ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 25 ขอโทษ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี ตอนที่ 25 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่25 ขอโทษ

หยางหู่เดินทางมาด้วยตัวเอง เขาเดินไปหาจ้าวเฉียนและเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า

“คุณชายจ้าว เจ้าพวกนี้มันทำอะไรคุณหรือไม่?”

จ้าวเฉียนส่ายหัวเล็กน้อยและตอบไปว่า

“ยังไม่ทำอะไรฉันเลย แต่หากนายมาช้ากว่านี้อีกสักนาทีก็ไม่แน่”

“ไอ้เหลือขอนี่ สั่งสอนไม่จำ!”

ทันทีทันใดน้ำเสียงของหยางหู่เย็นชาลงในทันใด และหันกลับมาเตะหลิวซี จนร่างกระเด็นอัดกับรถ Mercedes-Benz Gที่จอดอยู่อย่างแรง

เมื่อเห็นว่าหัวหน้าถูกทำร้าย กลุ่มคนของหลิวซีก็ตั้งท่าเตรียมลงมือกับหยางหู่โดยไม่รอช้า

หลิวซีที่นอนหมอบอยู่ข้างรถเห็นดังนั้นก็ตกใจหนัก รีบตะโกนหยุดลูกน้องตัวเองว่า

“หยุดเดี๋ยวนี้! พวกมึงอยากตายกันนักรึไง! พี่หยางหู่รุ่นเดียวกับพี่หลิวเปานะเว้ย! กล้าลงมือกับเขาเท่ากับตาย!”

ลูกน้องพวกนี้เคยได้ยินชื่อเสียงของหยางหู่มาเนินนานแล้วเช่นกัน เพียงแค่ไม่เคยเห็นตัวจริง จึงไม่รู้ว่าหยางหู่หน้าตาเป็นอย่างไร พอได้ยินเช่นนั้นทุกคนตกใจกันมากและรีบโค้งศีรษะขอโทษอีกฝ่ายทันที

“พี่หยางหู่ครับ พวกเราต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ต้องขอโทษจริงๆ ครับ…”

“พวกเราผิดไปแล้ว…โปรดยกโทษให้ด้วย…”

โดยธรรมชาติแล้ว ด้วยวุฒิภาวะของคนระดับหยางหู่ย่อมไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว พอได้ยินแบบนั้นเพียงตอบเสียงเย็นดังขึ้นคำหนึ่งว่า

“ไสหัวไปให้พ้น”

พวกลูกน้องของหลิวซีรีบเผ่นหนีไปโดยเร็ว หลิวซีรีบลุกขึ้นเอ่ยปากขอโทษหยางหู่

“พี่หยางหู่ ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ แต่ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เด็กหนุ่มคนนี้ใช้เงินแค่ไม่กี่ล้าน ถึงกับทำให้พี่ต้องคอยดูแลขนาดนี้เลยเหรอ? หรือพี่คิดจะปกป้องอีกฝ่ายตลอดชีวิตเลย?”

หยางหู่รวนเสียงหัวเราะเอ่ยออกมา กล่าวตอบไปว่า

“ไม่ขนาดนั้นหรอก ตราบใดที่เขายังคงไม่ทิ้งฉันไปไหน ฉันเองก็เต็มใจปกป้องเขาเสมอ ไม่ต้องพูดฉันเลย พวกแกเองไม่ต่างกันหนิ? ตราบใดที่พวกเราช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ หรือปัจจัยต่างๆ เวลามีปัญหา นายจะทิ้งคนที่มีบุญคุณได้ลงคองั้นเหรอ? ในเมื่อผู้มีพระคุณของฉันกำลังเดือดร้อน ฉันเองก็ต้องปกป้องเขาให้ถึงที่สุดเช่นกัน เจ้าหลัวเปา ลูกพี่แกก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง?”

นี่เป็นเรื่องจริงอย่างที่หยางหู่กล่าวไป หลิวเปามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายหลายคน และมักจะยื่นมือมาช่วยเหนือพวกเขาในยามมีปัญญาแบบฟรีๆ เสมอ เนื่องจากเวลาคนเหล่านี้จะใช้จ่ายพักผ่อน พวกเขาก็มักจะใช้สถานที่ของหลิวเปามากกว่าที่อื่นๆ ทั้งยังเรื่องธุรกิจต่างๆ กล่าวได้ว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า

หลิวเปาและหยางหู่ โดยผิวเผินทุกคนต่างรู้จักพวกเขาในนามพี่น้อง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาต่อสู้กันมาอย่างลับๆ มาเกือบสิบปีแล้ว ดังนั้นหลิวซีที่เป็นแค่ชนชั้นลูกน้องจะกล้าทำอะไรหยางหู่?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิวซีก็เข้าใจได้ในทันทีว่า ทำไมหยางหู่ถึงต้องการปกป้องจ้าวเฉียนขนาดนี้ ไม่…ไม่สิ…หลับหลังแล้ว จ้าวเฉียนต้องเคยช่วยหยางหู่มามากขนาดไหน ถึงทำหนึ่งในสองพี่ใหญ่แห่งวงการสีเทาอย่างหวางหู่เคารพนับถือขนาดนี้มากขนาดนี้? ตอนนี้เองจ้าวเฉียนก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร รีบใช้โอกาสนี้ขอโทษและหนีไปดีกว่า!

“พี่หยางหู่ เพราะน้องชายคนนี้สะเพร่าเอง ถึงไม่ได้ถามคนจ้างวานก่อนว่าเป้าหมายเป็นใคร ผมหวังว่าพี่หยางหู่จะเข้าใจในจุดนี้นะ ไว้วันไหนว่างๆ ผมอยากจะชวนพี่ดื่มชากันสักครั้ง ชาที่เพิ่งได้มีคุณภาพคัดสรรมาอย่างดี! พี่หยางหู่ว่ายังไงบ้างครับ?”

หยางหู่ตอบแค่ว่า

“เปล่าประโยชน์ที่จะขอโทษ ถ้านายไม่ได้ยุ่งกับคุณชายจ้าว ฉันก็ไม่ยุ่งกับแกเหมือนกัน แต่…ถ้าคุณชายจ้าวบอกว่า อยากจะถอนฟันแกอีกรอบ เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเขา”

หลิวซีหันไปจับจ้องจ้าวเฉียนพร้อมทีท่าเขินอาย เจอจ้าวเฉียนมองสวนกลับ ถึงกับหลบสายตาหนีด้วยความหวาดกลัว ก่อนเอ่ยถามขึ้นช้าๆ ว่า

“เอ่อ…คุณชายจ้าว…คุณเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องในวันนี้มีเหตุมีผลเช่นกัน…ผมขอโทษครับ คุณชายจ้าวปล่อยผมไปเถอะ ได้ไหมครับ?”

จ้าวเฉียนยิ้มกริ่มเล็กน้อยและกล่าวขึ้นว่า

“ได้! ถ้างั้นนายช่วยไปถอนฟันของหยางหมิงให้สักซี่ที! ถอดเสร็จฉันจะปล่อยนายออกไปทันที ไม่อย่างนั้น…นายก็ต้องถอนฟันตัวเองออกมาซี่หนึ่งแทน ว่ายังไงล่ะ? ถอนฟันตัวเองนี่เจ็บยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นอีกนะ?”

หยางหมิงรู้สึกโกรธอย่างมากเมื่อได้ฟัง รีบชี้นิ้วด่าจ้าวเฉียนทันควัน สาปส่งไม่หยุดหย่อนดังว่า

“เป็นบ้าไปแล้วรึไง! ฟันมึงต่างหากที่ต้องหลุด! กูจะฆ่ามึง! หลิวซี! ถ้าแกกล้าฉันจะเอาเงินค่าจ้างคืน! แกไม่อยากมีที่นี่ในเมืองนี้แล้วใช่ไหม?”

หลิวซีเร่งอธิบายตอบทันทีว่า

“นายน้อยหยาง ไม่ใช่ว่าผมอยากทำ แต่ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ! เขาคนนี้คือพี่หยางหู่ รุ่นเดียวกับพี่หลิวเปา แล้วผมจะกล้าอวดดีต่อหน้าเขาได้ยังไง?”

“หยางหู่ก็หยางหู่สิวะ! ในโลกนี้มีอะไรเหนือกว่าเงินอีก!”

หยางหมิงรีบหยิบสมุดเช็คออกมาทันทีและเซ็นเช็คจำนวนห้าล้านวางบนฝากระโปรงรถ

“ห้าล้านพอไหม! ถ้าไม่ ฉันจะเพิ่มให้!”

หยางหมิงยังคงเซ็นเช็คจำนวนห้าล้านอีกใบ พร้อมวางบนลงฝากระโปรง

หลิวซีใจเต้นตุบตับ เพราะค่าจ้างที่ตนได้ถูกพี่หลิวเปาหักไป70% เหลืออย่างมากก็ไม่เท่าไหร่

แต่เขาเองก็เข้าใจสัจธรรมของโลกใบนี้เช่นกัน มีชีวิตเพื่อสร้างรายได้ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ามีชีวิตเพื่อใช้เงิน ซึ่งนี่เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย ตอนนี้เขาได้มาสิบล้านแล้วยังไง? รับประกันได้เลยว่า ไม่ถึงรุ่งเช้า ต้องมีคนเจอเขากลายเป็นศพอยู่ข้างถนนแน่นอน

“นายน้อยหยาง ผมต้องขอโทษจริงๆ ต่อให้คุณโยนเงินร้อยล้านมาให้ผม แต่ผมคงไม่เหลือชีวิตเพื่อใช้เงินพวกนั้นเช่นกัน เก็บเช็คพวกนี้กลับไปเถอะครับ ส่วนเงินค่าจ้าง ผมจะรีบหามาคืนโดยเร็วที่สุด…”

ความอาฆาตแค้นเริ่มสุมทรวงอยู่ภายในใจของหยางหมิงมากล้นขึ้นเรื่อยๆ ครั้งนี้เขาไม่สามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ แต่ในเมื่อพี่หยางหู่อะไรนั่นมีอำนาจขนาดนั้นจริง งั้นเขาก็ซื้ออีกฝ่ายด้วยเงินโดยตรงเลยก็จบ?

“ไอ้ขี้ขลาด! พี่หยางหู่ใช่ไหม? นายเอาเช็คมูลค่าสิบล้านนี่ไป แล้วกระทืบพวกมันทั้งคู่ให้ฉันเดี๋ยวนี้! นี่มีมูลค่าถึงสิบล้านหยวนเชียวนะ คงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธจริงไหม?”

หยางหู่ที่ได้ยินแบบนั้น ก็เดินเข้ามาตบบ้องหูหยางหมิงจนร่างกระเด็นออกไป ก่อนสบถเสียงเย็นชาขึ้นว่า

“แกดูถูกศักดิ์ศรีของพวกฉันมากไปแล้ว! หลิวซี แกรีบเลือกมาซะ จะถอนฟันมันหรือถอนฟันตัวเอง!”

หลิวซีร้องห่มร้องไห้พนมมือไหว้หยางหู่ พร้อมพูดว่า

“พี่…พี่หยางหู่ ผมเพิ่งถูกพี่ถอนฟันมาเมื่อไม่นานนี้เองนะ ผมทนเจ็บไม่ไหวแล้ว! ส่วน…ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นถึงลูกชายเจ้าของบริษัทเฟยอวี่ ดังนั้น…ดังนั้น….”

“เหอเหอ…ถอนฟันตัวเองไปนั้นแหละ! ตอนนี้ฉันรู้สึกอับอายจริงๆ ที่จ้างคนอย่างแกมา! ถ้าวันนี้พวกมันไม่เห็นใครฟันหลุด คงไม่ปล่อยออกไปแน่ๆ!”

หยางหมิงลุกขึ้นจากพื้นด้วยความโกรธจัด เอ่ยปากท้าทายขึ้น ไม่ว่าหยางหู่หรือหลิวเปา ในสายตาของเขาคนพวกนี้สามารถซื้อได้ด้วยเงินทั้งนั้น แต่ในวันนี้เขากลับคิดผิดมหันต์

ในความเป็นจริงแล้ว เงินสามารถซื้อพวกเขาได้จริงๆ นั้นแหละ แต่หยางหู่เป็นคนของจ้าวฝู หยางหมิงไม่มีทางซื้อตัวเขาได้แม้จะเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการซื้อหยางหู่เพื่อให้ไปจัดการกับลูกชายของจ้าวฝูอีก นี่ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เข้าไปใหญ่

มีจ้าวฝูคอยหนุนหลัง หยางหู่ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครทั้งสิ้นแม้กระทั้งหยางเฉิง แล้วนี่นับประสาอะไรกับหยางหมิง?

“ไอ้หนู มึงคิดว่าตัวเองใหญ่นักรึไง!”

หยางหู่ตรงเข้าไปยกบาทาถีบหน้าหยางหมิงสุดแรง จนล้มกลิ้งลงไปกับพื้นอีกรอบ ในขณะที่หลิวซีได้แต่ยืนตัวสั่น พูดอะไรไม่ออกสักคำ

หยางหมิงไม่เต็มใจเป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนี้แน่นอน แต่ด้วยพละกำลังของเขากลับต้องยอมจำนนแต่โดยดี หยางหู่เคยเป็นถึงทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ ให้จัดการกับคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วย

หยางหู่ตรงเข้าไปกระทืบซ้ำต่อทันที

ในไม่ช้า หยางหมิงก็ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป รีบพุ่งเข้าไปกอดแข้งกอดขาหยางหู่ ร้องขอความเมตตาด้วยความเวทนายิ่ง

หยางหู่ประเคนเท้าซัดหน้าท้องของหยางหมิงส่งท้าย และสบถขึ้นว่า

“ให้ตายเถอะ มีดีแค่ปากนี่หว่า แล้วอนาคตต่อไปหวังว่าแกจะฉลาดกว่านี้นะ คุณชายจ้าวเป็นแขกคนสำคัญของฉัน อย่าคิดว่าพ่อของแกอย่างหยางเฉิงจะวิเศษวิโสนักหนา มันไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันด้วยซ้ำ! กับแค่บริษัทแห่งหนึ่ง ฉันสร้างทำลายได้ทุกเมื่อ! เร็วเข้า! รีบขอโทษคุณชายจ้าวเดี๋ยวนี้!!”

หยางหมิงเช็ดคราบเลือดบริเวณมุมปาก และเอ่ยตอบกลับไปด้วยดื้อรั้นว่า

“อยากให้กูขอโทษมึงมากใช่ไหม? แล้วมันมีคุณสมบัติที่กูจะต้องยอมขอโทษมึง?”

หยางหู่ตรงเข้าไปตบกะโหลกอีกครั้งและตะคอกขึ้นว่า

“เมื่อกี้แกหูหนวกรึไง! คุณชายจ้าวเป็นแขกคนสำคัญของฉัน อย่าคิดแตะต้องเขาอีกเป็นอันขาด! จะรับขอโทษไหม! ไม่งั้นฉันจะถอนฟันคนของแก!”

หลิวซีที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาเกลี้ยกล่อมหยางหมิงอีกแรง และบอกไปว่า เรื่องนี้จบกันโดยไม่มีฝ่ายใดเสียหายถือว่าโชคดีมากแล้ว ขอโทษไปซะให้มันจบๆ

หยางหมิงไม่เต็มใจอย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วเช่นกัน ตอนนี้เลือดสดกลบปากเขาแทบไหลทะลัก ถ้ายังคงปฏิเสธหัวชนฝาต่อแบบนี้ มีหวังจบที่โรงพยาบาลแน่นอน

ดังนัน้เขาจึงพยุงร่างตรงเข้าไปหาจ้าวเฉียนและกล่าวว่า

“ฉัน…ฉัน…ขอโทษ…”

จ้าวเฉียนจงใจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายมากกว่านี้ จึงแสร้งทำเป็นเงี่ยหูฟังและพูดขึ้นว่า

“อะไรนะ? ฉันไม่ได้ยิน?”

“จ้าวเฉียน! มึงตาย!”

“มึงแหละตาย ยังปากเก่งอยู่อีก”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ยกมือขึ้นและตบหน้าหยางหมิงฉะใหญ่

เลือดสดคำโตกระเซ็นออกมาจากปาก หยางหมิงเดือดจัดกำหมัดทั้งสองข้างแน่นจนสั่นเทาไม่หยุด

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด