนตรงหน้าเป็นนักเลงหัวไม้แน่นอน
“…ข้าไม่มีอะไรจะพูด” จางชิงซานกัดฟันแน่นขณะกล่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ
“เช่นนั้นก็ดี งั้นเราพูดเรื่องต่อไปดีกว่า” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว จางชิงซานอดไม่ได้ที่จะสะดุ้งเมื่อได้ยินว่าป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีความคิดที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่จางชิงซานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับมัน
“เจ้าควรจะได้กลิ่นของตัวเจ้าแล้ว หากไม่ได้ความช่วยเหลือจากข้ากลิ่นพวกนั้นจะติดเจ้าไปอีกหนึ่งอาทิตย์ เจ้าคงไม่ต้องการเช่นนั้นใช่หรือไม่?” ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้ม
“แต่ข้าป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีนิสัยช่วยเหลือผู้อื่นโดยไร้เหตุผล เพราะเหตุนี้พวกเจ้าทั้งแปดจะต้องช่วยทำความสะอาดห้องของข้า และข้าได้เหลือหินชิงหลัวไว้ในตราหยกของเจ้าสี่ชิ้น เพราะงั้นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ด้วย” ป๋ายเสี่ยวเฟยลูบหน้าจางชิงซานพลางส่งสัญญาณให้หวู่จื๋อปลดเชือกของหนึ่งในแปดคนออก “ข้ามอบหมายที่เหลือให้เจ้า พวกเราจะไปอาบน้ำก่อนและข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทำความสะอาดห้องเสร็จก่อนข้าจะกลับมา”
สีหน้าของคนที่ถูกปลดเชือกเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว ถึงแม้เขาจะกร่นด่าสาปแช่งบุพการีของป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นร้อยเป็นพันรอบในใจแต่เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แค่หวู่จื๋อคนเดียวก็ทำเขาลำบากแล้ว
หลังจากเห็นกลุ่มป๋ายเสี่ยวเฟยทั้งสี่เดินออกจากห้อง เขาถอนเชือกออกจากตัวจางชิงซาน
“พี่ใหญ่ซาน พวกเราจะ…” เขาลังเลที่จะกล่าว
จางชิงซานกวาดตามองไปรอบห้องก่อนจะขบฟันแน่น จากนั้นจึงได้กลิ่นเหม็นหึ่งจากตัวเขา
“ทำความสะอาด!”
….
“พี่ใหญ่เฟย สิ่งที่ท่านโยนเมื่อตอนนั้นคือสิ่งใด?” เมื่อพวกเขาออกมาจากห้อง โม่ข่าและพรรคพวกสุมหัวคุยถามคำถามไม่หยุดราวกับหากพวกมันมีเวลามากพอพวกมันคงสามารถสืบรู้สีของกางเกงในป๋ายเสี่ยวเฟยได้เป็นแน่แท้
“ของวิเศษที่ใช้หญ้าเหม็นโฉ่ผสมกับน้ำพริกปิศาจ”
“หญ้าเหม็นโฉ่?”
“พริกปิศาจ?”
สือขุยและหวู่จื๋อถามคำถามเกี่ยวกับส่วนผสมในขณะที่โม่ข่ามีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“พืชที่เติบโตในเทือกเขาไร้ขอบเขต ที่บ้านเกิดข้ามียอดปรมาจารย์โอสถและเขาได้ค้นคว้าจนรู้คุณสมบัติทุกอย่างของพืชที่นั่น ข้าแค่ปรับปรุงเล็กน้อย” ป๋ายเสี่ยวเฟยยิ้มกริ่ม ใบหน้าของชายชราโมโหง่ายพลันปรากฏขึ้นในใจ
“สุดยอด! สมแล้วที่เป็นพี่ใหญ่เฟย! แล้วพวกเรากำลังไปที่ใด?” หลังจากเหตุการณ์ในวันนี้ โม่ข่านับถือป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างจริงใจ และเขาเรียกป๋ายเสี่ยวเฟยว่าพี่ใหญ่เฟยด้วยความนับถือเทิดทูน
“แน่นอนว่าพวกเรากำลังจะไปอาบน้ำ ไม่เห็นหรือว่าทุกคนที่เดินผ่านพวกเราพยายามอ้อมไปหมด?” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวพลางส่งสัญญาณให้ทั้งสามมองไปรอบๆ ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์ ภายในรัศมีสามสิบเมตรรอบตัวพวกเขาไม่มีสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียว
“รอก่อนพี่เฟย ไม่ใช่ว่าสุนัขมีจมูกไวต่อกลิ่นหรอกหรือ? เหตุใดหุ่นเชิดของท่านจึงไม่ได้รับผลแม้แต่น้อย? มันเป็นหุ่นเชิดมีชีวิตมิใช่หรือ?” สือขุยจ้องเสี่ยวเอ้อที่กำลังกระโดดไปมาด้านข้าง เขารู้สึกราวความรู้ที่เขาสั่งสมมาจนถึงทุกวันนี้กลับตาลปัตรไปหมด
หุ่นเชิดภายในทวีปแบ่งออกเป็นสองชนิด มีชีวิตและไร้ชีวิต
หุ่นเชิดมีชีวิตจำเป็นต้องให้นักเชิดหุ่นทำพันธสัญญากับสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาและต้องสร้างความผูกพันทางวิญญาณก่อนจะเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตนั้นให้เป็นหุ่นเชิด
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตตนนั้นคืออะไร เมื่อมันกลายสภาพเป็นหุ่นเชิดทุกสิ่งทุกอย่างของมันจะเชื่อมโยงกับเจ้านายของมัน และหากเจ้านายมันตายมันก็จะตกตายตามไปด้วย
แต่การกลายเป็นหุ่นเชิดมีชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องเลวร้าย สิ่งที่โดดเด่นในการเป็นหุ่นเชิดมีชีวิตคือการเจริญเติบโต พวกมันได้รับผลประโยชน์เมื่อนักเชิดหุ่นแข็งแกร่งขึ้นและยังสามารถพึ่งพาวิธีปรับแต่งหุ่นเชิดเพื่อยกระดับตนเอง
อย่างไรก็ตามมันคือการแลกเปลี่ยนอิสระเพื่อแลกกับโอกาสในการแข็งแกร่งขึ้น
แต่สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ไม่เต็มใจจะกลายเป็นหุ่นเชิด เป็นเหตุให้จำนวนของหุ่นเชิดมีชีวิตมีน้อยมากเมื่อเทียบกับหุ่นเชิดไร้ชีวิต
หุ่นเชิดไร้ชีวิตง่ายดายกว่ามากและเมื่อกล่าวถึงหุ่นเชิดไร้ชีวิต ก็ต้องกล่าวถึงนักสร้างหุ่นเชิดเพราะพวกมันเป็นผู้ให้กำเนิดหุ่นเชิดไร้ชีวิต และคุณภาพของหุ่นเชิดขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกมัน
อีกอย่างถึงแม้หุ่นเชิดไร้ชีวิตจะขาดความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวตามสถานการณ์ พวกมันกลับง่ายต่อการควบคุมและซ่อมแซมและยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกมันเป็นตัวเลือกสำหรับหลายคน
มรดกตกทอด!
ความตายของนักเชิดหุ่นจะทำให้หุ่นเชิดมีชีวิตสูญสลายแต่ไม่ใช่กับหุ่นเชิดไร้ชีวิต ทำให้มีหลายตระกูลในทวีปมีหุ่นเชิดไร้ชีวิตตัวสองตัวที่ถูกสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นและพวกมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!
“ข้าก็ไม่รู้ ดูเหมือนอะไรก็ตามที่มีผลร้ายต่อร่างกายจะไร้ผลต่อเสี่ยวเอ้อ อาจเป็นเพราะมันโง่มากจนสวรรค์สงสารเลยชดใช้มันด้วยพลังนี้” เมื่อป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าวจบ เสี่ยวเอ้อเห่าใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์
“เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าไม่ได้โง่ เจ้าแสนรู้ที่สุด ฉลาดเหนือล้ำใครในโลกใช่หรือไม่?”
น้ำเสียงเห่าไม่สบอารมณ์พลันเปลี่ยนเป็นยินดีเมื่อมันได้ยินคำปลอบประโลมของป๋ายเสี่ยวเฟย
โม่ข่าและพวกอดไม่ได้ที่จะหลั่งเหงื่อเย็นเยียบเมื่อเห็นฉากตรงหน้า
‘เป็นอย่างที่พี่ใหญ่เฟยพูดจริงๆ …’
“จะว่าไปพวกเจ้ามีคนใดรู้บ้างว่าสถานที่ไว้อาบน้ำอยู่ที่ใด?” ป๋ายเสี่ยวเฟยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกได้ถึงปัญหาสำคัญ โม่ข่าและพวกก็ชะงักเช่นกัน
‘ข้า…ไม่รู้…’
หวู่จื๋อหยุดไม่นานก็จุดไฟแห่งความหวังให้ทุกคน “ข้าไม่รู้ที่อาบน้ำในสำนักชิงหลัว แต่ข้าเห็นแม่น้ำข้างนอกสำนักตอนข้าสอบวันนี้…”
“แต่เทือกเขาไร้ขอบเขตอยู่ข้างนอกสำนัก… ถ้าพวกเราไปที่นั่น…” โม่ข่าลังเลที่จะพูดทั้งหมด อย่างไรก็ตามสีหน้าของเขาอธิบายทุกอย่าง แตกต่างจากตอนกลางวันที่มียามรักษาความปลอดภัย เทือกเขาไร้ขอบเขตอันตรายเป็นอย่างยิ่งในช่วงกลางคืน….
“หากไม่ไป พวกเราจะเหม็นเช่นนี้ไปตลอด เจ้าคิดหรือว่าอาจารย์จะเมตตาพวกเราพรุ่งนี้?” ป๋ายเสี่ยวเฟยกล่าว ใบหน้าโม่ข่าซีดลงทันที
ถึงแม้เขาเพิ่งเคยเจอเสวี่ยอิ่งเป็นครั้งแรกแต่นิสัยผิดปกติของนางยังตราตรึงอยู่ในจิตใจเขา ไม่ต้องกล่าวถึงกลิ่นที่แรงเช่นนี้ นางอาจจะไล่พวกเขาทั้งสี่ออกถ้าพวกเขามีกลิ่นแปลกประหลาดเพียงเล็กน้อย
“พี่ใหญ่เฟย ข้างนอกคงไม่ได้อันตรายมากใช่หรือไม่?” โม่ข่าถาม คำปลอบของป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นความหวังสุดท้ายของเขา แต่เขาคาดหวังผิดคน
“พวกเราทั้งสามจะปลอดภัยแต่อาจจะไม่ใช่สำหรับเจ้า เพราะทักษะทางร่างกายของเจ้าเลวร้ายเหลือเกิน”
คอมเม้นต์