ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 6 ยกโทษให้ก็ต่อเมื่อเธอคลานเข่าเข้ามาและเลียของฉัน
ตอนที่6 ยกโทษให้ก็ต่อเมื่อเธอคลานเข่าเข้ามาและเลียของฉัน
ทันทีทันใด กลุ่มคนพวกนั้นก็บุกเข้ามาถึงในห้อง ทุกคนต่างตื่นตระหนกยิ่ง
เจียงเสี่ยวปิงชี้หน้าไปยังชายคนหนึ่งด้วยความโกรธเกรี้ยว เอ่ยปากด่าสาปแช่งใส่ทันที
“ไอ้หื่นนี่แหละที่ลวนลามฉัน! แกยังกล้ามาเสนอหน้าอีกเหรอ!?”
ชายคนนั้นชี้ด่าเจียงเสี่ยวปิงสวนกลับทันควัน และกล่าวขึ้นว่า
“นังนี่แหละลูกพี่ที่ตบหน้าผม! ช่วยสั่งสอนมันที!”
ชายคนนั้นเอ่ยปากขึ้น จู่ๆ ก็มีชายร่างกำยำคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเดินตรงออกมา ทำท่าทางจะจับตัวเจียงเสี่ยวปิง
เจียงเสี่ยวปิงหวาดกลัวหนัก เธอรีบไปซ่อนตัวอยู่หลังหวังเฉียง ส่วนตัวหวังเฉียงก็ลุกขึ้นพรวดตรงเข้าหาอีกฝ่ายกล่าวขึ้นว่า
“พวกแก นี่มันหมายความว่ายังไง? ขืนใจแฟนฉันแถมยังกล้าบุกเข้ามาหาเรื่อง? คิดว่าที่นี่เป็นที่ไหนกัน? หากก่อปัญหาขึ้นที่นี่เท่ากับรนหาที่ตายเองนะ!”
เมื่อหวังเฉียงพูดจบก็จงใจเดินไปเปิดขวดไวน์ต่อหน้าต่อตา
คนกลุ่มนั้นลอบสังเกตเห็นชวดไวน์ราคาแพงมากมายที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ประมาณได้เกือบล้านหยวนเศษ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นแล้วว่าคนธรรมดาไม่มีทางซื้อของพวกนี้มากินดื่มเล่นได้เลย
“เหอะ พี่ชายชื่อแซ่อะไร เผื่อว่าให้หลิวซีคนนี้จัดการดูแลให้ในอนาคต”
หวังเฉียงยิ้มเยาะเล็กน้อยและพูดว่า
“พูดกันเข้าใจง่ายดีหนิ ฉันหวังเฉียน ผู้จัดการบริษัทเกมฟางนี่ วันนี้ทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อผ่อนคลาย ฉันว่าไม่ควรมีเรื่องกันจะดีกว่า”
หลิวซีพยักหน้าครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเหลียวหลังกลับไปสั่งลูกน้อง ให้ตรวจหาภูมิหลังของบริษัทเกมฟางนี่อะไรนี่โดยไว ส่วนเขาก็คุยกับหวังเฉียงไปพลาง เพื่อถ่วงเวลาให้ลูกน้องตนหาข้อมูล
ไม่กี่นาทีต่อมา ลูกน้องคนนั้นก็ตรงเข้ามากระซิบกับหลิวซีว่า บริษัทเกมฟางนี่อะไรนี่ไม่มีภูมิหลังอะไรเลย ก็แค่บริษัทเกมทั่วไปแห่งหนึ่ง ตราบใดที่ไม่มีภูมิหลังอะไร หลิวซีก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป จะอย่างไรต่อให้มีเงินมากมายสำหรับจับจ่ายแค่ไหน แต่หากไม่มัภูมิหลังหรือกลุ่มอำนาจคุ้มกะลาหัว ทุกอย่างล้วนจัดการได้ไม่มีปัญหา
หลิวซีแสร้งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เขาก็เดินเข้าไปใกล้หวังเฉียงจะยกฝ่ามือตบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง จนร่างกระเด็นอัดโซฟา
“ไอ้ผู้จัดการสวะ! ทีแรกคิดว่าใหญ่มากจากไหน กล้าตีสนิทเรียกพวกฉันเป็นพี่น้องกันเชียว! นี่แฟนแกใช่ไหม? ฉันแค่อยากมาตบสักสองสามที ให้หายกัน จากนั้นก็ให้เธอคุกเข่าขอโทษพวกเราซะ! แล้วมาเลียไอ้จ้อนฉันจนกว่าจะพอใจ! ไม่เช่นนั้นคืนนี้พวกเราไม่ปล่อยแกกลับไปง่ายๆ แน่!”
หลังจากพูดจบ เขาก็นั่งลงบนโซฟาตัวใกล้ๆ พร้อมกางขาออกกว้าง รอให้เจียงเสี่ยวปิงคลานเข่าเข้ามาทำตามที่สั่ง หวังเพื่อบรรเทาคาวมโกรธนี้ลงไป ส่วนน้องชายตัวน้อยของเขาที่โดยเธอตบไปก่อนหน้า ก็ตะคอกขู่เข่นไม่หยุดไม่หย่อนอยู่ด้านหนึ่ง เจียงเสี่ยวปิงตอนนี้หวาดกลัวจัด เธอรีบวิ่งไปกอดหวังเฉียงและกระซิบเสียงแผ่วว่า
“พี่เฉียง ฉันกลัว…”
หวังเฉียงยกมือลูบหลังของเธอเล็กน้อย และปลอบกลับไปว่า ไม่ต้องกลัว สุดท้ายนี้เธอก็เป็นแฟนฉัน แถมในห้องนี้ก็ยังมีเพื่อนอีกตั้งหลายคนคอยช่วย
หวังเฉียงสีหน้ามืดลงทันที พร้อมกล่าวขู่ไปว่า
“พี่ชาย ที่นี่เป็นถิ่นของพี่หู่ คงไม่ดีเท่าไหร่หากจะมีเรื่องกัน แฟนฉันตบหน้าคนของคุณ คุณก็มาตบหน้าฉันแทน จากนั้นก็ต่างแล้วกันไป?”
หลิวซีเดือดขึ้นทันที คว้าขวดไวน์ใกล้ตัวและฟาดเข้าใส่ทันที แต่โชคยังดีที่หวังเฉียงปฏิกิริยาไวเช่นกัน คว้าขวดนั้นไว้ได้ทัน
แต่ผลคือมันยิ่งทำให้หลิวซีเดือดหนักกว่าเดิม ใช้มืออีกข้างคว้าอีกขวดและตีใส่หัวหวังเฉียงสุดแรง
“นังนี่! ยังกล้าซ่อนตัวอยู่อีกไหม! ไม่มีใครช่วยแกได้!!”
“กรี๊ดด…”
เหล่าเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้หญิงขวัญเสียจนกรีดร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะรีบวิ่งหนีกันออกไปและพวกเธอก็เริ่มร้องไห้ออกมาทันที
เจียงเสี่ยวปิงตอนนี้ก็ร้องห่มร้องไห้ไม่ต่าง พลางเอ่ยถามหวังเฉียงว่าเป็นยังไงบ้าง ทว่าตอนนี้เขาปวดศีรษะอย่างมากจนพูดไม่ออก ยกมือกุมขมับยืนมึนงงจนไม่สามารถขยับไปไหนได้
หลิวซีใช้จังหวะนี้คว้าแขนเจียงเสี่ยวปิง ดึงร่างของเธอเข้ามาและจับเหวี่ยงโยนลงพื้นโดยตรง
“รีบๆ ทำให้ฉันเสร็จเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะจับแกโยนลงในห้องน้ำชายและให้พี่น้องทุกคนเข้าไปรุมสะกำแก!”
เมื่อเหล่าพี่น้องทั้งหลายของหลิวซีได้ยินดังนั้น ต่างก็แห่สรรเสริญลูกพี่หลิวซีกันยกใหญ่ พวกเขาแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จับลากเธอเข้าห้องน้ำ เห็นดังนั้นหลิวซีแสยะยิ้มละโมบพูดขึ้นว่า
“เห็นไหมล่ะ? ดูท่าพี่น้องของฉันแทบรอไม่ไหวแล้ว พวกแกเข้าห้องน้ำไปรอเลยก็ได้นะ! ฮ่าๆๆ!”
“พี่ซีไม่ต้องหวัง พวกผมรอได้ สาวสวยแบบนี้ต้องปฏิบัติกับเธอให้อ่อนโยนเข้าไว้!”
“ใช่แล้วๆ ฮ่าฮ่า…”
“แต่พี่ซี ผมว่าสาวสวยอีกสองคนที่อยู่กับเธอเองกด็น่ารักไม่เบา พาพวกเธอเข้าไปด้วยดีกว่า…”
หลิวซีที่ได้ยินดังนั้นก็เหลียวไปมองเพื่อร่วมงานสาวอีกสองคนที่ไปห้องน้ำกับเธอก่อนหน้านี้ หลิ่วเหม่ยกับหวางจวน พวกเธอหน้าซีดเผือกทันทีด้วยความตกใจ
หลิวซียิ้มตอบว่า
“พวกแกลากสองสาวนี่เข้าห้องน้ำได้ตามต้องการเลย ที่เหลือเดี๋ยวพี่คนนี้เคลียร์ให้เอง!”
“ขอบคุณมากพี่ใหญ่ งั้นพวกผมไปอุ่นเครื่องรอก่อนล่ะกัน ไปกันสาวๆ! ลากพวกเธอไปห้องน้ำ!”
น้องชายของหลิวซีเป็นตัวนำขบวน ก่อนที่หลิวเหม่ยกับหวางจวนจะหนีออกไปก็สายเกินไปแล้ว เขากระชากแขนทั้งคู่และพยายามฉุดลากเข้าห้องน้ำทันที
พวกเธอรู้สึกหวาดกลัวกันอย่างมาก ถึงขั้นกรีดร้องลั่นจนเสียงหลง
แต่เวลานี้เองไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเลยสักคน แม้แต่หวังเฉียงยังปกป้องเจียงเสี่ยวปิงไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับการที่จะไปปกป้องพวกเธอสองคนนั้น เจวียงหยวน หวังชุนจือและเพื่อนคนอื่นๆ ได้แต่หลบหลังโซฟาด้วยความกลัว
เวลานี้สีหน้าของเจวียงหยวนก็ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามแต่ เขารู้สึกได้ว่า นี่เป็นโอกาสดีที่จะสั่งสอนจ้าวเฉียนเช่นกัน หากจ้าวเฉียนถูกรุมกระทืบในคืนนี้ ตำแหน่งหัวหน้าแผนงานก็จะตกเป็นของเขา
“จ้าวเฉียน แกเป็นคนชวนเรามาเที่ยวที่นี่ พอตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น แกกลับไม่พูดอะไรสักคำ! ยังเป็นผู้ชายอยู่รึเปล่าวะ! ในฐานะเจ้าภาพงานเลี้ยง แกนั้นแหละที่ต้องชดใช้เรื่องทั้งหมดในคืนนี้!”
ทันทีทันใด ทุกคนต่างก็ตระหนักได้ทันทีว่า ใช่แล้ว ทั้งหมดเป็นความผิดของจ้าวเฉียน พอตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกลับผลักปัญหาให้พวกตนแทน นี่มันใช่ที่ไหน?
“ใช่แล้วๆ จ้าวเฉียน แกต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ รีบออกไปเคลียร์เดี๋ยวนี้!”
“จ้าวเฉียนถึงเวลาที่แกต้องลุกขึ้นไปจัดการได้แล้ว อย่าแกล้งทำเป็นตายแบบนี้!”
“แสร้งอวดรวยมาทั้งคืน ทีเวลาแบบนี้กลับเงียบเป็นป่าช้า แกกลับไปบ้านไปใส่กระโปรงเถอะ!”
หากมีใครมาได้ยินคนอื่นพูดแบบนี้ คงต้องมีน้ำโหเคืองกันแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่สำหรับจ้าวเฉียน เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเลยแม้สักนิด ในทางตรงข้าม ก็ยังนั่งไขว่ห่างจิบไวน์อย่างเริงรมณ์ ทำเป็นไม่ได้ยินเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ พูดเลย รวมไปถึงเหตุการณ์ที่หลิวซีก่อปัญหาขึ้นทันที ทำราวกับว่าไม่อยู่ในสายตา
เจียงเสี่ยวปิงที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบโวยวายขึ้นทันที และชี้นิ้วไปทางจ้าวเฉียนลัวพูดกับหลิวซีขึ้นว่า
“พี่ชาย เขาคนนั้นเพิ่งถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ มันมีเงินติดตัวอยู่เยอะแยะ ให้มันจ่ายเงินพี่เป็นการไถ่โทษล่ะกันนะ ถือว่าฉันขอ!”
หลิวซีที่ได้ยินแบบนั้นพลันตาสว่างจ้า และเดินเข้าไปถามด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“แกถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่?”
จ้าวเฉียนแกว้งแก้วไวน์เล็กน้อยพลางพยักหน้าตอบ
“ฮ่าฮ่า…แกถูกเท่าไหร่?”
“ไม่มาก แค่ไม่กี่แสน”
“ไม่กี่แสน? ฮ่าฮ่า….ไม่น้อยเลยสิท่า! ถ้าอย่างนั้นแกที่กล้าสั่งไวน์พวกนี้มา คงรู้ใช่ไหมว่าแต่ละขวดราคาเท่าไหร่?”
จ้าวเฉียนวางแก้วไวน์ลง เงยหน้าพูดกับหลิวซีทิ้งทวนด้วยรอยยิ้มบางว่า
“แล้วมาแส่อะไร?”
สีหน้าการแสดงออกของหลิวซีเปลี่ยนไปทันที ดูบึ้งตึงขึ้นทันตา ชี้นิ้วกดลงบนหน้าผากของจ้าวเฉียนตอบไปว่า
“ก็เรื่องของกู อยากทำตัวมีปัญหานักเหรอ?”
ขณะที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน พวกเจวียงหยวนกับที่เหลือต่างมีความสุขอย่างมากเมื่อเห็นภาพฉากแบบนั้น
“จ้าวเฉียน ฉันขอดูหน่อยว่า ผลลัพธ์ท้ายสุดแกจะจบลงยังไง! นอนติดเตียงอยู่ในโรงพยาบาลก็ดีนะ ส่วนตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผนก็จะตกเป็นของฉัน”
จ้าวเฉียนยิ้มกว้าง ทันใดนั้นก็กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายลงมาและกระซิบข้างหูกลับว่า
“ฉันว่า แกต่างหากที่ทำตัวมีปัญหา อยากฟันหลุดนักเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าๆ มันบอกฉันว่า อยากฟันหลุดนักเหรอ ตลกวะ! ฮ่าฮ่าๆๆ”
กลุ่มของหลิวซีที่ยังเหลืออยู่บางส่วนหัวเราะเยาะเสียงดังลั่นเมื่อได้ฟัง พร้อมพับแขนเสื้อขึ้นทันที เตรียมลงมือกับจ้าวเฉียน
ในเวลานั้นเอง กลับมีเสียงชายคนหนึ่งดังลั่นจากด้านนอกประตูห้อง
“ใครมันบังอาจสร้างปัญหาในถิ่นของฉัน!”
ทุกคนหันควับมองไปยังประตูห้องทันที และพบว่ามีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
หลิวซีตกใจยกใหญ่และรีบเข้าไปทักทายทันที
“พี่หู่ ทำไมพี่มาอยู่ที่นี่ได้?”
คอมเม้นต์