Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 92

อ่านนิยายจีนเรื่อง Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ ตอนที่ 92 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 92 การต่อสู้บนภูเขา

 

ตัวตนของชิวเยวี่ยถงในใจของชิวจูนั้นไม่ได้เป็นแค่หัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นแต่ยังเป็นเหมือนพี่น้องคนหนึ่งของนาง

 

ดังนั้นชิวจูจึงยอมไม่ได้ที่จะมีใครมากล่าวหาว่าร้ายชิวเยวี่ยถงและในตอนนี้ชิวเยวี่ยถงต้องกลายเป็นคนผิดในสายตาของทุกๆคนที่อยู่ที่นี่

 

เมื่อนางได้ยินคำพูดของหลีหู่ที่ใส่ร้ายชิวเยวี่ยถงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดแล้วนางก็รู้สึกทนไม่ได้อีกต่อไป

 

แต่ก่อนที่ดาบของนางจะแทงเข้าไปในร่างกายของหลีหู่นั้น ดาบในมือของนางก็ถูกจับเอาไว้ด้วยนิ้วที่เรียวงามคู่หนึ่งและนางไม่อาจเคลื่อนไหวดาบในมือของตนเองได้เลย

 

“นายหญิง” ชิวจูจ้องมองไปที่นายหญิงของตนเองด้วยความสับสน นางไม่เข้าใจว่าทำไมนายหญิงของตนเองถึงยอมให้หลีหู่พูดจาใส่ร้ายอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่อธิบายอะไรเลย

 

เห็นได้ชัดว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

ในฐานะที่นางเป็นลูกน้องที่ใกล้ชิดของชิวเยวี่ยถงและได้เติบโตมาด้วยกัน ไม่มีใครรู้จักชิวเยวี่ยถงดีไปมากกว่านางอีกแล้ว การตายอย่างกะทันหันของท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนนั้นย่อมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับชิวเยวี่ยถงเลยแม้แต่น้อย

 

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก ใครจะเข้าใจอย่างไรนั้นก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” ชิวเยวี่ยถงส่ายศีรษะและพูดออกมาเบาๆ

 

“ฮ่าฮ่า ต่อไปเจ้าจะฆ่าใครดีล่ะ? เอาเลยสิสังหารข้าด้วยดาบของเจ้า” ท่าทีของชิวเยวี่ยถงทำให้หลีหู่รู้สึกได้ใจมากยิ่งขึ้น

 

“คนที่เจ้าต้องการอยู่ที่นี่แล้วและข้าก็ขอมอบเขาให้กับเจ้า” ชิวเยวี่ยถงไม่ได้สนใจคำพูดของหลีหู่แต่จ้องมองไปที่มู่อี้และพูดขึ้นมาทันที

 

“ไม่ ชิวเยวี่ยถง เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ข้าคือรองหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้และยังเป็นพี่ชายของเจ้าอีกด้วย เจ้าไม่กลัวหรือไงว่าการที่เจ้ากระทำเรื่องเช่นนี้พี่น้องทุกคนในหมู่บ้านจะทิ้งเจ้าไป?” หลีหู่รู้สึกหวั่นวิตกขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินว่าตนเองจะถูกส่งมอบให้กับมู่อี้แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหลังจากนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่เขาก็ไม่คิดว่าตนเองจะรอดจากมู่อี้ไปได้อย่างแน่นอน

 

ที่เขาพูดทุกอย่างออกมาก่อนหน้านี้ก็เพื่อหนทางรอดชีวิตของตนเอง แต่เขาก็ประเมินความใจแข็งของชิวเยวี่ยถงต่ำเกินไป ซึ่งดูเหมือนว่าชิวเยวี่ยถงก็ไม่ได้คิดที่จะช่วยเหลือเขาเลยหรือไม่นางก็ไม่เคยเหลียวมองเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

“ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีขอรับ” มู่อี้ไม่พูดให้มากความและพยักหน้าทันที การสังหารหลีหู่คือจุดมุ่งหมายที่เขาเดินทางมาที่นี่

 

หลังจากพูดจบมู่อี้ก็ไม่ได้สนใจหลีหู่ที่กำลังคุกเข่าอ้อนวอนเขาอยู่ในตอนนี้และแสงสีขาวก็พุ่งเข้าไปหาหลีหู่ที่คุกเข่าอ้อนวอนอยู่ทันที ในครั้งนี้มู่อี้ยังเล็งไปที่ศีรษะของหลีหู่อีกด้วย

 

ด้วยการโจมตีของยันต์ปราบปีศาจหลีหู่ย่อมไม่มีทางรอดไปได้แน่นอน ศีรษะของเขาเป็นเหมือนกับลูกแตงโมที่ถูกทุบจนกระจายออกไป เศษเนื้อสีแดงและสีขาวกระจายไปทั่วพื้นดินบริเวณใกล้เคียงทันที

 

ชายอีก 2 คนที่ถูกมัดเอาไว้ในตอนนี้ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พวกเขารีบคุกเข่าลงต่อหน้าชิวเยวี่ยถงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ได้โปรด ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราไม่หนีไปไหนอีกแล้วขอรับ”

 

“ใช่แล้วขอรับท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะหลีหู่บีบบังคับพวกเรา ถ้าพวกเราไม่หนีไปกับเขาด้วยเขาก็จะฆ่าพวกเราขอรับ”

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ ข้ารู้ว่าหลีหู่ซ่อนเงินที่เขาเขายักยอกไปจากหมู่บ้านมานานหลายปีไว้ที่ไหน”

 

“ข้ายังรู้อีกว่าหลีหู่ได้เตรียมแผนการทรยศต่อท่านหัวหน้าหมู่บ้านเอาไว้แล้วเมื่อแผนการของเขาเสร็จสิ้น เขาก็จะเผาทำลายหมู่บ้านแห่งนี้ทั้งหมด”

 

เฮือก!

 

หลังจากได้ยินคำพูดของชายทั้งสองคนทุกๆคนที่อยู่รอบๆบริเวณนี้ต่างก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับมาเป็นแบบนี้ ในสายตาของพวกเขานั้นหลีหู่เป็นคนที่กล้าหาญและชอบธรรมแต่กลับกลายเป็นว่าเขาคือคนที่หักหลังพี่น้องทุกคนในหมู่บ้านแห่งนี้

 

ยิ่งไปกว่านั้นหลีหู่ยังได้วางแผนที่จะเผาหมู่บ้านแห่งนี้ทั้งหมดอีกด้วย

 

นี่คือหลีหู่คนเดียวกับที่พวกเขาเคยรู้จักหรือไม่?

 

แต่ในตอนนี้ทุกๆคนก็ไม่คิดว่าชายทั้งสองคนที่ถูกมัดเอาไว้ในตอนนี้จะพูดโกหก เพราะเพื่อหนทางรอดชีวิตของตนเองพวกเขาย่อมไม่มีทางโกหกอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นเมื่อชายทั้งสองคนพูดออกมาทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เชื่ออย่างสนิทใจทันที

 

“ไอ้สารเลว!”

 

“มารดามันเถอะ!”

 

“ไอ้ระยำเอ้ย มันไม่น่าตายง่ายๆแบบนี้เลย”

 

ผู้คนที่อยู่โดยรอบเริ่มก่นด่าออกมาด้วยความโกรธและในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมชิวเยวี่ยถงถึงมอบตัวหลีหู่ให้กับศัตรู บุคคลเช่นนี้ถือเป็นภัยพิบัติสำคัญสำหรับหมู่บ้านแม้ว่าภัยพิบัตินั้นจะยังไม่เกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

 

สำหรับความสงสัยต่างๆก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็ไม่ได้สนใจอีกต่อไป แม้แต่ในจิตใจของพวกเขาก็ยังคิดว่าทั้งหมดคือความผิดของหลีหู่ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลีหู่พูดจาชี้นำพวกเขา พวกเขาจะรู้สึกสงสัยในตัวชิวเยวี่ยถงได้ยังไงกัน?

 

“เอาล่ะ นำตัวพวกเขาทั้งสองคนออกไป”

 

เมื่อชิวเยวี่ยถงพูดออกมาผู้คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เงียบไปทันทีและหลังจากนั้นชายทั้งสองคนก็ถูกลากตัวออกไปพร้อมน้ำตา

 

“ท่านได้ฆ่าคนของพวกเราไปตั้งมากมาย ตอนนี้ถึงเวลาพูดเรื่องความแค้นส่วนตัวของพวกเราทั้งสองคนแล้วหรือยัง?” ชิวเยวี่ยถงมองมาที่มู่อี้และพูดขึ้นมา คำพูดของนางทำให้ทุกคนที่อยู่รอบๆต่างก็รู้สึกตกใจตื่นขึ้นมาทันที

 

“ท่านต้องการจะพูดเรื่องนี้หรือขอรับ?” มู่อี้ก็จ้องมองมาที่ชิวเยวี่ยถงด้วยความประหลาดใจ

 

“หลีหู่ย่อมสมควรตายและท่านก็ได้สังหารเขาไปแล้ว แต่ท่านยังได้สังหารพี่น้องในหมู่บ้านของพวกเราไปหลายคนด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ท่านจะอธิบายอย่างไรดี?” เมื่อชิวเยวี่ยถงพูดออกมาบรรยากาศรอบๆบริเวณนี้ก็เริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาทันที

 

ในตอนแรกทุกๆคนคิดว่าการที่ชิวเยวี่ยถงมอบตัวหลีหู่ให้กับอีกฝ่ายจะทำให้เรื่องนี้จบลงอย่างเงียบๆแต่ไม่มีใครคิดว่านางจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมา นางทวงถามความรับผิดชอบจากมู่อี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าอย่างน้อยชิวเยวี่ยถงก็ยังใส่ใจพวกเขาอยู่

 

แต่ชิวจูกลับรู้สึกกังวลใจ น้องสาวของนางยังคงหมดสติอยู่ นางคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าหากมอบตัวหลีหู่ให้กับมู่อี้และนางจะได้ร้องขอให้มู่อี้ช่วยรักษาน้องสาวของนาง แต่ในตอนนี้นางไม่คิดว่านายหญิงของตนเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา

 

“เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าอธิบายอย่างไร?” มู่อี้ถามชิวเยวี่ยถงด้วยความสนใจ

 

“ท่านและข้าต้องต่อสู้กันด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี ถ้าหากท่านเป็นฝ่ายชนะท่านก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้เลย แต่ถ้าหากข้าเป็นฝ่ายชนะท่านจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป” ชิวเยวี่ยถงพูดออกมาอย่างเย็นชา

 

“ได้สิ!” มู่อี้ไม่ถามรายละเอียดให้มากความเพราะเขาไม่คิดว่าตนเองจะแพ้อยู่แล้ว

 

แม้ว่าชิวเยวี่ยถงจะสามารถยกระดับขึ้นมาได้ก่อนหน้านี้แต่ในตอนนี้มู่อี้เองก็ได้เข้าสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 แล้วด้วยเช่นกัน เขาไม่กล้าพูดว่าพลังของตนเองเพิ่มมากขึ้นแล้วแต่ก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ได้

 

ดังนั้นไม่ว่าชิวเยวี่ยถงจะทรงพลังมากเพียงใดในตอนนี้ แต่มู่อี้ก็ไม่อาจยอมแพ้ได้และเขาก็รู้ดีว่านี่คือการต่อสู้ที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อย่างแน่นอน

 

หลังจากได้ยินการพูดคุยกันระหว่างชิวเยวี่ยถงกับมู่อี้ ทุกๆคนที่อยู่โดยรอบก็ถอยหลังออกไปทันทีและยกจัตุรัสแห่งนี้ให้กับทั้งสองคน

 

“ลงมือเถอะ!”

 

ชิวเยวี่ยถงก็ชี้ดาบของนางขึ้นมาทันที มู่อี้ก็โค้งคำนับมาที่นางในตอนนี้ และหลังจากนั้นทั้งสองคนก็หายตัวไปในเวลาเดียวกัน

 

ที่ชิวเยวี่ยถงหายตัวไปนั้นก็เพราะความเร็วที่มากเกินไปของนาง ส่วนมู่อี้หายตัวไปเพราะธงราชันย์แห่งวิญญาณของเขา

 

“ตึง!”

 

เสียงดาบที่ฟาดฟันออกมาดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงของแสงสีขาวที่ระเบิดออก จากนั้นทั้งสองคนก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมๆกัน

 

มู่อี้ก้าวถอยไปข้างหลังและสะบัดมือออกไปพร้อมๆกัน จากนั้นยันต์ปราบปีศาจ 2 แผ่นก็พุ่งทะยานออกไปจากมือของเขาทันที

 

ดาบในมือของชิวเยวี่ยถงนั้นดูธรรมดาอย่างยิ่งแต่มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าร่างกายของนางกำลังหลอมรวมเข้ากับโลกใบนี้

 

สำหรับคนธรรมดานั้นเพียงแค่ยันต์ปราบปีศาจก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาได้แล้ว แต่ภายใต้ดาบของชิวเยวี่ยถงแสงสีขาวที่พุ่งเข้าไปนั้นถูกทำลายไปอย่างรวดเร็ว

 

แม้ว่ามู่อี้จะรู้อยู่แล้วว่าชิวเยวี่ยถงนั้นรับมือได้ยาก แต่หลังจากที่ได้ปะทะกันแล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป

 

ดาบในมือของชิวเยวี่ยถงเป็นเหมือนกับอสรพิษที่ดุร้ายตัวหนึ่ง เมื่อเขาเข้าไปใกล้เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที

 

ในเวลาเดียวกันมู่อี้ก็เข้าใจแล้วว่าในตอนนี้เขากำลังใช้ข้อบกพร่องของตนเองโจมตีไปที่จุดแข็งของอีกฝ่ายซึ่งมันไม่มีทางสำเร็จได้แน่นอน ดังนั้นมู่อี้จึงถอยออกไปอีกครั้งพร้อมกับถือตะเกียงทองแดงเอาไว้ในมือของเขา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด