ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 9.2

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยอดหญิงแห่งวังหลัง ตอนที่ 9.2 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 9-2 พี่น้อง

เมื่อคิดว่าเว่ยหยางสนใจฟังในสิ่งที่กำลังกล่าวฮัวเหม่ยจึงกล่าวต่อไปว่า

“คุณหนูใหญ่เป็นเหมือนนางฟ้าจากสวรรค์ นางมิเพียงเป็นผู้ที่มีจิตใจดีและมีเมตตาเท่านั้น

แต่ทักษะยังยอดเยี่ยมอีกด้วย นางเก่งทุกอย่างเลย

ก่อนหน้านี้ คุณหนูอื่น ๆ มิได้อ่านหนังสือและบทกวี

แต่คุณหนูใหญ่ได้ไปหาท่านย่าใหญ่ และบอกกล่าวว่า ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงก็ควรส่งเสริมให้มีการศึกษาเล่าเรียน

ด้วยเหตุนี้ ท่านย่าใหญ่จึงเดินทางไปภูเขาหยวน และเชิญอาจารย์หญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดกลับมาที่บ้านตระกูลหลี่เป็นการส่วนตัว

การต้อนรับแบบพิเศษเช่นนี้ คงมีเพียงแห่งเดียวในแคว้นต้าหลี่!”

หลี่เว่ยหยางวางมือของนางบนราวบันได ขณะที่จับมันอย่างแน่นหนา รอยยิ้มที่สดใสได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้น

“เป็นความจริงหรือ? พี่ใหญ่มีความสามารถจริงหรือ?”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะคิกคักของเด็กสาวก็ดังมาแต่ไกล

หลี่เว่ยหยางจัองมองไปยังฝั่งตรงข้าม และได้เห็นเด็กสาวที่แต่งกายงดงามสองคนเดินออกมาจากห้องหนังสือ

หนึ่งในนั้นชี้มาที่นาง และเอ่ยถามคำถาม

“เจ้าคือผู้ใด? เหตุใดข้ามิเคยเห็นเจ้ามาก่อนเลย”

เว่ยหยางมิต้องการที่จะพบเจอผู้คนพวกนี้เลย

แต่ดูเหมือนว่า เป็นพวกนางต่างหาก ที่ต้องการจะเดินมาหาเว่ยหยาง

นางยิ้มอย่างเบื่อหน่าย และในใจคิดว่า บางทีประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอย

“ผู้ที่เอ่ยถามคือคุณหนูห้า ส่วนผู้ที่ยืนอยู่ข้างนางคือ คุณหนูสี่” ฮัวเหม่ยกระซิบเตือน

ภายในพริบตาคุณหนูห้า ผู้ที่มีชื่อว่าหลี่ฉางซีได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านางแล้ว

ฉางซีสวมชุดแขนสั้นสีฟ้าอ่อน บนเส้นผมนั้น มีปิ่นปักผมอันเล็กที่งดงามปักอยู่

และบริเวณรอบคอมีสร้อยคอทองคำสีเหลืองอร่ามที่ประดับด้วยอัญมณีหลากสี

นางมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเอียงขึ้นเล็กน้อย และระหว่างคิ้วของนางมีจุดเล็ก ๆ

แก้มอิ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ และในเวลาหัวเราะปากนั้นจะแยกออกจากกันเพียงเล็กน้อย

เผยให้เห็นฟันขาวเกลี้ยง แค่มองเพียงแวบแรก ยังมีความรู้สึกชื่นชอบนาง

ด้านข้างคุณหนูหัามีเด็กสาวหน้าตาคล้ายกันอีกผู้หนึ่ง

แม้ว่านางจะสวมชุดสีชมพูอมแดง และมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับหลี่ฉางซี แต่ดูเหมือนว่า จะมีความอ่อนโยนกว่ามาก

นางมิใช่ผู้อื่น นอกจากคุณหนูสี่,ชื่อว่า หลี่ฉางเซี่ยว

“น้องสี่ น้องห้า” เว่ยหยางทักทาย

หลี่เว่ยหยางยิ้มดูไร้เดียงสา แต่ยังมีสีหน้าแสดงถึงความขี้อายอยู่

แสงแดดยามบ่ายสาดส่องกระทบมายังใบหน้าที่เล็กเรียว ทำให้ความงามของนางเปล่งประกายสดใส

คุณหนูสี่, หลี่ฉางเซี่ยวพยักหน้าและยิ้มให้เว่ยหยางอย่างเป็นมิตร

ในทางกลับกัน หลี่ฉางซีหัวเราะเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงที่แสดงอารมณ์เยาะเย้ย และดูมีท่าทีหยิ่งยโสมิเบา

“เจ้ากลับมาได้มินานเท่าใด เหตุใดจึงเรียกพวกเราเช่นนั้น”

หลี่เว่ยหยางกระพริบตา และกล่าวว่า

“ข้าเรียกเจ้าว่า น้องสาวมิได้หรือ เช่นนั้นจะให้ข้าเรียกเจ้าว่า พี่สาวหรืออย่างไร?”

หลี่ฉางซีมิรู้ว่าจะโต้ตอบกลับอย่างไรดี คิ้วของนางจึงขมวดขึ้นทันทีด้วยความโกรธ

ขณะที่มองไปยังหลี่เว่ยหยางจากหัวจรดเท้า นางสังเกตเห็นว่า เว่ยหยาง

นับได้ว่า เป็นผู้ที่ค่อนข้างงดงาม มีผิวพรรณที่ละเอียดอ่อน ผมดำขลับเหมือนหมึก และคิ้วที่ได้รูปสมบูรณ์แบบ

เมื่อเทียบกับภาพลักษณ์ที่ฉางซีเคยคิดเอาไว้ในใจ มันช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้น นางจึงรู้สึกว่า มีความทุกข์เกิดขึ้นในหัวใจ

“ความหมายเบื้องหลังคำกล่าวของเจ้าคืออันใด? เจ้าต้องการที่จะมีปัญหากับข้าหรือ?”

“ผู้ที่กำลังหาเรื่องคือเจ้า!” ในดวงตาสีดำมืดของเว่ยหยางมีประกายของความเย็นชาเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มันเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา และจากนั้นได้จางหายไปอย่างรวดเร็ว จนมิสามารถสังเกตเห็นได้

ในตอนนี้ บนใบหน้านั้นยังคงมีรอยยิ้มอยู่

“น้องห้า ข้าต้องรีบไปคารวะท่านพ่อ ได้โปรดอย่าขวางทางข้า”

เว่ยหยางอยู่ในฐานะคุณหนูสาม จึงเรียกนางว่า ‘น้องห้า’

หลี่ฉางซีคิดว่า หลี่เว่ยหยางเป็นผู้ที่ขี้ขลาด นางจึงยิ่งได้ใจ

“เจ้ามันเป็นตัวซวย ที่เกิดในเดือนกุมภาพันธ์! เจ้ากล้ากล่าวกับข้าเช่นนั้นได้อย่างไร”

คุณหนูสี่,คุณหนูห้า พวกนางทุกคนล้วนแล้วเเต่้เป็นลูกเมียน้อยเหมือนกับ

หลี่เว่ยหยาง

ในชาติที่แล้ว หลี่เว่ยหยางมิเข้าใจว่า เหตุใดหลี่ฉางซีจึงพยายามที่จะหาเรื่ิองตนเองอยู่เสมอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางมิเคยทำอันใดฉางซีเลย

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็เข้าใจว่า เป็นเพราะสาเหตุใด

ใบหน้าของหลี่เว่ยหยาง มิมีความรู้สึกโกรธเคืองเลยแม้แต้น้อย มีเพียงรอยยิ้มที่เย็นชาเท่านั้น

“ถูกตัอง ข้าเกิดในเดือนกุมภาพันธ์ แล้วมันเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย”

เมื่อเห็นว่าหลี่เหว่ยหยางมิพอใจ

หลี่ฉางซีก็ยิ่งเกิดความหงุดหงิด

นางกำลังจะอ้าปาก เพื่อกล่าวโต้ตอบกลับไป แต่ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนโยนได้ดังขึ้น

“ฉางซี พี่สามของเจ้าเพิ่งจะกลับมา เจ้าจะกล่าววาจาหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร”

เมื่อได้ยินเสียงนี้ หลี่เว่ยหยางรู้สึกได้ถึงสายลมเย็น ๆ ปะทะมาที่แผ่นหลังของนาง เสียงนี้แม้จะผ่านไปร้อยปีก็ยังคงมิสามารถลืมมันได้

หลี่จางเล่อ!

เว่ยหยางค่อย ๆ หันกลับมา ดวงตาคู่นั้น ได้พบกับความงามที่มิมีผู้ใดเสมอเหมือน ความสง่างามนั้นย่างกรายใกล้เข้ามาแล้ว…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด