Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 86

อ่านนิยายจีนเรื่อง Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ ตอนที่ 86 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 86 ขวางทาง

 

เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูนั้น หัวใจของชิวจูก็สั่นขึ้นมาทันทีและนางก็รู้ดีว่าเส้นตายที่กำหนดไว้นั้นใกล้จะมาถึงแล้ว

 

เมื่อหันไปมองชิวเยวี่ยถงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ชิวจูก็ทำได้เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆและเดินไปที่หน้าประตูเท่านั้น

 

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นนางจะปล่อยให้คนเข้าไปรบกวนนายหญิงของตนเองไม่ได้ แม้ว่านางเองก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงของตนเองแต่คำสั่งที่นางได้รับมานั้นย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด

 

เมื่อเดินมาที่หน้าประตูชิวจูก็ถามขึ้นมาเบาๆว่า “ใครกัน?”

 

บางทีอาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายกลัวน้ำเสียงของชิวจู เสียงเคาะประตูจึงหายไปทันทีและจากนั้นชิวจูก็ก้าวออกไปเปิดประตู

 

“ท่านผู้อาวุโสหวัง ท่านผู้อาวุโสหลี่ ท่านมาที่นี่ทำไมกัน?” ชิวจูมองไปที่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับใช้ร่างกายของนางขวางประตูเอาไว้

 

ทั้งสองคนต่างก็เป็นผู้อาวุโสที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ พวกเขามีอายุมากกว่าหัวหน้าหมู่บ้านคนเก่าเสียอีก ในหมู่บ้านแห่งนี้พวกเขาถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มียศศักดิ์และอำนาจ

 

เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนที่มาที่นี่

 

ด้านหลังของพวกเขาทั้งสองคนนั้นยังมีคนอีกประมาณ 10 คนที่กำลังยืนอยู่ แต่คนเหล่านั้นต่างก็จ้องมองมาที่ชิวจูโดยไม่ได้พูดอะไร

 

ชิวจูได้ผ่านประสบการณ์การต่อสู้มามากมายในตอนที่นางใช้ชีวิตอยู่กับชิวเยวี่ยถง แต่ในตอนนี้นางมีเพียงแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น

 

ลักษณะนิสัยของชิวจูนั้นเป็นคนที่ช่างพูดและมีชีวิตชีวาแตกต่างจากน้องสาวของนางที่เป็นคนสงบนิ่งอยู่เสมอ ดังนั้นชิวเหม่ยจึงได้รับหน้าที่ให้รับผิดชอบเรื่องที่สำคัญภายในหมู่บ้านแห่งนี้ แต่ในตอนนี้ชิวจูรู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้มีเพียงแค่นางที่ต้องเผชิญหน้าด้วยตนเองแล้ว

 

“ชิวจูนี่ก็ผ่านมาตั้ง 2 วันแล้ว เหตุใดยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้อีก? ไม่ว่ายังไงวันนี้พวกเราก็ต้องพบหน้านางให้ได้” หนึ่งในชายชราที่ยืนอยู่นั้นพูดกับชิวจูด้วยน้ำเสียงสุภาพ และด้วยความอาวุโสของเขานั้นเขาย่อมสามารถตำหนิชิวจูได้

 

ถ้าหากว่าเป็นสถานการณ์ปกติชิวจูคงไม่ต้องออกหน้าด้วยตัวเองเช่นนี้ แต่ในวันนี้มันกลับต่างออกไปเพราะในสวนแห่งนี้มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับทุกๆคน

 

ในอดีตนั้นเป็นชิวเยวี่ยถงและน้องสาวของนางที่รับหน้าที่ทำเรื่องแบบนี้ แต่ในวันนี้เหลือเพียงนางคนเดียวแล้วที่ต้องเป็นที่พึ่งพิงบังแดดลมฝนให้กับชิวเยวี่ยถงและน้องสาวของนาง

 

“ไม่ได้ นายหญิงกำลังพักผ่อนห้ามผู้ใดเข้าไปรบกวน” ชิวจูสูดหายใจเข้าไปลึกๆและพูดออกมาทันที

 

“แม้ว่านางจะกำลังพักผ่อนอยู่แต่เจ้าก็รู้ดีว่าเรื่องนี้สำคัญมากแค่ไหนใช่ไหม? คนแบบชิวเยวี่ยถงนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่นางจะหายตัวไป 2 วันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผล เว้นแต่ว่านางจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดจริงๆ” ชายชราอีกคนจ้องมองมาที่ชิวจูด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดและพูดตำหนิอย่างรุนแรง

 

ดวงตาของชิวจูสั่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่นางก็ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่ถอยไปไหน

 

ถ้าหากว่านางไม่ได้บาดเจ็บคิดหรอว่านางจะกลัวคนเหล่านี้ ใครก็ตามที่กล้าก้าวผ่านประตูเข้ามาต้องถามดาบในมือของนางก่อน

 

ก่อนหน้านี้นางได้รับยันต์ปราบปีศาจของมู่อี้เข้าไป 2 แผ่นอย่างต่อเนื่องและร่างกายของนางก็บาดเจ็บไม่น้อยด้วยเช่นกัน แต่ด้วยสถานการณ์ของน้องสาวนางและชิวเยวี่ยถง นางจึงจำเป็นต้องยืนหยัดขึ้นมาในตอนนี้

 

ถ้าหากกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้านางในตอนนี้ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามก็คงจะดี ด้วยสภาพร่างกายของนางในตอนนี้ย่อมไม่อาจรับมือกับคนจำนวนมากขนาดนี้ได้แน่นอน ถ้าหากพวกเขายืนยันที่จะบุกเข้ามานางก็คงต้องยืนหยัดต่อสู้จนตัวตายเท่านั้น

 

“หึ นายหญิงนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใดพวกท่านก็น่าจะรู้ดี แม้ว่าศัตรูจะทรงพลังแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะนายหญิงได้ พวกท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง?” ชิวจูพูดออกมาด้วยความมั่นใจเพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

แม้ว่าชิวเยวี่ยถงจะไม่อาจรับมือมู่อี้ได้แต่นางก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเลย ในตอนแรกนางก็แค่หนีหน้าผู้คนในหมู่บ้านเท่านั้นแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ทำให้นางต้องยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

 

แม้ว่าชิวจูจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นางก็เติบโตมาพร้อมกับชิวเยวี่ยถงตั้งแต่ยังเด็กดังนั้นนางจึงรู้จักชิวเยวี่ยถงเป็นอย่างดี การที่ชิวเยวี่ยถงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนจะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอนและเมื่อนางมองไปยังชิวเยวี่ยถงในตอนนี้มันก็เหมือนกับว่าชิวเยวี่ยถงกำลังเข้าสู่สมาธิราวกับว่าได้ตรัสรู้หรืออะไรแบบนั้น

 

แต่ชิวจูก็ไม่อาจทราบได้อย่างแน่ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น นางทำได้เพียงคาดเดาตามความเข้าใจของตนเองเท่านั้น

 

แต่ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นแล้วนางก็รู้ดีว่า ห้ามผู้ใดเข้าไปรบกวนชิวเยวี่ยถงในตอนนี้เพราะการเข้าสู่สมาธิเช่นนี้นั้นคงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยอย่างแน่นอน

 

“หากเป็นเช่นนั้นแล้วทำไมนางยังไม่ออกมาเสียที?” ผู้อาวุโสทั้งสองคนถามกลับมา เป้าหมายของพวกเขานั้นชัดเจนยิ่งนักนั่นคือการเข้าพบชิวเยวี่ยถง ให้ชิวเยวี่ยถงเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ นางเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้ย่อมหมายถึงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยเช่นกัน

 

ชิวจูพูดไม่ออกและไม่รู้ว่านางควรจะอธิบายอย่างไรดี เพราะข่าวที่กระจายออกไปนั้นเริ่มต้นจากชิวเยวี่ยถงได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องการพักผ่อน

 

แต่นี่เวลาก็ผ่านมากว่า 2 วันแล้วและชิวเยวี่ยถงยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย ถ้าหากนางบอกว่าในตอนนี้ชิวเยวี่ยถงกำลังอยู่ในห้วงสมาธิคิดว่าคนเหล่านี้จะเชื่อหรือ? พวกเขาต้องคิดว่านางกำลังโกหกอยู่แน่นอน ถ้าหากความโกรธของพวกเขาเข้าไปรบกวนชิวเยวี่ยถงในตอนนี้ทุกๆสิ่งที่ทำมาก็จะไร้ความหมาย

 

“ข้าบอกได้เพียงว่า นายหญิงไม่อาจพบใครได้ในวันนี้ ดังนั้นจึงขอให้พวกท่านจากไปแต่โดยดี” ชิวจูทำได้เพียงตอบกลับมาแบบนี้เท่านั้น

 

เพราะว่านางยังเด็กเกินไปและนางยังขาดประสบการณ์อีกมากจึงทำให้วิธีจัดการกับปัญหาของนางมีอยู่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น ตั้งแต่พวกเขาเลือกที่จะยืนหยัดอยู่ที่หน้าประตูนั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่คิดที่จะถอยกลับไปในวันนี้อยู่แล้ว

 

สถานการณ์ของหมู่บ้านในวันนี้นั้นแตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิงและในใจของทุกๆคนต่างก็รู้ดีโดยไม่ต้องอธิบาย แต่ในช่วงเวลาที่วิกฤติเช่นนี้ชิวเยวี่ยถงก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก ไม่ว่าใครก็ต้องคิดว่านางกำลังหลีกเลี่ยงหนีหน้าทุกๆคนในหมู่บ้านอย่างแน่นอน

 

แม้แต่พวกผู้อาวุโสที่เคยภักดีต่อชิวเยวี่ยถงก่อนหน้านี้ก็ต้องรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของชิวเยวี่ยถงในตอนนี้ ถ้าหากว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆอย่างนั้นพวกเขาก็จะพิจารณาสิ่งที่ควรทำต่อไป

 

ความจริงแล้วความภักดีที่พวกเขามีต่อชิวเยวี่ยถงนั่นก็เป็นเพราะว่ายังไม่มีผลประโยชน์มากพอที่จะทำให้พวกเขาต้องหักหลังหรือไม่การที่พวกเขาแสดงความภักดีออกมานั้นอาจจะเป็นประโยชน์กับพวกเขามากกว่า

 

“เจ้าพูดมาสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง? ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมเจ้าต้องขวางไม่ให้พวกเราเข้าไปด้วย?”

 

“ใช่ ข้าจับตาดูเจ้ามาสักพักหนึ่งแล้ว ท่านหัวหน้าหมู่บ้านอาจจะโดนเจ้ากักขังเอาไว้ที่นี่ก็เป็นได้”

 

“จัดการนางซะ พวกเราจะได้เข้าไปตามหาท่านหัวหน้าหมู่บ้าน”

 

“ใช่แล้ว จัดการนางก่อน”

 

ชิวจูไม่คิดว่าคำพูดของนางจะไม่ได้ผลแต่มันกลับทำให้เรื่องราวใหญ่โตมากยิ่งขึ้นด้วย เมื่อได้เห็นกลุ่มคนเหล่านี้กำลังพุ่งตัวเข้ามาหานาง ในตอนที่นางรู้สึกได้ว่าท้องฟ้ากำลังถล่มลงมาและนางก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดีนั้นก็มีสายลมเย็นที่พัดเข้ามาหานางทันที

 

“โปรดหยุดเถอะถ้าหากพวกท่านยังเห็นแก่ข้า” จากนั้นก็มีคนคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชิวจูและปกป้องนางเอาไว้

 

“ท่านหมอซุนหรือ?”

 

ชายชราที่เป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้นั้นคิดว่าพวกเขาสามารถเอาชนะชิวจูได้อย่างแน่นอน ความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายนาง พวกเขาก็แค่ต้องการเข้าพบชิวเยวี่ยถงเท่านั้นและพวกเขาเชื่อว่าชิวเยวี่ยถงจะไม่ว่าอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าบุกเข้าไป

 

แต่ใครจะคิดกันว่าแค่พวกเขาเริ่มลงมือก็มีอุปสรรคขวางหน้าเสียแล้วและคนที่เข้ามาขวางในตอนนี้ยังเป็นคนที่พวกเขาต่างก็รู้สึกคุ้นเคยมากด้วย เขาคือหมอของหมู่บ้านแห่งนี้ ท่านหมอซุน

 

ท่านหมอซุนผู้นี้ไม่ค่อยแสดงตัวในหมู่บ้านมากนักแต่ด้วยความรู้และความสามารถในด้านการแพทย์จึงทำให้ผู้คนมากมายในหมู่บ้านแห่งนี้ต่างก็เคารพเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่าท่านหมอซุน

 

พวกเขากล้าลงมือกับชิวจูแต่ไม่กล้าลงมือกับซุนยี่อย่างแน่นอนและซุนยี่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่อย่างรวดเร็วและกะทันหันจนเกินไป

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด