God of illusions – ตอนที่ 37
“พี่หญิงเสวี่ย ข้าไร้ความสามารถในการตอบคําถามข้อนี้ เหตุเนื่องมาจากต่อหน้าโฉมสะคราญระดับล่มเมืองทั้งสอง ใครจะไปอาจหาญเปรียบเทียบ? ทุกวินาที่มีอันต้องจับจ้องอยู่ร่ำไป”
ป๋ายเสี่ยวเฟยเผยให้เห็นสีหน้าขบขันของหนุ่มน้อย นี่คือสิ่งที่เขาได้เรียบรู้มาจากเฟยโก่วและฉู่กาน รอยยิ้มพลันปรากฎบนใบหน้าของเสวี่ยอิง
“ประเสริฐ! ประเสริฐ! ในเมื่อปากของเจ้าหวานนัก เช่นนั้น ข้าจะไม่ทําให้เจ้าลําบากในวันนี้” เสวี่ยอิงเผยให้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจก่อนจะลากหลินหลีหมุนตัวเดินจากไป ไม่ ปล่อยให้ป่ายเสี่ยวเฟยได้มีโอกาสเอาเปรียบพวกนาง
“ข้าจะมาใหม่หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ เจ้ากลับไปที่ห้องเรียนก่อน หากมีใครมาให้ต้านทานไว้ หากเจ้าต้านทานไม่ไหวข้าจะรีบมาฝังศพให้เจ้า” สุ่มเสียงหยอกล้อของเสวี่ยอิงยังคงดังกังวานไปในอากาศถึงแม้ตัวของนางและหลินหลีจะจากไปแล้วก็ตามที
ด้วยเหตุผลอันใดมิทราบ ป่ายเสี่ยวเฟยรู้สึกว่างเปล่าอยู่จางๆ เมื่อทั้งคู่จากไป
“อนิจจา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดพ่อสามถึงกล่าวว่าผู้หญิงล้วนมีพิษ ข้ากล่าวได้ว่าถูกวางยาหรือยัง?” ป๋ายเสี่ยวเฟยมีสีหน้าเคลือบแคลงสงสัยขณะที่เขาจ้องมองไปยังทิศที่พวกนางจากไป ในใจครุ่นคิดอยู่นาน
“เช่นนั้นเป็นพิษของผู้ใด?”
คิดไปนานนมก็ไม่ได้คําตอบ ป๋ายเสี่ยวเฟยตัดสินใจว่าช่างเสียเวลาโดยแท้ เขามุ่งหน้าไปยังห้องเรียนอํามหิต
“ได้เวลารับมือกับไต้ฝุ่น!”
หลังจากกลับมายังห้องเรียนที่ไร้ผู้คน ป๋ายเสี่ยวเฟยรู้สึกสูญเสียเล็กน้อยที่ยากจะอธิบาย
อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เจอผู้คนมากมายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาในหุบเขาวีรบุรุษ แม้จะจากลากันเพียงไม่ถึงครี่งวัน ป๋ายเสี่ยวเฟยก็เริ่มรู้สึกคิดถึงเพื่อนร่วมห้องอันวุ่นวายของเขาเล็กน้อย
ยังเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีก่อนที่คาบเรียนจะจบ ป๋ายเสี่ยวเฟยเริ่มเล่นเป่ายิ้งฉุบกับเสี่ยวเอ้อแก้เบื่อ
แน่นอนว่าของที่พนันเป็นอาหารของเสี่ยวเอ้อ….
อย่างไรเสียเมื่อถูกข่มขู่โดยเสวี่ยอิงเมื่อครู่ ป๋ายเสี่ยวเฟยสัญญาว่าจะเพิ่มอาหารสุนัขให้เสี่ยวเอ้อสองเท่าเป็นเวลาห้าวัน หากเขาไม่อาจชนะเดิมพนันนี้ได้เขาคงต้องกระอักเลือดจากค่าอาหารเป็นแน่แท้
ด้วยเหตุนี้ภายในห้องเรียนที่ว่างเปล่าจึงได้มีฉากประหลาดเกิดขึ้น มีป๋ายเสี่ยวเฟยสองคนนั่งหันหน้าเข้าหาเปายิงฉุบกันอยู่
ถึงแม้เสี่ยวเอ้อจะเป็นหุ่นเชิดของป๋ายเสี่ยวเฟย เขา “มากประสบการณ์ในวิถีแห่งการต่อสู้” และไม่ได้พ่ายแพ้ตั้งแต่คราแรกที่รบ มีเพียงเมื่อถึงเวลาสิบนาทีก่อนคาบเรียนเลิกป๋ายเสี่ยวเฟยถึงจะสามารถเอาชนะอาหารสุนัขกลับมาทั้งหมดได้
“พยายามต่อไป ข้าเชื่อว่าจะมีสักวันที่เจ้าจะเอาชนะข้าได้” ป๋ายเสี่ยวเฟยข่มกลั้นความรู้สึกอยากหัวร่อพลางลูบหัวเสี่ยวเอ้อที่มีสีหน้าไม่ยอมรับ
เขารักความดื้อดึงของเสี่ยวเอ้อที่ตอบตกลงแข่งพนันกับเขา ถึงแม้มันจะเป็นฝ่ายแพ้ทุกครา…
อย่างไรก็ตามป๋ายเสี่ยวเฟยไม่อาจมีความสุขได้นานนักเมื่อเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังมาจากข้างนอกห้องเรียน เขาสามารถบอกได้ว่ามีไม่ต่ำกว่าสิบคนที่มา!
ด้วยจํานวนขนาดนี้ เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพวกมันมาเพื่อเหตุอันใด…
“บัดซบ! เสวี่ยอิงผู้ไร้ความเชื่อถือนั้นคงไม่ได้ใช้โอกาสนี้วางแผนให้ข้าตกหลุมพลางใช่รือไม่!?” ป๋ายเสี่ยวเฟยพลันนึกถึงรอยยิ้มอย่างมีความหมายของเสวี่ยอิงก่อนที่นางจะจากไป เหงื่อเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากเขาทันที
“คงได้แต่พึ่งตนเองในครานี้แล้วข้า!”
ครั้นคํานึงถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ป๋ายเสี่ยวเฟยตัดสินใจ เป็นฝ่ายริเริ่มพุ่งไปหาประตูไม้ที่ถูกทําลายไปหลายครา เขาถีบมันพังลงอย่างปาเถื่อนอีกครั้ง
“บัดซบ! ใครมาเอะอะโวยวายแถวนี้? ไม่รู้หรือไรว่าข้าอารมณ์ไม่ดี!?” สีหน้าดุดันของเขาทําเอาศิษย์พี่สิบกว่าคนเหม่อมองอย่างโง่งม แต่ความกล้าหาญของพวกเขากลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นชุดนักเรียนใหม่ของป๋ายเสี่ยวเฟย
“เจ้าคือป๋ายเสี่ยวเฟยใช่หรือไม่!?” หัวหน้ากลุ่มคือศิษย์พี่จากสาขากระบี่พิฆาตที่สวมใส่ชุดของศิษย์พี่ปีหนึ่ง คนที่เหลือเป็นศิษย์ปีหนึ่งธรรมดา
“ดูเหมือนว่ากลุ่มแรกจะอ่อนแอที่สุด” ป๋ายเสี่ยวเฟยอดไม่ได้ที่จะมองดูแคลนคนพวกนี้ในใจ
“พวกเจ้าเป็นแค่ศิษย์ปีหนึ่งไม่ต่างอันใดไปจากศิษย์ใหม่ หากพวกเจ้าเป็นศิษย์ปีสองข้าอาจจะเกรงกลัวอยู่บ้าง”
“ถ้าใช่แล้วทําไม? ถ้าไม่ใช่แล้วทําไม? พวกเจ้าคงมาที่นี่เพราะภรรยาของข้าใช้วิธีการบางอย่างล่ะสิ? ให้ข้าเดาอันดับค่าหัว?”
เมื่อเผชิญหน้ากับท่าที่สงบนิ่งไร้กังวลของป๋ายเสี่ยวเฟย ศิษย์ที่เป็นหัวหน้าอดไม่ได้ที่จะใจสั่นอยู่ลึกๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีหรือคําพูด ป๋ายเสี่ยวเฟยดูไม่เหมือนศิษย์ใหม่แม้แต่น้อย อันที่จริงเขาเหมือนดั่งผู้มีประสบการณ์ชําชองที่ได้ไปมาหาสู่ในสํานักอยู่ช่วงหนึ่งแล้ว
“เจ้ารู้เรื่องอันดับค่าหัว?” จ้าวฮั่นผู้เป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ ป๋ายเสี่ยวเฟยเป็นคนแรกที่เขาเห็นว่าสามารถนิ่งสงบได้แม้มีรายชื่ออยู่ในอันดับค่าหัว
“พวกเจ้ามิควรถามว่าภรรยาข้าคือใครหรอกหรือในเวลาเช่นนี้?” ป๋ายเสี่ยวเฟยเอ๋ยน้ำเสียงผ่อนคลายก่อนจะหันหลังไปทางห้องเรียน “เสี่ยวเอ้อ ยกเก้าอี้มา”
ไม่นานนักเสี่ยวเอ้อที่ยังมีรูปร่างเหมือนป๋ายเสี่ยวเฟยก็เดินออกมา ในมือถือเก้าอี้ตัวหนึ่ง ทุกคนข้างนอกตกตะลึงสุดขีด
“ลอกเลียนแบบ!”
“เป็นการลอกเลียนแบบจริงด้วย!”
“ข่าวลือเป็นเรื่องจริง!?
“ขออภัยศิษย์พี่ทั้งหลาย แต่ร่างกายของข้าไม่ดีนักในช่วงสองสามวันมานี้ ข้าจึงมิอาจยืนได้นาน อีกอย่างพวกท่านไม่มีทีท่าที่จะจากไปในเร็วๆ นี้ ข้าจึงได้แต่ขออภัยที่ต้องนั่งคุย” ป๋ายเสี่ยวเฟยมีสีหน้าไม่ยี่หระต่อหน้าศิษย์ปีหนึ่งสิบกว่าคนนี้ งบนเก้าอี้ราวคนใหญ่คนโต
“เจ้ากับฉินหลิงหยาน…” น้ำเสียงของจ้าวฮั่นอดไม่ได้ที่จะอ่อนลงบางส่วน เมื่อเห็นเช่นนี้กลุ่มนักเรียนกระซิบกระซาบทันที
สําหรับพวกเขา พวกเขาได้กลายมาเป็นเหยื่อของ “เรื่องภายในครอบครัว” ของฉินหลิงหยานเสียแล้ว
“พวกเราหมั้นกันตั้งแต่เยาว์วัย หนึ่งในเหตุผลที่ข้ามาเรียนที่นี่เป็นเพราะจะมาเจอภรรยาในอนาคต แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าพวกเราจะลงเอยด้วยการทะเลาะ” ป๋ายเสี่ยวเฟยถอนหายใจพลางกล่าว เผยให้เห็นสีหน้าอับจนหนทาง
คําพูดของป๋ายเสี่ยวเฟยทําให้ทั้งกลุ่มเหม่อมองอยู่พักหนึ่ง
“พวกเราควรทําภารกิจนี้ต่อไปดีหรือไม่?
“หากไม่ทํา พวกเรามิเท่ากับโดดเรียนหนึ่งคาบอย่างไร้เหตุผลหรอกหรือ?”
“หากเราทําจะเป็นเช่นไรเมื่อพวกเขาคืนดีกัน? ด้วยเส้นสายของฉินหลิงหยาน การสังหารพวกเราจะไปต่างอะไรจากพลิกฝ่ามือ?
พวกเขาล้วนไม่รู้จะทําเช่นไรดีในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกนี้
“เจ้าบอกว่าเจ้าหมั้นหมายกับฉินหลิงหยานตั้งแต่เด็ก? เช่นนั้นทําไมเจ้าไม่บอกพวกเราเล่าว่านางและครอบครัวของนางมาจากที่ใด?” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างมากสําหรับป๋ายเสี่ยวเฟยดังขึ้นจากฝูงชน ในใจปายเสี่ยวเฟยเย็นเยียบโดยพลัน
ฝูงชนแยกตัวออกเผยให้เห็น เพื่อนเก่า” ก้าวเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ป๋ายเย่!
“ไม่เลว ไม่เลว ป๋ายเสี่ยวเฟย เจ้าเป็นศิษย์ใหม่ที่กล้าหาญที่สุดที่ข้า ป๋ายเย่เคยเห็น เจ้ากล้าแม้กระทั่งโกหกต่อหน้าศิษย์พี่ของเจ้าสิบกว่าคน ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาความกล้าของเจ้าไว้ได้ในอนาคต!” ป๋ายเย่ไม่เปิดโอกาสให้ป่ายเสี่ยวเฟยมีเวลาอธิบายตัวเอง ในอีกด้านคนที่เหลือฟื้นคืนความมั่นใจกลับมาทันทีด้วยคําพูดของป่ายเย่
ยิ่งกว่านั้น ในความมั่นใจที่ฟื้นกลับมามีโทสะปนอยู่ด้วย!
“ทุกคน ข้าคงไม่ต้องกล่าวอันใดอีกใช่หรือไม่? ไม่ว่าจะเพื่อการล้างแค้นส่วนตัวหรือทําภารกิจ ข้าหวังว่าทุกท่านจะไม่ทําให้ข้าผิดหวัง” ป๋ายเย่หลบไปด้านข้างทันทีที่เอ่ยจบ พวกนักเรียนต่างก็เรียกหุ่นเชิดของตนออกมาก่อนจะกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวเฟย
“ให้ข้าดูว่าใครกล้าแตะต้องเขา!” ก่อนที่ภัยพิบัติจะได้ถาโถมใส่ป๋ายเสี่ยวเฟย ร่างดงามตนหนึ่งก็ได้คล้อยตัวลงจากฟ้า ก่อให้เกิดคลื่นอากาศสาดซัดใส่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้า
น้ำตาของป๋ายเสี่ยวเฟยแทบไหลรินออกมาเมื่อเขาเห็นเรือนร่างที่คุ้นเคยของเสวี่ยอิง!
หากแต่มันเป็นน้ำตาแห่งความกลัว
คอมเม้นต์