Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 73

อ่านนิยายจีนเรื่อง Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ ตอนที่ 73 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 73 หญิงสาวบนภูเขาเสี่ยวหาน

 

มู่อี้ก็จ้องมองไปที่เผิงมี่ด้วยเช่นกัน ในสายตาของหญิงสาวตอนนี้ยังคงมีความเศร้าโศกอยู่เล็กน้อยแต่ก็ดูสดใสมากยิ่งขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ร่างกายของนางจึงดูมีน้ำมีนวลมากขึ้นเล็กน้อย

 

แม้ว่าเผิงมี่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดาแต่นี่ก็ไม่อาจปิดบังความงดงามของนางได้เลย

 

หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเผิงมี่ก็มีช่วงอายุที่ใกล้เคียงกันและทั้งสองคนก็ยังมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันมากอีกด้วย

 

แม้แต่มู่อี้ก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวคนนี้อีกครั้ง เขาไม่ได้มีความคิดอกุศลแต่อย่างใดมีเพียงแค่ความชื่นชมในจิตใจเท่านั้น

 

“การที่ท่านผู้พิพากษาเชิญข้ามาที่นี่ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้วขอรับ” มู่อี้หันไปมองกูเหยาเซินหลังจากพยักหน้าให้เผิงมี่ สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิม

 

“ท่านไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับท่านนักพรตเต๋า แต่ข้าก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้เป็นสหายกับท่านนักพรตเต๋ามาอย่างยาวนานแล้ว” กูเหยาเซินจ้องมองมาที่มู่อี้ด้วยสายตาจริงจัง

 

ส่วนคำพูดของเขาจะเป็นความจริงหรือเท็จมากแค่ไหนนั้นคงมีแค่เขาเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

 

ในฐานะที่เขาเป็นผู้พิพากษาของมณฑลหลินอาน มู่อี้เชื่อว่ากูเหยาเซินย่อมทราบเรื่องโจรภูเขาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโจรที่มีความอหังการเช่นนี้

 

เขาคงไม่ได้ต้องการปล่อยศัตรูเอาไว้เป็นหอกข้างแคร่แบบนี้หรอก

 

แม้ว่ากลุ่มโจรภูเขาจะไม่เคยข้องเกี่ยวกับมณฑลหลินอานหรือสร้างความเดือดร้อนภายในเมืองนี้มาก่อนแต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ถือเป็นภัยคุกคามสำหรับเมืองนี้

 

ในเมื่อกูเหยาเซินเป็นผู้ปกครองของเมืองนี้แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ลงมือกระทำการใดๆ แต่เรื่องราวความลับต่างๆที่มู่อี้ได้รับรู้มาจากเซี่ยเจิ้งคือเป้าหมายที่เขามาที่นี่ในวันนี้

 

  • ··········

 

ภูเขาเสี่ยวหานตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของมณฑลหลินอาน พื้นที่แห่งนี้มีความอันตรายอย่างยิ่ง การปักหลักถิ่นฐานบนภูเขานั้นถือว่าได้เปรียบอย่างยิ่ง ถ้าหากตั้งรับบนภูเขาแม้ว่าฝ่ายที่บุกมาจะมีจำนวนทหารมากกว่าถึง 10 เท่าแต่ก็ยากที่จะเอาชนะได้เพราะพื้นที่บนภูเขาที่ได้เปรียบ

 

นี่ยังเป็นเหตุผลหลักที่กลุ่มโจรภูเขาเลือกตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่

 

ในตอนนี้มี 3 คนที่อยู่บนถนนที่เดินทางขึ้นไปบนภูเขาเสี่ยวหาน หากมองอย่างชัดเจนแล้วจะเห็นได้ว่าทั้ง 3 คนนั้นเป็นหญิงสาว

 

“ท่านหัวหน้า ท่านคุกเข่าอยู่ที่นี่มาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว เข่าของท่านคงรับไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”

 

สายลมพัดผ่านไปและเมื่อผ่านทุ่งหญ้าก็เกิดเสียงดังหวีดหวิวขึ้นมาเล็กน้อย เงินกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากมือของหญิงสาวที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงกลางและสายลมที่หนาวเย็นก็พัดเส้นผมสีดำของหญิงสาวจนปลิวไสวออกไปเผยให้เห็นใบหน้าที่เย็นชา

 

ในภูเขาเสี่ยวหานแห่งนี้มีหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกเรียกว่าท่านหัวหน้านั่นคือหัวหน้าใหญ่ของโจรภูเขา ชิวเยวี่ยถง

 

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพในตอนนี้คือชิวเยวี่ยถงผู้เป็นที่เคารพของผู้คนมากมายบนภูเขาแห่งนี้

 

ตรงหน้าของนางเป็นหลุมศพแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวที่ข้างถนนบนภูเขาแห่งนี้ หลุมศพนี้ไม่มีแม้แต่ป้ายหลุมศพด้วยซ้ำแต่รอบๆหลุมศพนั้นกลับสะอาดอย่างยิ่งจนรับรู้ได้เลยว่ามีผู้มาทำความสะอาดที่นี่อยู่เสมอ

 

“วันนี้เป็นวันตายของเขา แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิงแต่ข้าก็เป็นลูกกตัญญูเสมอ” ชิวเยวี่ยถงพูดออกมาเบาๆ น้ำเสียงของนางดูหนาวเย็นยิ่งกว่าลมหนาวที่พัดมาในตอนนี้เสียอีก ดูเหมือนว่ามันจะสื่อตรงมาจากหัวใจของนาง

 

“ท่านหัวหน้าเจ้าคะ ท่านหัวหน้าคนก่อนล้วนทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพวกเรา” หญิงสาวอีกคนพูดขึ้นมาทันที

 

“ใช่ เขาคือผู้กล้าผู้ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเรา เขาเป็นที่รักของผู้คนมากมาย แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่ข้าจะให้อภัยเขา” น้ำเสียงของชิวเยวี่ยถงยังคงเย็นชาแต่ในที่สุดนางก็ยืนขึ้นมาและหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบสวมชุดคลุมตัวหนาให้กับนางทันที

 

ชิวเยวี่ยถงกระชับชุดคลุมของตนเองให้แน่นและหันหลังเดินจากไปทันที

 

ไปหน้าที่เย็นชา คิ้วหนาบนหน้าผาก ดวงตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาว ผิวที่ขาวราวหิมะ และร่างกายที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง แม้แต่ในเมืองขนาดใหญ่ก็ยากที่จะหาหญิงสาวที่งดงามแบบนี้ได้และผู้ที่ได้เห็นใบหน้าของนางคงต้องจดจำไปทั้งชีวิตอย่างแน่นอน

 

แม้ว่าที่นี่จะเป็นเนินเขาแต่อากาศมันก็หนาวเย็นเกินไป

 

ชิวเยวี่ยถงจ้องมองไปยังหญิงสาวทั้งสองคนที่มีใบหน้าเกือบจะเหมือนกันข้างกายของนาง จากนั้นสายตาของนางก็แสดงความอ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อยแต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

หญิงสาวทั้งสองคนนี้เป็นผู้ที่ฝึกฝนและเติบโตมาด้วยกันกับนาง แม้ว่าตามตำแหน่งแล้วจะเป็นนายหญิงกับคนรับใช้ แต่พวกนางทั้งสามคนก็ถือว่าเป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน

 

อย่างน้อยที่สุดชิวเยวี่ยถงก็ยากที่จะลืมตอนที่ชายคนนั้นพาหญิงสาวฝาแฝดนี้มาพบกับนางได้ ในตอนนั้นหญิงสาวทั้งสองคนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกนางกลัวว่าจะถูกทิ้งอีกครั้ง

 

ชิวเยวี่ยถงใช้ชีวิตอยู่กับหญิงสาวฝาแฝดคู่นี้จนรู้สึกคุ้นเคย จากนั้นเป็นต้นมานางก็ยอมรับหญิงสาวฝาแฝดคู่นี้ให้เป็นคนสนิทของตนเอง

 

หญิงสาวผู้ที่เป็นพี่มีชื่อว่าชิวจูและผู้ที่เป็นน้องมีชื่อว่าชิวเหม่ย พวกนางต่างก็มีใบหน้าที่งดงามน่ารักแต่แม้ว่าจะมีใบหน้าคล้ายคลึงกันแต่ลักษณะนิสัยของทั้งสองคนนั้นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

คนที่เป็นพี่สาวนั้นมีนิสัยที่แปลกประหลาดและฉลาด คนที่เป็นน้องสาวนั้นค่อนข้างสุภาพและอ่อนโยน มันช่างแตกต่างกันราวกับหน้ามือและหลังมือ

 

“ชิวเหม่ย ข้าสั่งให้เจ้าส่งคนไปคอยติดตามหัวหน้าคนที่ 2  สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้างในตอนนี้?” ชิวเยวี่ยถงมองไปที่หญิงสาวที่ยื่นเสื้อคลุมให้กับนางก่อนหน้านี้

 

“หัวหน้าคนที่ 2 กลับมาที่ภูเขาเมื่อเช้านี้และพาบุตรชายของตระกูลซูกลับมาด้วย แต่ลูกน้องของเขาไม่มีใครกลับมาที่นี่เลยและสีหน้าของหัวหน้าคนที่ 2 ก็ดูไม่ดีนักเจ้าค่ะ” ชิวเหม่ยตอบกลับมาช้าๆ

 

“หึ คางคกอยากกินเนื้อหงส์ ท่านหัวหน้า ทำไมท่านต้องให้สัญญาเช่นนั้นกับเขาด้วยเจ้าคะ? ถ้าเขาสามารถหาเงินหนึ่งล้านเหรียญทองมากองต่อหน้าท่านได้จริงๆ ท่านจะแต่งงานกับเขาจริงๆหรือเจ้าคะ?” หญิงสาวคนพี่อดไม่ได้พี่จะถามออกมาด้วยความโกรธทันที

 

ในความคิดของนางนั้นหลีหู่ช่างเป็นคนเนรคุณเสียจริงๆ ก่อนที่ท่านหัวหน้าคนเก่าจะจากไปเขาก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะทำให้ตนเองได้ปกครองที่นี่แล้ว ถ้าหากหัวหน้าคนเก่าไม่พาตัวเขามาอยู่อาศัยที่นี่เขาคงอดตายไปนานแล้ว

 

แม้ว่าหัวหน้าคนเก่าจะจากไปแล้วไปเขาสมควรได้เป็นหัวหน้าคนที่ 2 ของที่นี่อย่างนั้นหรอ? แล้วในตอนนี้เขาก็ยังไม่พอใจอีกด้วย เขายังรวบรวมคนของตัวเองมากมายและตั้งเงื่อนไขบ้าๆเพื่อให้ตนเองได้แต่งงานกับท่านหัวหน้าอีกด้วย ไม่รู้ว่าเขาไม่เคยส่องกระจกหรือยังไง ท่านหัวหน้าจะแต่งงานกับเขาได้ยังไงในเมื่อเขามีหน้าตาที่น่าเกลียดเช่นนั้น?

 

“ถ้าหากว่าเขาสามารถหาเงินหนึ่งล้านเหรียญทองมากองต่อหน้าข้าได้จริงๆเมื่อถึงตอนนั้นแล้วจะให้เขาแต่งงานกับเจ้าหรือยังไง? เจ้าคิดว่าชายคนนั้นจะยอมงั้นหรือ? ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนสักวันหนึ่งก็ต้องแต่งงานออกเรือน” น้ำเสียงของชิวเยวี่ยถงนั้นแผ่วเบาราวกับว่านางกำลังพูดกับตนเองอยู่

 

“ใครบอกเช่นนั้นกันเจ้าคะ? ข้ากับน้องสาวจะไม่แต่งงานออกไปไหนอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ และข้าจะอยู่กับท่านหัวหน้าไปตลอดชีวิต” ชิวจูรีบตอบกลับมาทันที

 

“นั่นก็เพราะว่าเจ้ายังไม่เจอคนที่เจ้ารู้สึกชอบหรือไม่เจ้าแค่ยังไม่อยากที่จะแต่งงานออกเรือนในตอนนี้ ไม่อย่างนั้นแล้วมันจะแตกต่างจากผู้หญิงธรรมดายังไงกัน?” ชิวเยวี่ยถงส่ายศีรษะของนางทันที

 

“ในใจของพวกเรามีแต่ท่านหัวหน้าเท่านั้นไม่มีชายใดแน่นอนเจ้าค่ะ” ชิวจู ชิวเหม่ยต่างก็หันมามองหน้ากันและพูดออกมาพร้อมๆกัน

 

มุมปากของชิวเยวี่ยถงยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยและจากนั้นนางก็หันหน้าไปมองภูเขาพร้อมกับพูดว่า “ส่งคนไปพาตัวบุตรชายของตระกูลซูมาที่นี่และดูแลเขาเป็นอย่างดี ตระกูลซูคงไม่ใช่ตระกูลธรรมดาทั่วไปแน่นอน”

 

“รับทราบเจ้าค่ะ ท่านหัวหน้า” ชิวเหม่ยรับคำสั่งจากนั้นนางก็เดินออกไปพร้อมกับชิวจู

 

ในมณฑลหลินอานนั้นมู่อี้ก็ออกมาจากเมืองแล้วแต่ในตอนนี้เขาออกมาพร้อมกับคนคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆเขา  เป็นชายตัวเล็กที่มีใบหน้าดูซื่อสัตย์และธรรมดาอย่างยิ่ง

 

ชายคนนี้มีนามว่า ฉีต้า แต่เขาก็มีนามแฝงอีกอย่างหนึ่งว่าเจ้าลิงผอมซึ่งเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญของกูเหยาเซิน

 

ตามที่เซี่ยเจิ้งได้แจ้งเอาไว้มู่อี้ กูเหยาเซินได้สนใจการเคลื่อนไหวของกลุ่มโจรภูเขามาสักพักหนึ่งแล้วและเจ้าลิงผอมผู้นี้เองที่เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้

 

อย่าดูถูกว่าเจ้าลิงผอมเป็นแค่สายลับธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ตามที่เซี่ยเจิ้งบอกมาตราบใดที่เจ้าลิงผอมได้เห็นตัวเขาก่อน เขาก็ไม่มีทางจะสัมผัสตัวเจ้าลิงผอมได้เลย

 

ถ้าหากมู่อี้ต้องการจะไปที่ภูเขาเสี่ยวหานเพื่อช่วยเหลือคน ทางที่ดีที่สุดก็คือพาเจ้าลิงผอมไปด้วย นี่คือจุดประสงค์ที่มู่อี้เข้าไปในมณฑลหลินอานก่อน แต่เขาก็ไม่คิดว่าผู้พิพากษากูจะมอบปัญหาที่หนักใจให้กับเขาด้วยเช่นกัน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด