ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 7 ถอนฟัน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี ตอนที่ 7 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่7 ถอนฟัน

หลิวซีรับกล่าวทักทายหยางหู่พร้อมรอยยิ้มและท่าทีประจบใหญ่

หยางหู่เหลือบมองอีกฝ่ายด้วยแววตาคร้านจะใส่ใจและถามว่า

“แกคิดจะมีเรื่องกับฉันรึไง?”

หลิวซีรีบตอบปฏิเสธทันที

“พี่หู่เข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ผมที่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน แต่เป็นพวกมันต่างหาก นังนี่มันตบหน้าผมตอนที่ไปเข้าห้องน้ำ ดังนั้นจึงมาสะสางก็เท่านั้น”

“เออ เออ…แกก็พูดถึง โดนตบหน้าแล้วใครจะไปยอม”

“นังนี่แหละพี่หู่ ไอ้เวร! คิดว่าตัวเองเป็นใครวะ ถึงกล้าตบหน้าฉัน!”

หลิวซีตรงไปกระชากผมของเจียงเสี่ยวปิงอย่างแรงจนร่างของเธอเซล้มลงกับพื้น เธอกรีดร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ราวกับหนังศีรษะบนหัวเธอจะหลุดออกทั้งแผง หวังเพียงว่าจะมีใครสักคนเห็นใจช่วยเหลือเธอ แต่อย่างไร กลับไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวเลนสักกับคน ส่วนตอนนี้หวังเฉียงไม่กล้าทำอะไรแล้ว

หลิวซีกระชากผมลากเจียงเสี่ยวปิงมาต่อหน้าหยางหู่ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่จ้าวเฉียนพร้อมกับกล่าวว่า

“พี่หู่ ไอ้เด็กเวรก็อีกคน เก่งมาจากไหนไม่รู้ ถึงขั้นขู่ผมว่าอยากฟันหลุดรึไง!”

“โอ้? เขาอยากถอนฟันนายว่างั้น?”

“ถูกต้องพี่หู่! ดูสิมันไม่ปากเก่งเกินไปหน่อยเหรอ?”

“อืม ปากเก่งเกินไปจริงๆ!”

“ใช่แล้วพี่ ฝากสั่งสอนแทนผมด้วย! เอ่อจะว่าไป…ผมขอตัวพานังนี่เข้าห้องน้ำสักแปปนึงได้ไหม?”

หยางหู่ระเบิดหัวเราะลั่นและตอบกลับไปว่าไม่มีปัญหา

หลัวซีรวนหัวเราะไม่หยุดไม่หย่อนด้วยความสุขใจนัก สั่งให้ลูกน้องที่เหลือช่วยพี่หู่จัดการกับจ้าวเฉียน

เจวียงหยวนที่เห็นแบบนั้นพลันรู้สึกตื่นเต้นถึงใจ คิดกับตัวเองขึ้นว่า : ไอ้จ้าวเฉียน แกไปนอนติดเตียงในโรงพยาบาลให้สนุกนะ สักสองสามเดือน…หรือไม่กลับมาเลยก็ได้ยิ่งดี! ฮิฮิ…

เวลานั้นเองหยางหู่ก็พูดขึ้นว่า

“พวกแกไม่ได้ยินที่คุณชายจ้าวพูดรึไง? เขาอยากจะถอนฟันหลิวซี ทำไมยังไม่รีบไปหยิบเครื่องมือมาอีก?”

หลิวซีที่ได้ยินแบบนั้นก็พลันหยุดชะงักเล็กน้อย และหันมายิ้มให้จ้าวเฉียนด้วยความสะใจ

เจวียงหยวนเองก็แอบมีความสุขไม่ต่าง ในที่สุดความปรารถนาของเขาก็กำลังจะเป็นจริง

หวังเฉียงแม้จะรู้สึกอับอายที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาที่เห็นว่า จ้าวเฉียนกำลังจะถูกถอนฟัน ก็ช่วยผ่อนประโลมจิตใจของเขาได้บ้าง

คนของหยางหู่รีบวิ่งไปหาคีมและเดินตรงไปหาจ้าวเฉียนทันที พร้อมกล่าวด้วยความเคารพว่า

“คุณชายจ้าว ขนาดไม่เล็กเกินไปใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนยกแก้วไวน์ขึ้นมาริมจิบเล็กน้อย ก่อนตอบไปว่า

“อืม ไม่เลวเลย ถึงแบบนั้นก็อย่าลืมล่ะ เวลาถอนฟันออกมา นายต้องค่อยๆ ถอนออกมาช้าๆ ยิ่งช้าเท่าไหร่ก็ยิ่งทรมาน นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?”

“เข้าใจครับ”

หลิวซีชี้หน้าใส่จ้าวเฉียน สบถด่าขึ้นทันทีว่า

“แกคิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนวะ! ต่อหน้าพี่หู่ยังกล้าพล่ามไม่เลิก! อยากตายจริงๆ รึไง?”

จ้าวเฉียนยังคงไม่แยแสแม้สักนิด ยามนี้เอื้อมมือไปหยิบขวนไวน์รินใส่แก้ว พร้อมยกขึ้นจิบอีกคราว หลิวซีตอนนี้ทนดูไอ้เวรนี้วางกล้ามต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ปล่อยเจียงเสี่ยวปิงที่นอนโทรมอยู่บนพื้น พุ่งเข้าไปให้หวังต่อยจ้าวเฉียนสักหมัด

เจวียงหยวนตื่นอกตื่นใจสุดขีด ในที่สุดสิ่งที่เขาต้องการก็เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว

แต่ทันใดนั้นเอง คนของหยางหู่ก็รีบตรงเข้าไปล็อกตัวหลิวซีในทันที

หลิวซีตกใจตะโกนลั่น

“อะไรวะ!”

แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างของเขาถูกกดลงบนโต๊ะ คนของหยางหู่อีกสองสามคนตรงเข้ามาฉีกปากให้อ้าออก

แววตาคู่นั้นของหยางหู่ทอประกายอำมหิตเลือดเย็น และเอ่ยขึ้นว่า

“คุณชายจ้าวเป็นแขกVIPของฉัน แกกล้ามายุ่งกับเขาแบบนี้ ฉันจะสั่งสอนแกยังไงดี?”

หลิวซียิ่งตื่นตระหนักหนักเข้า รีบเอ่ยตอบไปว่า

“พี่หู่ พี่กับพี่เปาเป็นพี่น้องกัน แล้วพี่เปาเองก็ให้ความสำคัญกับผมอย่างมาก ทำแบบนี้ไม่เท่ากับหยามหน้าเขางั้นเหรอ?”

หยางหู่ยกขาเท้าขึ้นพร้อมประเคนใส่หน้าหลิวซีอย่างแรง สบถสาปแช่งขึ้นทันควัน

“ให้ตายเถอะ นี่แกหมายความว่ายังไง? เดี๋ยวนี้ถึงกับอ้างหลิวเปาแล้ว? ไม่ข้ามหน้าข้ามตาฉันเกินไปหน่อยรึไง พวกแก ถอนฟันมันออกมาสักสองซี่!”

หยางหู่ออกคำสั่งให้คนของเขาถอนฟันของหลิวซีออกในทันที หลิวซีพยายามดิ้นอยู่สักพัก ร้องคร่ำครวญของความเมตตาจนเสียงหลง ทว่าหยางหู่กลับเพิกเฉยไม่คิดสนใจสักนิด

จ้าวเฉียนยังคงจิบไวน์อย่างสบายอารมณ์ดังเดิมและพูดว่า

“น้องชาย ค่อยๆ ดึงออกมาช้าๆนะ ถ้ากระชากออกมาเร็วเกิน เดี๋ยวจะไม่เจ็บเอา”

“อย่าห่วงไปเลยคุณชายจ้าว ผมจะดึงออกมาให้ช้าที่สุด รับประกันเจ็บถึงทรวง!”

“ฮ่าๆ ดี ดี! นายชื่ออะไร? เป็นคนฉลาดมีอนาคตไกล เดี๋ยวฉันจะให้ทิปนายสักหมื่นนึงดีไหม?”

“ขอบคุณมากครับคุณชายจ้าว! ผมชื่อหวางจุน”

จ้าวเฉียนพยักหน้าพลางชื่นชมความสามารถในการถอนฟันของหวังจุนอย่างสนุกสนาน

เจวียงหยวนและคนอื่นๆ ต่างไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่หู่ต้องเชื่อฟังจ้าวเฉียนขนาดนี้?

คนของหลิวซีรีบวิ่งออกไปด้านนอกเพื่อโทรหาหลิวเปาทันที เพื่อขอให้มาช่วยหลิวซี

ในไม่ช้าท่ามกลางธารน้ำตาผสมเลือด หวังจุนก็ถอนฟันทั้งสองซี่ของหลิวซีออกมา

จ้าวเฉียนำแก้วไวน์มาวางไว้ตรงหน้าอีกฝ่าย และยิ้มกล่าวว่า

“หลังจากดื่มไวน์แก้วนี้หมด ความคับข้องใจระหว่างเราก็ให้มันจบๆ กันไป”

แล้วทำไมหลิวซีจะต้องเต็ใจปล่อยให้เรื่องนี้มันจบลง? เขาถ่มน้ำลายคำหนึ่งสบถด่าขึ้นทันทีว่า

“จบกับผีสิ! แกรอได้เลย! รอให้พี่เปามาเมื่อไหร่ แกเตรียมตัวตายได้เลย!”

“ถ้าต้องการแบบนั้นก็ได้ น้องชายถอนฟันต่อได้เลย ถอนจนกว่าเขาจะยอมดื่มไวน์กับฉัน”

หวังจุนเหลือบมองไปที่หยางหู่เล็กน้อย และเมื่อหยางหู่พยักหน้าตอบ เขาจึงเริ่มลงมือถอนฟันหลิวซีอีกรอบทันที

คล้อยหลังถอนไปได้อีกสองซี่ ในที่สุดหลิวซีก็ไม่สามารถทนคาวมเจ็บปวดได้อีกต่อไป จึงรีบโพล่งบอกขึ้นว่า ตนยินดีที่จะดื่มไวน์กับจ้าวเฉียนแล้ว

จ้าวเฉียนที่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มตอบว่า

“มาๆ มาชนแก้วกันสักหน่อย วันนี้ฉันมาเที่ยวทั้งทีต้องสนุกเข้าไว้สิ! ส่วนเรื่องความคับข้องใจระหว่างเราก็ปล่อยให้มันจบลงตรงนี้ล่ะกัน พี่หู่ เดี๋ยวฉันต้องไปส่งเพื่อนๆ อีก ดูท่าจะกลัวแย่แล้ว ยังไงก็ฝากดูแลต่อด้วย”

หยางหู่ยิ้มตอบทันทีว่า

“คุณชายจ้าวเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพครับ ต้องการให้คนของผมไปส่งไหม?”

“ไม่ต้องหรอกๆ พี่หู่ยังต้องจัดการตรงนี้อยู่ด้วย ผมไม่อยากทำให้พี่ต้องลำบากไปมากกว่านี้แล้ว โชคดี!”

“คุณชายจ้าวขับรถปลอดภัยนะครับ!”

“ฮ่าๆ แน่นอน!”

จ้าวเฉียนลุกขึ้นยืนและเดินตรงออกไปภายใต้จุดสนใจของเหล่าเพื่อนร่วมงานทุกคน

“พวกนายไม่อยากกลับรึไง?”

ทุกคนสะดุ้งเฮือกทันทีที่ได้ยิน นี่ไม่เกินไปใช่ไหม? และก็เป็นหวังเฉียงและจางหยวนที่รีบลุกขึ้นพรวด วิ่งติดตามไปทันทีโดยไม่สนเพื่อร่วมงานคนอื่น แน่นอนว่าหวังเฉียนวิ่งผ่านหน้าเจียงเสี่ยวปิงที่นอนทรุดอยู่บนพื้นไปอย่างไม่ไยดี ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาสนใจเธออีกแล้ว ขอแค่ตอนนี้หนีออกไปจากที่นี่ให้ไกลที่สุดได้ก็พอ

เจียงเสี่ยวปิงราวกับสติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว โชคยังดีที่มีเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ช่วยพยุงเธอออกไป

เดินมาที่ล็อบบี่ จ้าวเฉียนเซ็นบิลเก็บเงินและจากออกไปทันที พร้อมขึ้นรถสปอร์ตสุดหรูและแล่นออกไปทันที

ณ ขณะนี้เอง หวังเฉียง, เจวียงหยวนและคนอื่นๆ ต่างวิ่งออกมาหน้าอาคารกันหมดแล้ว เห็นเพียงจ้าวเฉียนขึ้นรถสปอร์ตและขับจากไปทันทีโดยไม่มีบอกลาใดๆ

ทุกคนยังคงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จ้าวเฉียนไปรู้จักกับหยางหู่ได้ยังไง? เพียงเพราะเงินครึ่งล้านก็สามารถตีสนิทกับคนระดับนี้ได้แล้ว?

จ้าวเฉียนขับกลับไปยังคฤหาสน์ติดแม่น้ำหรู อาบน้ำแช่งอ่างอย่างสบายใจ ก่อนจะเข้านอนเขาก็เปิดไลฟ์สตีมสด

“ทุกคน คืนนี้จะเป็นการไลฟ์ครั้งสุดท้ายของฉันแล้ว หวังว่าทุกคนจะติดตามฉันจนจบ”

ทันทีที่เขาเปิดไลฟ์สตีมและได้ยินสตีมเมอร์สาวพูดประกาศไปแบบนั้น จ้าวเฉียนก็พลันใจหายวาบ

สตีมเมอร์คนนี้ชื่อว่า อู๋ซิน สตีมเมอร์สาวที่เขามักจะเปย์เงินให้ตลอด เขาโดนสาวน้อยคนนี้ตกไปเต็มๆ

เหล่าผู้ชมที่ชมไลฟ์สตรีมดังนั้นต่างพิมพ์ถามทันทีด้วยความประหลาดใจว่า ทำไมเธอถึงยุติบทบาทนี้แล้ว? เธอเป็นถึงสตีมเมอร์ที่ติดTOP10ของเว็บ และยังสร้างรายได้ให้แก่เธอเป็นจำนวนมาก

“ฉันเองก็ไม่อยากอำลาไปทั้งแบบนี้ แต่ทำยังไงได้ ฉันก็แค่สตีมเสอร์คนนึง ไม่มีทั้งเงินทั้งอำนาจ ไม่มีภูมิหลังอะไรเลย… เพื่อการไลฟ์สดครั้งสุดท้าย ถ้าทุกคนต้องการฟังเพลงอะไรก็ขอเข้ามาได้เลย ฉันจะพยายามร้องเต็มที่!”

ทุกคนต่างแย่งกันพิมชื่อเพลงส่งไปทันที แต่สักพักหนึ่งไลฟ์สตีมดังกล่าวก็เงียบลงในพริบตา

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีบางคนทักไป ที่ประกาศว่ายุติบทบาทหมายถึงเฉพาะช่องนี้ใช่ไหม? ถ้าเธอย้ายไปแพลตฟอร์มอื่น พวกเขาเองก็เต็มใจย้ายไปตามเธอเช่นกัน

อู๋ซินถอนหายใจเสียงยาว พูดขึ้นว่า

“ฉันดันไปทำให้คนใหญ่คนโตของวงการนี้ไม่พอใจเข้า ฉันถูกตัดขาดจากเส้นทางนี้โดยสมบูรณ์แล้ว ขอบคุณมากที่คอยสนับสนุนกันมาโดยตลอด…”

ไม่นานอู๋ซินก็ร้องไห้ออกมาเกินกว่าจะอดกลั้นไหว จนไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะไรได้อีกครู่ใหญ่

ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นก็พิมพ์ถามต่อทันทีด้วยความโกรธว่า มันเป็นใครที่ไหนกันที่กล้าขัดขวางอนาคตของเธอ พวกเขาจะช่วยกันขับไล่คนเหล่านั้นออกไปเอง

อู๋ซินได้แต่ส่ายหัวไปมาและตอบกลับไปเพียง ลืมไปเถอะยิ่งเรื่องนี้แดงมากเท่าไหร่ตัวเธอเองก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น

สีหน้าการแสดงออกของจ้าวเฉียนตอนนี้มืดขรึมลงทันที ไอ้บัดซบที่ไหนกันที่กล้าจัดอนาคตไอดอลของเขา?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด