ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 5 ให้หน้า
ตอนที่5 ให้หน้า
พนักงานหญิงไม่อยากจะฟังคำหัวเราะเยาะของพวกคนโง่เหล่านี้ได้อีกต่อไปแล้ว เธอต้องการขยายความอธิบายเพิ่มเติม แต่กลับถูกจ้าวเฉียนหยุดไว้ก่อน
“น้อง ไปส่งออเดอร์เร็วๆ เถอะ ตามที่สั่งไปเลยเร็วเข้า”
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ คุณชายจ้าวโปรดรอสักครู่ ดิฉันจะรับจัดเตรียมทุกอย่างเดี๋ยวนี้”
พนักงานหญิงคนนั้นรีบวิ่งออกไปเพื่อเตรียมการทันที และภายในระยะเวลาไม่ถึงห้านาที ก็มีพนักงานอีกหลายคนเปิดประตูเข้ามา พร้อมบริการเสิร์ฟไวน์ตามรายการสั่งครบถ้วนในครั้งเดียว
คุณภาพในการบริการของที่นี่เหนือชั้นจนเรียกได้ว่า คนชนชั้นธรรมดาทั่วไปไม่มีทางสัมผัสประสบการณ์ระดับนี้ได้ มีเพียงคนอย่างจ้าวเฉียนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้
เจียงเสี่ยวปิงเอ่ยปากกล่าวออกมา ด้วยน้ำเสียงสุดดูถูกว่า
“ถ้านายมีเงินมากมายอย่างที่โม้ไว้ ก็ให้ทิปคนพวกนี้บ้างสิ แต่ละคนเชื่อฟังนายอย่างกับสุนัข”
ใครก็ตามที่มีคุณสมบัติสามารถเข้าทำงานภายในที่แห่งนี้ได้ แม้กระทั่งพนักงานเสิร์ฟก็ยังมีสถานะการศึกษาที่สูงมาก ต่อให้เป็นเจียงเสี่ยวปิงก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าทำงานที่นี่ด้วยซ้ำ แล้วพนักงานอย่างพวกเขาที่ได้ยินเธอสบประมาทดังนั้น คิดหรือว่าจะยอมปล่อยไปง่ายๆ?
“คุณหนู โปรดระวังคำพูดถ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่ใช่สักแต่ว่าสนุกปาก ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณชายจ้าว พวกเราคงโยนคุณหนูออกจากที่นี่นานแล้ว!”
หัวหน้าพนักงานจ้องเจียงเสี่ยวปิงตาเขม็งด้วยใบหน้าแสนจริงจัง พร้อมกล่าวเตือนออกไป
เจียงเสี่ยวปิงยิ่งรู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ และสวนตอบกลับทันทีว่า
“อะไร?! พวกแกมันไร้ยางอาย แอบรับเงินใต้โต๊ะ ร่วมมือกับเจ้าหมอนี่เพื่อจัดฉาก! อย่าคิดว่าฉันจะกลัวพวกแก! เป็นแค่พยักงานเสิร์ฟแท้ๆ อย่าทำปากเก่งให้มันมากนักนะ!!”
“คุณหนู โปรดระวังคำพูด ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิด”
“ฮ่าๆๆ ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิด? พล่ามอะไรของแก? พนักงานเสิร์ฟก็คือพนักงานเสิร์ฟวันยังค่ำ! มีหน้าที่รับใช้ลูกค้าก็รับใช้ไป! ทำตัวให้เหมือนสุนัขเชื่องซะบ้าง!”
หัวหน้าพนักงานที่ได้ยินแบบนั้นก็เดือดจัด และสั่งให้พนักงานอีกคนหยิบเครื่องรับส่งวิทยุออกมาทันที
หวังเฉียงที่เห็นแบบนั้นก็ตกใจอย่างมาก คนของที่แห่งนี้ไม่ควรไปยั่วยุหรือยั่วโมโหเด็ดขาด เพราะที่นี่เป็นสถานที่ของพี่หู่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม หากสามารถปัญหาให้เท่ากับรนหาที่ตายสถานเดียว
เขารีบลุกขึ้นพรวดจากโซฟาและขอโทษหัวหน้าพนักงานทันที
“พี่ชาย ผมต้องขอโทษแทนเธอด้วย ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก”
“แล้วเธอคนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นใครใหญ่มาจากไหน? ถึงกล้าสบประมาทเรียกพวกผมเป็นสุนัข? กลับเป็นเธอมากกว่าที่ปากเสียยิ่งกว่าสุนัข!”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น พี่ชายเข้าใจผิดแล้ว ผมต้องขอโทษแทนเธอด้วยจริงๆ ได้โปรดยกโทษให้ด้วย”
“นี่คุณเป็นอะไรเธอ ทำไมต้องขอโทษแทน? แล้วทำไมผมต้องรับคำขอโทษจากคุณ?”
หวังเฉียงรู้สึกอับอายขายขี้หน้าเกินจนทน บรรยากาศชวนอึดอัดจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
เจวียงหยวนพลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบแนะนำตัวกับหัวหน้าพนักงานคนนั้นทันที
“เขาชื่อว่า หวังเฉียง เป็นผู้จัดการบริษัทเกมฟางนี่ของเรา และเธอคนนั้นเป็นแฟนสาวของเขาเอง พี่ชายไม่ต้องกังวลไป พวกเรามาที่นี่เพื่อผ่อนคลายกันเท่านั้น ไม่ใช่มาก่อปัญหา”
หัวหน้าพนักงานรวนหัวเราะดังและตอบไปว่า
“ผมไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทเกมฟางนี่อะไรแบบนี้เลย อีกอย่างก็เป็นแค่ผู้จัดการ สุดท้ายก็แค่พนักงานกินเงินเดือนคนนึงไม่ใช่เหรอครับ? เงินเดือนก็จัดอยู่ในระดับทั่วไป ผมของพูดตามตรงนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะพึ่งใบบุญของคุณชายจ้าว พวกคุณก็ไม่มีปัญญาเข้ามาเที่ยวเล่นในที่แห่งนี้ได้แน่นอน”
“เอ่อ…”
จ้าวเฉียนตื่นตกใจอย่างมากจนพูดไม่ออกไปครู่ใหญ่
จ้าวเฉียนแอบแตะขาหัวหน้าพนักงานคนนั้นเล็กน้อยแบบไม่ให้ผิดสังเกต เขาต้องการเล่นสนุกกับพวกหวังเฉียงและคนอื่นๆ ให้มากกว่านี้ หากปัญหาลามจนใหญ่โต หยางหู่จะต้องออกมาจัดการเองแน่นอน และเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวออกมา ตัวตนที่แท้จริงของจ้าวเฉียนมีหวังถูกเปิดเผยแน่นอน
“พวกนายอย่าถือสาเลย พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานฉันเอง”
ไฟความโกรธบนใบหน้าของหัวหน้าพนักงานหายวับไปในทันที เขาหันมากล่าวตอบกับจ้าวเฉียนอย่างยิ้มแย้มว่า
“คุณชายจ้าวพูดขนาดนี้ ผมก็ไม่กล้าขัดคำสั่งแน่นอน กินดื่มให้สนุกนะครับคุณชายจ้าว”
จ้าวเฉียนแอบขยิบตาให้หัวหน้าพนักงานเล็กน้อย พวกพนักงานเสิร์ฟทั้งหมดก็รีบถอยออกไป
หวังเฉียงกับเจวียงหยวนทนความอับอาบเสียหน้าต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว พวกเขาหันควับหยิบแก้วไวน์องุ่นขาวขึ้นมา และตะโกนแก้เขินขึ้นว่า
“เอาชน! มาดื่มกันดีกว่า!”
เจวียงหยวนเปิดไวน์ทั้งหมดบนโต๊ะพร้อมรินใส่ทีละแก้ว และชวนทุกคนกระดกรวดเดียว พวกยาจกที่วันๆ ดื่มกินแต่ไวน์และเบียร์ราคาถูก ต่อหน้าไวน์สุดหรูราคาแพง พวกเขาก็แค่พวกตาบอดดีๆ นี่เอง
“ไอ้เวร! ไม่เห็นอร่อยเลย ราฟีราเฟอบ้าอะไรเนี่ย!”
เจวียงหยวนสำลักทันที อดสบถด่าไม่ได้หลังดื่มเสร็จ
เจียงเสี่ยวปิงริมจิบเพียงไม่กี่ครั้ง เธอก็มุ่นคิ้วโกรธเป็นฝืนเป็นไฟเช่นกัน
แต่ในเมื่อจ้าวเฉียนแกล้งพวกเขาก่อน พวกเขาเองก็ปล่อยให้มันแกล้งให้พอใจ
“จ้าวเฉียน ไวน์หมดแล้ว สั่งใหม่เร็วๆ!”
ทุกคนต่างเห็นพ้องกับคำกล่าวนี้ของเจียงเสี่ยวปิง และพูดเสริมเพื่อให้จ้าวเฉียนสั่งไวน์ต่อ
จ้าวเฉียนเอ่ยปากตอบทันทีว่าไม่มีปัญหา พวกเขาสามารถดื่มเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ ส่วนเขามีหน้าที่จ่ายสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้เอง
เจวียงหยวนแสยะมุมปากยิ้มเยาะ และแสร้งกระดกต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน ตอนนี้ค่าไวน์ตอนนี้ปาไปกว่าครึ่งแสนแล้ว แต่ก็ยังสั่งต่อไม่หยุดปาก ขอดูหน่อยสิว่าไอ้จ้าวเฉียนจะมีปัญญาจ่ายไหวไหม
จนแล้วจนรอดทุกคนก็ถึงขีดจำกัด เหวียงหยวนกดกริ่งเรียกพนักงานทันที เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นเงินรางวัลล็อตเตอรี่ทั้งหมดของจ้าวเฉียนหายวับไปกับอากาศ ดีไม่ดีอาจจะไม่พอด้วยซ้ำ!
เมื่อพนักงานหญิงคนนั้นมาถึง กลับเป็นจ้าวเฉียนที่ชิงกวักมือเรียกก่อน อีกฝ่ายจึงรีบปรี่หาทันที
“คุณชายจ้าวต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่?”
“ตอนนี้ฉันยังดื่มไวน์ไม่จุใจเลย เอาเป็นว่า ไปเอาเพิ่มมาอีกสิบขวด เพื่อนๆ ฉันเองก็ยังดูไม่อิ่มหนำเท่าไหร่”
“ได้ค่ะคุณชายจ้าว! เดี๋ยวดิฉันจะรีบนำมาเสิร์ฟให้!”
พนักงานคนนั้นรู้สึกดีใจอย่างมาก และค่าบริการในคืนนี้เทียบเท่าได้กับเงินเดือนของเขาสามปีเต็ม!
เขารีบวิ่งออกไปนำไวน์มาเสิร์ฟโดยเร็ว แต่ในขณะเดียวกัน พนักงานในห้องอื่นๆ ต่างอิจฉาตาร้อนอย่างยิ่ง เข้ารวมกลุ่มซุบซิบกันว่า
“มีมหาเศรษฐีจัดงานเลี้ยงที่ห้อง808แน่นอน! เท่าที่คำนวณดูแล้วค่าไวน์ของห้องนี้ก็ปาเข้าไปเกือบล้าน! โอ้พระเจ้า เสี่ยวลี่นี่มันโชคดีอะไรแบบนี้! ได้ค่าคอมหลักแสนภายในคืนเดียว!”
“ฉันล่ะอิจฉาจัง ทำไมฉันไม่มีโอกาสได้เจอกับลูกค้ามหาเศรษฐีแบบนี้บ้าง เห้ออ…”
“ฮ่าฮ่า…มหาเศรษฐีแบบนี้จะคู่ควรกับพนักงานแบบเราได้ไง? เธอเชี่ยวชาญภาษาต่างชาติตั้งหลายภาษา แถมยังเก่งแทบทุกด้าน”
…….
พวกพนักงานเสิร์ฟต่างพากันอิจฉาตาร้อน และรู้สึกเกลียดเธอไปโดยปริยาย บางคนรีบแจ้งไปรายงานกับเจ้าของสถานบันเทิงทันที
เจ้าของอย่างหยางหู่เอ่ยถามทันทีว่า ใครกันที่อยู่ในห้อง808 และคล้อยหลังรู้ว่าเป็นจ้าวเฉียน เขาก็รีบกำชับทันทีว่า ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้กล่าวถึงเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นจะถูกไล่ออกทันที
พนักงานหญิงที่ชื่อเสี่ยวลี่เสิร์ฟไวน์ลงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และอุทานกับตัวเอง สีหน้าท่าทีแสนเปี่ยมสุขว่า
“เสี่ยวลี่เอ๊ย แกรวยแล้ว!”
“ฉันทำงานกี่ปีเนี่ยกว่าจะได้ค่าคอมแบบนี้ในคืนเดียว!”
เสี่ยวลี่เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี เธอมักจะยิ้มอยู่เสมอ วันนี้โชคดีเกินคาด หลังเลิกงานคงฉลองมื้อใหญ่
ในเวลานี้เจวียงหยวนและคนอื่นๆ เริ่มไม่ไหวกันแล้ว แต่เมื่อเห็นไวน์อีกชุดใหญ่ ด้วยความเสียดายเลยต้องจำใจกินต่ออย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ไวน์ชุดนี้ค่อนข้างแรงมาก ดื่มไปได้สักพักพวกเขาก็เริ่มรู้สึกมึนหัวแล้ว
เจียงเสี่ยวปิงชวนให้เพื่อนอีกสองคนไปเข้าห้องน้ำด้วยกัน ส่วนคนอื่นๆ ไม่กล้าดื่มต่อ จึงเร่งเปิดไมค์ร้องเพลงกัน
หลังจากนั้นไม่นาน เจียงเสี่ยวปิงและคนอื่นๆ ก็กลับมาพร้อมสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก
หวังเฉียงที่สังเกตเห็นดังนั้น จึงเอ่ยปากถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
“เมื่อกี้ตอนที่พวกเราไปเข้าห้องน้ำ มีชายขี้เมากลุ่มหนึ่งตรงเข้ามาลวนลามเสี่ยวปิง”
หวังเฉียงที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธจัด เขาลุกขึ้นยืนทันทีหวังไปไอ้พวกหื่นนั้นเพื่อชำระแค้น
เจียงเสี่ยวปิงรับหยุดอีกฝ่ายทันทีและพูดขึ้นว่า
“ช่างมันเถอะ มันไม่ได้มีอะไรร้ายแรง ฉันสั่งสอนมันไปไม่กี่คำพร้อมตบซ้ำไปทีนึง ปล่อยมันไปเถอะ”
ในอีกด้าน จ้าวเฉียนนั่งไขว่ห้างพลางแกว่งแก้วไวน์ ริมจิบอย่างละเมียดละไม มุมปากพลันกระตุกขึ้นทันที ใครก็ตามที่สามารถเข้ามาใช้บริการ ณ ที่แห่งนี้ได้ เป็นคนธรรมดาที่ไหนกัน? เจียงเสี่ยวปิงกล้าตบหน้าอีกฝ่ายแบบนั้น อีกสักพักชายกลุ่มนั้นก็กลับมาชำระแค้นแน่นอน
เพิ่งจะคิดได้ไม่นาน ในเวลานี้เองเสียงลูกบิดประตูก็ดังขึ้น ประตูห้องแง่มเปิดออกมา ก่อนจะถูกถีบสุดแรงจนเปิดอ้าซ่า พร้อมคนกลุ่มหนึ่งที่รีบแห่กันเข้ามา
คอมเม้นต์