God of illusions – ตอนที่ 38 พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป!
God of illusions ตอนที่ 38 พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป!
การตอบสนองแรกที่ทุกคนมีเมื่อเผชิญหน้ากับเสวี่ยอิ่งคือความหวาดกลัว แต่ความรู้สึกอัปยศอดสูจู่โจมหัวใจพวกเขาอีกคราเมื่อเห็นชุดนักเรียนที่นางสวมใส่
“ข้าถูกศิษย์ใหม่ข่มขู่อีกแล้ว!”
“ศิษย์น้อง เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก ไม่มีเหตุจําเป็นต้องปกป้องเจ้าเด็กนี่ อีกอย่างเจ้าไม่มีความสามารถพอที่จะเอาชนะพวกเราทั้งหมด มันคงจะดีกว่าหากเจ้าไม่เข้ามายุ่ง!” จ้าวฮั่นก้าวไปข้างหน้า สุ้มเสียงข่มขู่ปรากฏให้เห็นชัดเจน หากเสวี่ยอิ่งมิใช่สาวงามเขาคงเรียกหุ่นเชิดมาจัดการไปนานแล้ว
ท่าทีของผู้อื่นไม่ต่างกันเท่าใดนัก แค่เพียงจ้าวฮั่นสั่งพวกเขาไม่ลังเลที่จะทําลายบุปผางามนี้เลย แน่นอนว่าการ “กระทบกระทั่งทางร่างกาย” นิดหน่อยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ในสถานการณ์เช่นนี้
แต่มีข้อยกเว้นในกลุ่มฝูงชน และนั่นคือป๋ายเย่ที่ฉีกหน้ากากป๋ายเสี่ยวเฟยเมื่อครู่!
ไม่เพียงเขาไม่ออกมาพูดส่งเสริมยุยงทุกคนเมื่อเห็นเสวี่ยอิ่ง เขาถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว เขาเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ อย่างระมัดระวัง
“มีเหตุผล แต่หากข้าจะยุ่งเล่า?” เสวี่ยอิ่งยิ้มเยาะ สําหรับนาง “ศิษย์พี่” ปีหนึ่งพวกนี้ไม่นับเป็นตัวอันใด นางยังคงท่าที่ผ่อนคลายเช่นเดิม
หากแต่พวก ศิษย์พี่” ไม่คิดเช่นนี้ ในสายตาของพวกมันเสวี่ยอิ่งแค่เก่งในด้านการแสดงเท่านั้น!
“เช่นนั้นคงต้องขอล่วงเกิน!” เสียงของจ้าวฮั่นยังไม่ทันจางหายไปจากอากาศเขาก็พุ่งตรงไปยังเสวี่ยอิ่ง หุ่นเชิดรูปร่างกระบี่ในมือเรืองแสงสีเหลืองเล็งเป้าไปที่ไหล่ขวาของเสวี่ยอิ่ง
ในเวลาเดียวกันคนอีกสิบกว่าคนที่เหลือติดตามเขาไปห้อมล้อมทางหนีของเสวี่ยอิ่ง แต่พวกเขาลืมไปอย่างหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้นหากเสวี่ยอิ่งไม่ต้องการทางหนี?
และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!
ก่อนที่กระบี่ของจ้าวฮั่นจะทันได้ถึงตัวเสวี่ยซิ่ง นางขยับตัวเล็กน้อยไปด้านข้างหลบเลี่ยงกระบี่นั้น จ้าวฮั่นราวกับคาดการณ์ได้อยู่แล้ว มือซ้ายของเขาเอื้อมไปยังเอวของนาง
ตั้งแต่แรกจ้าวฮั่นมีความตั้งใจที่จะเอารัดเอาเปรียบนาง เพราะเสวี่ยอิ่งเป็นเพียงศิษย์ใหม่ในสายตาเขา แถมยังเป็นศิษย์ใหม่จากห้องเรียนอํามหิต!
แต่การตอบสนองของเสวี่ยอิ่งเหนือความคาดหมายของเขา นางหายตัวไปจากสายตา ก่อนที่จ้าวฮั่นจะทันได้ตอบสนอง ในชั่ววินาทีต่อมาเขาพลันสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดรุนแรงบริเวณข้างล่างซี่โครง ร่างของเขาคดงอเหมือนกุ้ง พุ่งกระเด็นไปด้านหลัง
นอกจากป๋ายเสี่ยวเฟย ไม่มีใครเตรียมพร้อมกับฉากตรงหน้า ในยามที่ทุกคนได้ฟื้นคืนสติจากอาการตกตะลึง เสวี่ยอิ่งได้เริ่มกระโจนเข้าใส่ทั้งกลุ่มราวหมาปาตะครุบฝูงแกะ นางจัดการพวกเขาทีละคน ทีละคนโดยไม่ออมแรง
คนแล้วคนเล่า ศิษย์พี่สิบกว่าคนกลายมาเป็นกระสอบทรายรูปร่างมนุษย์กระเด็นกระดอนไปทุกทิศทาง หลังจากร่วงหล่นถึงพื้น ไม่มีใครในหมู่พวกมันที่สามารถยืนขึ้นมาได้ สิบกว่าคนทั้งหมดนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นสองมือกุมท้อง
“จุ๊จุ๊ อ่อนแอเหลือเกิน” เสวี่ยอิ่งปัดฝุ่นที่มือสีหน้าไม่ปกปิดความเหยียดหยันแม้แต่น้อย นางหันไปมองป๋ายเย่ที่ยังยืนอยู่
เป็นเพราะป๋ายเย่ไม่ได้เข้ามาร่วมต่อสู้ เขารอดพ้นภัยพิบัติได้อย่างเฉียดฉิว
“มีใครอยากจะเข้ามาอีก? แค่นี้ยังไม่พอให้ข้าอุ่นเครื่องด้วยซ้ำ”
ป๋ายเย่ที่เตรียมพร้อมจะลงไปนอนกับพื้นตื่นตระหนกเล็กน้อย เขากลืนน้ำลายอีกใหญ่อย่างยากลําบากเมื่อได้ยินสิ่งที่เสวี่ยอิ่งกล่าว
“เจ้าเป็นศิษย์ใหม่จริงหรือ?”
“ข้าใหม่แน่ แต่เจ้าเดาเอาเองว่าเป็นศิษย์ใหม่หรือไม่” เสวี่ยอิ่งเลิกคิ้วขึ้นมองป๋ายเย่ นางไม่มีสํานึกว่าตนเป็นอาจารย์แม้แต่นิด ในยามนี้นางคล้ายคลึงป๋ายเสี่ยวเฟยเล็กน้อย
“มันเป็นไปไม่ได้ที่คนระดับเจ้าจะเป็นแคศิษย์ใหม่ แต่การช่วยเหลือเขาเช่นนี้เท่ากับต่อต้านอันดับค่าหัว ต่อให้เจ้าปกป้องเขาได้บางครา มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะปกป้องเขาไปตลอดทั้งสี่ปี และเจ้าอาจจะถูกลากลงไปด้วยในท้ายที่สุด”
ป๋ายเย่มีสีหน้าเคร่งขรึมขณะประเมินสถานการณ์ของเสวี่ยอิ่ง เขาพยายามหว่านล้อมให้นางยอมเลิกช่วยเหลือป๋ายเสี่ยวเฟย มิเช่นนั้นหนทางสู่การแก้แค้นของเขาคงยากขึ้นมากเป็นแน่แท้
“จะมาก็มา หากกลัวก็ไปเรียกคนอื่น คําพูดไร้สาระที่เจ้ากล่าวไม่มีค่าอันใดเพราะข้าจะปกป้องป๋ายเสี่ยวเฟยแน่!” เสวี่ยอิ่งกําหมัดแน่นไม่มีที่ความตั้งใจว่าจะล้มเลิกแม้แต่น้อย ท่าทีมุ่งมั่นของนางทําป๋ายเย่หน้าแดงกําด้วยโทสะ
“แล้วเจ้าจะเสียใจ!” ป๋ายเสี่ยวเฟยหันหลังจากไปพลางกล่าว ในอีกด้านเสวี่ยอิ่งหมุนตัวไปมองป๋ายเสี่ยวเฟยก่อนจะเห็นฉากที่ทําให้นางแทบกระอักเลือด
“ให้เจ้าจากไปแลกกับหินชิงหลัวห้าสิบก้อนไม่แพงเลยสักนิด มิเช่นนั้นเจ้าสามารถรั้งอยู่ที่นี่เพื่อดื่มกับกําปั้นเหล็กของพี่หญิงเสวี่ยได้เลย” ป๋ายเสี่ยวเฟยดึงศิษย์พี่ขึ้นมาก่อนจะเขย่าตราหยกในมือ นามของเสวี่ยอิ่งมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เพราะศิษย์พี่มีแต่ต้องเลือกจ่ายเงินอย่างไม่เต็มใจเมื่อเผชิญหน้าต่อพลังอหังการของเสวี่ยอิ่ง
“ป๋ายเสี่ยวเฟย!” เสวี่ยอิ่งตวาดลั่นอย่างกราดเกรี้ยวราวกับกําลังจะกลืนกินใครสักคน เป็นเพราะกําลังต่อสู้แต่เจ้าหนูน้อยผู้นี้กลับเริ่มเก็บเงินค่าคุ้มครอง!
“พี่หญิงเสวี่ย ข้าได้ยินมาว่ามีผลิตภัณฑ์บํารุงผิวในย่านการค้าของสํานัก ด้วยหินชิงหลัวพวกนี้ หนุ่มหล่อเหลานับไม่ถ้วนจักต้องหลงเสน่ห์ท่านเป็นแน่แท้!”
ป๋ายเสี่ยวเฟยตอบกลับอย่างฉับพลัน เขาหยุดยั้งเสวี่ยอิ่งก่อนที่คําพูดต่างๆ นานาจะทันได้ออกมาจากปากนาง
ความเย้ายวนของผลิตภัณฑ์เสริมความงามเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่กี่คนจะต้านทานได้ และเสวี่ยอิ่งไม่ใช่หนึ่งในนั้น
“หนึ่งร้อยก้อนต่อคน!” ไม่เพียงแต่นางจะไม่อาจต้านทาน นางถึบกับโหดร้ายทารุณกว่าป๋ายเสี่ยวเฟย!
ป๋ายเสี่ยวเฟยหมุนตัวกลับอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะกวาดตามองไปยังศิษย์พี่ทั้งหลายที่ใบหน้าซีดขาวราวซากศพ เขาเผยให้เห็นสีหน้าว่าเขามิใช่ตัวบงการ
“ศิษย์พี่ ท่านก็ได้ยินแล้วว่านี่เป็นคําของนางไม่ใช่ข้า เพราะฉะนั้น…”
ทั้งสิบสามศิษย์พี่กล้ำกลืนความรู้สึกอยากกระอักเลือด พลางหยิบยื่นหินชิงหลัวมากกว่าหนึ่งร้อยก้อนให้ป๋ายเสี่ยวเฟยเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ใบหน้าทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยน้ำตาขณะที่พวกเขาเดินออกจากห้อง
“พี่หญิงเสวี่ย ข้าเก็บรวบรวมเสร็จแล้ว” ป๋ายเสี่ยวเฟยยื่นตราหยกไปทางเสวี่ยอิ่ง ประกายแสงตื่นเต้นแวบผ่านนัยน์ตาของนาง แต่ท้ายที่สุดนางกัดฟันแน่นใช้มือดันตราหยกกลับไปยังป๋ายเสี่ยวเฟย
“หากข้ารับไว้ข้าจะต้องออกจากการเป็นอาจารย์ แต่เจ้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าให้ผลิตภัณฑ์เป็นของขวัญแก่ข้า” เสวี่ยอิ่งกําหมัดแน่นพลางเอ่ยต่อป๋ายเสี่ยวเฟยอย่างดุดัน
“ท่านไม่ต้องเป็นกังวลพี่หญิงเสวี่ย ของพวกนี้ข้าถนัด” ป๋ายเสี่ยวเฟยเลิกคิ้วขึ้นขณะเก็บตราหยกด้วยสีหน้าระรื่น ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร จากสีหน้าท่าทางของเขาราวกับว่าเขาได้คาดเดาไว้แล้วว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก
ขณะที่ทั้งสองแบ่งปันสินสงครามอย่างชื่นใจ กลุ่มใหญ่อีกกลุ่มก็วิ่งเข้ามาใกล้ แรงกดดันที่กลุ่มนี้ปลดปล่อยออกมามากกว่ากลุ่มเมื่อครู่เป็นอย่างน้อยสิบเท่า!
“พี่หญิงเสวี่ย ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว พวกเราจะร่ำรวยหลังจัดการกลุ่มนี้เสร็จ!” ป๋ายเสี่ยวเฟยไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขากลืนน้ำลายอีกใหญ่อย่างตื่นเต้น สําหรับเขาถ้าคนพวกนี้มิใช่ศิษย์ปีสาม พวกมันก็ไม่ต่างอะไรจากเอาหินชิงหลัวมาให้เขา
หากแต่เสวี่ยอิ่งกลับไม่คิดเช่นนั้น…
คอมเม้นต์