Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 87

อ่านนิยายจีนเรื่อง Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ ตอนที่ 87 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 87 ทรยศ

 

หลังจากที่ซุนยี่ปรากฏตัวออกมา เขาก็หันมองไปรอบๆทันที ทุกๆคนที่อยู่ในบริเวณนี้ต่างก็หลบสายตาของเขารวมไปถึงชายชราทั้ง 2 คนด้วยเช่นกัน

 

“ผู้ชายมากมายรังแกหญิงสาวเพียงคนเดียว พวกเจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ?” ซุนยี่พูดออกมาอย่างสงบนิ่ง ในตอนนี้ตัวตนของซุนยี่ดูยิ่งใหญ่และทรงอำนาจยิ่งกว่าก่อนหน้านี้จนทุกๆคนต่างก็รู้สึกหวั่นเกรง

 

“ท่านหมอซุน พวกเราไม่ได้รังแกนาง เพียงแต่นางเอาแต่ขวางทางไม่ให้พวกเราเข้าไปพบท่านหัวหน้า ท่านเองก็น่าจะรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้เร่งรีบมากเพียงใด” ชายชราอธิบาย

 

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่เมื่อเผชิญหน้ากับซุนยี่ในตอนนี้จิตใจของทุกคนต่างก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

แม้ว่าพวกเขาต่างก็ให้ความเคารพซุนยี่ แต่ท่านหมอผู้นี้ก็ไม่ได้มีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจแต่อย่างใด ดังนั้นท่าทีที่ทุกๆคนมีต่อซุนยี่จึงมีเพียงแค่ความเคารพเท่านั้นไม่ใช่ความหวาดกลัว

 

“ไม่ว่าเมื่อไหร่พวกเจ้าก็ทำแบบนี้กับนางไม่ได้และคำสั่งห้ามใครเข้าพบท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็คือคำสั่งของข้าเอง” ซุนยี่พูดต่อไป

 

“อะไรกัน?” คำพูดของซุนยี่ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น

 

“สถานการณ์ของท่านหัวหน้าหมู่บ้านในตอนนี้ถือว่ายังไม่เหมาะสมที่นางจะออกมาพบเจอผู้คน แต่ข้าสามารถยืนยันได้ว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านจะออกมาแน่นอนเมื่อนักพรตเต๋าคนนั้นมาถึงที่นี่” ซุนยี่กล่าวยืนยัน

 

“ท่านหมอซุน หรือว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านจะได้รับบาดเจ็บหนักจริงๆ?” ชายอีกคนกล่าวถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล

 

“ตัวท่านหัวหน้าหมู่บ้านนั้นไม่มีปัญหาอะไรและท่านหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้หาวิธีรับมือกับนักพรตเต๋าคนนั้นอยู่แล้ว ทุกๆท่านโปรดวางใจเถอะ” ซุนยี่ตอบกลับมา

 

ทุกๆคนยังคงให้ความเคารพซุนยี่อยู่เสมอ เมื่อเขาให้คำตอบที่ทุกๆคนต่างก็รู้สึกพอใจแล้วก็ไม่มีใครกล้าคิดที่จะบุกเข้าไปภายในสวนแห่งนี้อีกและหลังจากได้รับคำตอบที่ตนเองต้องการครบทุกอย่างแล้วกลุ่มคนเหล่านี้ก็จากไปทันที

 

และก่อนที่จะจากไปพวกเขาต่างก็ขอโทษชิวจูด้วยเช่นกัน

 

ชิวจูเป็นคนของชิวเยวี่ยถง ถ้าหากชิวเยวี่ยถงปลอดภัยจริงๆและสถานการณ์ที่วิกฤตของหมู่บ้านครั้งนี้สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พวกเขาก็ไม่รู้ว่าชิวจูจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปฟ้องต่อชิวเยวี่ยถงหรือไม่และนางอาจจะหมายหัวพวกเขาเอาไว้แล้วอย่างแน่นอน

 

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือการขอโทษนางและยอมรับความผิดที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมา

 

หลังจากที่ทุกคนจากไปแล้วชิวจูก็ล้มลงและเอนหลังพิงประตูทันที

 

ใบหน้าเล็กๆของนางขาวซีดและแผ่นหลังของนางเปียกไปด้วยเหงื่อ นางรู้สึกราวกับว่ากำลังจะหมดสติไปในตอนนี้

 

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” ซุนยี่หันไปมองชิวจูและถามด้วยความกังวล

 

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ต้องขอบคุณท่านหมอซุนมากมิเช่นนั้นแล้ว …” ชิวจูส่ายศีรษะและตอบกลับมา

 

ถ้าหากซุนยี่ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาในตอนนั้นและกลุ่มคนเหล่านี้ได้บุกผ่านประตูเข้าไป เมื่อถึงตอนนั้นแล้วถ้าหากพวกเขาเข้าไปรบกวนชิวเยวี่ยถงได้สำเร็จนางคงไม่มีทางยกโทษให้ตัวเองอย่างแน่นอน

 

“เจ้าสบายใจได้แล้ว ไม่มีอะไรอีกแล้ว” ซุนยี่มองมาที่ชิวจูและพูดขึ้นมาทันที แต่ไม่รู้ว่าทำไมชิวจูถึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีราวกับว่าคำพูดของซุนยี่มันทำให้นางรู้สึกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วจริงๆ

 

มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางต้องแบกรับความกดดันมากแค่ไหนในตลอด 2 วันที่ผ่านมานี้

 

หัวใจของนางเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆและทันใดนั้นนางก็รู้สึกได้ว่าดวงตาของนางเริ่มมืดลงและนางก็หมดสติไปทันที

 

ซุนยี่มองมาที่ชิวจูที่หมดสติไปอย่างกะทันหันและรีบวิ่งเข้าไปประคองนางทันที จากนั้นก็เขย่าร่างกายของนางเบาๆ

 

เมื่อชิวจูตื่นขึ้นมาอีกครั้งเวลาก็ได้ผ่านพ้นมาหนึ่งวันแล้ว นางรีบวิ่งออกมาจากบ้านของตนเองทันทีและเห็นชิวเยวี่ยถงที่ยังคงยืนอยู่หน้าต้นสนเหมือนเดิมโดยที่ท่วงท่าการยืนไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

 

เมื่อเห็นว่าชิวเยวี่ยถงยังคงยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม ชิวจูก็อดที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่ได้ ในตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นแล้วและมันเป็นวันสุดท้ายที่เส้นตายที่กำหนดจะมาถึง

 

เพราะไม่มีใครรู้ว่ามู่อี้จะมาที่นี่ตอนไหน กลางวันหรือกลางคืน

 

ถ้าหากเป็นตอนกลางวันเช่นนั้นมู่อี้ก็อาจจะมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าหากเป็นกลางคืนพวกเขายังมีเวลาได้หายใจอีกสักเล็กน้อย

 

แต่ในตอนนี้ชิวเยวี่ยถงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีท่าทีว่านางจะออกมาจากห้วงสมาธิเลย

 

ในตอนที่นางไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดีนั้นนางก็หันไปเห็นซุนยี่ที่ยังคงนั่งอยู่ไม่ไกล ในมือของเขาถือท่อนไม้เล็กๆเอาไว้ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกำลังถือมีดเล็กๆอยู่ ดูเหมือนว่าเขากำลังแกะสลักไม้ท่อนนั้นด้วยความตั้งใจ. .

 

ในตอนที่เขากำลังแกะสลักอยู่นั้นเศษไม้จำนวนมากก็หล่นลงมาบนพื้นดินและรูปร่างของการแกะสลักนั้นก็ค่อยๆเผยให้เห็น แม้ว่าการแกะสลักครั้งนี้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่ชิวจูก็สามารถมองเห็นได้ว่าซุนยี่กำลังแกะสลักท่อนไม้ให้กลายเป็นหญิงสาวคนหนึ่งอยู่

 

ชิวจูไม่ได้เข้าไปรบกวนเขาแม้ว่านางจะรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่งในตอนนี้แต่นางก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมและจ้องมองท่อนไม้ในมือของซุนยี่ค่อยๆถูกแกะสลักไปเรื่อยๆ

 

จนในที่สุดเมื่อการลงมีครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นซุนยี่ก็ถอนหายใจออกมาทันที จากนั้นเขาก็เริ่มเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆต่างๆและเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนมากก็หล่นลงมาบนพื้นดินอย่างรวดเร็ว

 

ชิวจูไม่อาจเข้าใจได้ว่าซุนยี่กำลังทำอะไรอยู่หรือไม่นางก็ไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ แต่ไม่ต้องเดาเลยว่าท่านหมอซุนคงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

 

“ท่านหมอซุน” ชิวจูมองมาที่ซุนยี่และพูดออกมาเบาๆ

 

“เจ้าตื่นแล้วหรอ? รู้สึกเป็นยังไงบ้างล่ะ?” ซุนยี่ยิ้มและมองมาที่ชิวจูพร้อมกับถามขึ้นมาทันที

 

“ข้ารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน …” ชิวจูไม่ได้สนใจเรื่องของตนเองแต่จ้องมองไปที่ชิวเยวี่ยถงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

 

“เจ้าจงสบายใจเถอะ นางไม่เป็นอะไรแน่นอน เมื่อถึงเวลาตื่น นางจะตื่นด้วยตัวของนางเอง” ซุนยี่พูดออกมาอย่างสบายๆ ดูจากคำพูดของเขาแล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นห่วงชิวเยวี่ยถงเลยและเขายังมั่นใจในเรื่องนี้มากอีกด้วย

 

เมื่อได้ยินที่ซุนยี่พูดมา ชิวจูก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่จากนั้นนางก็ถามขึ้นมาว่า “ท่านหมอซุน แล้วสถานการณ์ในหมู่บ้านเป็นเช่นไรบ้าง?”

 

“ยังมีอะไรที่ข้าทำได้อีกงั้นหรือ?” ซุนยี่ตอบกลับมาอย่างสบายๆ

 

“พวกเขาคิดหาวิธีรับมือกับศัตรูแล้วหรือยัง? พวกเราน่าจะลองตั้งกับดักดูก่อนและข้าจำได้ว่าที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็มีดินปืนเป็นจำนวนมากใช่ไหม? ไม่มีใครคิดถึงวิธีนี้เลยหรือ?” ชิวจูถามขึ้นมาด้วยความกังวล

 

เพราะหมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่ที่นางเติบโตขึ้นมาและมันยังเป็นเหมือนบ้านของนางด้วยเช่นกัน ไม่ว่าศัตรูจะทรงพลังมากเพียงใดนางก็ไม่มีทางยอมทิ้งบ้านของตนเองไปง่ายๆ

 

“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ? ไม่ว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนหรือว่าหัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบันต่างก็ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจทำเพื่อคนในหมู่บ้านมาโดยตลอด จนมันมากเกินไป แต่ดูพวกคนในหมู่บ้านตอนนี้สิหลายๆคนยังคิดที่จะหนีออกไปจากที่นี่เลยด้วยซ้ำ เมื่อความสามัคคีของกลุ่มคนได้หายไปแล้วนั้น แม้ว่าเจ้าจะใช้ระเบิดหรือกับดักมากมายเพียงใดก็เอาชนะศัตรูไม่ได้แน่นอน” ซุนยี่ส่ายศีรษะของเขาและพูดออกมาเบาๆ

 

“แล้วหลีหู่ล่ะ? เขาเป็นถึงรองหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้ เขาไม่ทำอะไรเลยหรือ?” ชิวจูถามกลับมาด้วยความรู้สึกสับสนและในตอนนี้นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซุนยี่กำลังคิดอะไรอยู่

 

“การหนีออกไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ทำให้เขาสามารถกลับมาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านได้อีกครั้งหนึ่ง เจ้าคิดหรอว่าเขาจะยอมตายเพื่อคนในหมู่บ้านจริงๆ?” ซุนยี่ตอบกลับมา

 

“หนีไปหรือ?” ชิวจูรู้สึกตกตะลึงจริงๆ

 

แม้ว่านางจะเคยคิดถึงความเป็นไปได้มากมายก่อนหน้านี้ อย่างเช่น หลีหู่จะรู้สึกหวาดกลัวกับสถานการณ์ในตอนนี้แต่นางก็ไม่คิดว่าหลีหู่จะหนีไปจริง บางทีนางอาจจะเคยคิดถึงเรื่องนี้แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆดังนั้นนางจึงข้ามความคิดเช่นนี้ไปทันที

 

เพราะบิดาผู้ให้กำเนิดของหลีหู่ก็เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของหมู่บ้านแห่งนี้และเขายังถูกรับมาเลี้ยงโดยท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อน เขาถือว่าเป็นลูกชายคนหนึ่งของท่านหัวหน้าหมู่บ้านคนก่อนและในตอนนี้เขายังเป็นถึงรองหัวหน้าหมู่บ้านอีกด้วย เขาจะหนีไปได้ยังไงกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องทุกๆอย่างก็เกิดขึ้นเพราะเขา ผู้คนมากมายในหมู่บ้านยังเลือกที่จะต่อสู้กับศัตรูโดยไม่ลังเลและยังมีพี่น้องในหมู่บ้านที่ต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก เขากล้าหนีความผิดที่ตัวเองก่อไปได้ยังไงกัน?

 

หรือว่าเขากลายเป็นคนไม่มีหัวใจไปแล้ว? ความรักและความผูกพันของพี่น้องทุกๆคนในหมู่บ้านไม่มีผลกับเขาเลยหรือยังไง?

 

ดูเหมือนว่าท่านหมอซุนจะไม่ได้โกหกเรื่องนี้และนางเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ท่านหมอซุนคงไม่โกหกนางอย่างแน่นอน หลีหู่หนีไปแล้วจริงๆแม้ว่านางจะรู้สึกไม่อยากจะเชื่อก็ตาม

 

ชิวจูรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าตนเองถูกทรยศ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด