ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 34 สัญญาเดิมพัน
ตอนที่34 สัญญาเดิมพัน
จ้าวเฉียนทำข้อตกลงเดิมพันกับเจวียงหยวน พอได้ยินดังนั้นส่วนตัวเจวียงหยวนเองกลับลังเลใจ แต่หวังเฉียงกับหวันชวนก็มากระซิบข้างหูว่าไม่ต้องกลัว จ้าวเฉียนจะสามารถปิดดิลกับบริษัทยักษ์ใหญ่ขนาดนั้นในชั่วข้ามคืนได้ยังไง? ตราบใดที่กล้าเดิมพัน เจวียงหยวนชนะแน่นอน
เจวียงหยวนครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบครอบ และค้นพบว่านี่เป็นความจริง ไม่ว่าจ้าวเฉียนจะมีความสามารถขนาดไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะเจรจากับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้จบภายในชั่วข้าวคืน
ดังนั้นแล้ว เขาจึงกล่าวตอบไปด้วยความมั่นใจว่า
“ได้! ฉันขอเดิมพันกับนาย ถ้าทำไม่สามารถเซ็นได้ภายในวันนี้ นายจะต้องคลานเข่ามาขอโทษฉันสามครั้ง แล้วเชิญทุกคนไปเลี้ยงอาหารค่ำที่โรงแรมตงไห่ ขอชุดอาหารที่แพงที่สุดแบบครั้งที่แล้ว! ว่าไง?”
“โว้วว สุดยอด!”
“เดิมพันได้แจ๋ว!”
เจวียงหยวนเป็นคนเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด หวังใช้เงินของจ้าวเฉียนเพื่อทำให้เพื่อนร่วมงานพอใจ ถ้าจ้าวเฉียนแพ้ในการเดิมพันครั้งนี้ ไม่เพียงพาเจวียงหยวนไปเลี้ยงที่โรงแรมตงไห่คนเดียวเท่านั้น แต่ต้องเลี้ยงทุกคนในบริษัท
เจียงเสี่ยวปิงเหลือบมองจ้าวเฉียนอย่างดูแคลน และกล่าวน้ำเสียงเจือรังเกียจเอ่ยขึ้นว่า
“ดูเหมือนเงินรางวัลที่ถูกล็อตเตอรี่คงใกล้หมดแล้วสิท่า? เลิกแสร้งทำเป็นเก่งดีกว่ามั้ง? หน้าอย่างนายจะมีปัญญารักษาสัญญาหลังจากที่แพ้ได้เหรอ?”
หวังเฉียงตอบกลับทันทีว่า
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องกังวลเลยที่รัก คุณชายจ้าวของเราต้องกล้าเดินพันครั้งนี้อยู่แล้ว แต่งหน้ารอไปทานอาหารมื้อค่ำที่โรงแรมตงไห่ได้เลย อ่อ…แล้วฉันต้องขอบคุณนายจริงๆ ที่เลี้ยงอาหารในครั้งนี้! คุณชายจ้าวของเรารวยขนาดนี้ ที่รักไม่กลับไปหาเขาบ้างเหรอ?”
เจียงเสี่ยวปิงกระตุกยิ้มส่งสายตาหาจ้าวเฉียนด้วยความขยะแขยง พร้อมพูดกับหวังเฉียนขึ้นว่า
“ประสาท! ฉันไม่โง่กลับไปกินหญ้าหรอก คบกับหมอนี่ชีวิตก็มีแต่จะตกต่ำ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่า ทั้งๆ ที่ยากจนขนาดนั้น ถูกรางวัลทั้งทีก็ควรจะเอาไปทำประโยชน์ให้ตัวเอง แต่กลับใช้ทิ้งใช้ขว้าง อีกไม่นานก็กลับมาจนเหมือนเดิม น่าสมเพช!”
คล้อยหลังพูดจบ เจียงเสี่ยวปิงก็หันควับหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะเลขาผู้จัดการดังเดิม
หวังเฉียนแสยะรอยยิ้มแห่งชัยชนะฉีกกว้างบนใบหน้า และขยิบตาให้จ้าวเฉียนเล็กน้อยเป็นเชิงยั่วยุ
จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจอะไรเลย แค่ส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย หวังเฉียงคงมั่นใจอย่างมากกว่า การเดิมพันครั้งนี้พวกตนต้องเป็นฝ่ายชนะ จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องไปกลัวอะไร เขาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มกล่าวว่า
“ไม่มีปัญญา ถือว่าสัญญากันแล้วนะ?”
หวังเฉียงและคนอื่นๆ ต่างพยักหน้ายิ้มตอบอย่างมีชัย พวกเขาต่างคิดว่า ครั้งนี้จ้าวเฉียนไม่รอดแน่นอน ที่แสร้งทำเป็นคนฉลาดมากความสามารถมานาน สุดท้ายก็ต้องจบลงพร้อมถูกตีตราว่าเป็นคนโง่ดังเดิม
ทุกคนต่างรอคอยคู่ค้าที่จ้าวเฉียนบอกมากำลังเดินทางมาเซ็นสัญญาอย่างใจจดใจจ่อ
แต่เวลาก็ล่วงเลยมาเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมาถึงสักที จ้าวเฉียนเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย หยวนมี่มาทำงานสายตั้งแต่วันแรกแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เชื่อว่าหยวนมี่จะเป็นคนดีแต่ปาก บางทีอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นบนท้องถนนก็ได้ แต่อย่าให้เธอตกอยู่ในอันตรายก็เป็นพอ
เมื่อเห็นสีหน้าของจ้าวเฉียนเริ่มไม่สู้ดีนัก เจวียงหยวนก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังกลัวแน่นอน จึงยิ้มได้ใจพูดขึ้นว่า
“เป็นอะไรไป? ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจ คงเสแสร้งต่อไปไม่ไหวแล้วใช่ไหม? ไม่ต้องกังวลไป รีบๆ คลานเข่ามาขอขมาฉันตั้งแต่ตอนนี้ก็ได้นะ บางทีฉันอาจจะแสร้งทำเป็นลืมๆ เรื่องในวันนี้ไป”
จ้าวเฉียนไม่สนใจคำยั่วยุอีกฝ่าย พร้อมหยิบมือถือโทรหาหยวนมี่ทันที
“ค่ะประธานจ้าว ฉันต้องขอโทษจริงๆ ที่ต้องไปสาย ฉันถูกรถมอเตอไซค์ที่ฝ่าไฟแดงเฉี่ยว ฉันกำลังรีบไปอยู่ค่ะ รออีกสักครู่นะคะ”
“คุณเป็นอะไรไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ขาถลอกนิดหน่อย”
“โอเค ถ้ามาแล้วเจ้านายฉันรอคุยอยู่”
“ค่ะ ไม่ต้องห่วงประธานจ้าว ฉันรู้ดีว่าควรพูดและทำยังไง”
จ้าวเฉียนวางสายไปพร้อมวาจาเจือแจวเป็นห่วง เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่า อาการบาดเจ็บของหยวนมี่มากน้อยแค่ไหน จ้าวเฉียนคิดอีกวิธีหนึ่งทีดีกว่าได้ จึงรับวิ่งออกไปทันที
ทันทีที่ถึงหน้าลิฟต์ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ปรากฏเป็นหยวนมี่ที่เกินกระเผลกมา
“คุณโอเคไหม?”
จ้าวเฉียนที่เห็นดังนั้นก็รีบตรงเข้าไปประคองเธอทันที หยวนมี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณเข่าทั้งสองข้าง
“ไม่เป็นไร ฉันยังไหวค่ะ”
“หยุดพูดเลย! ไปโรงพยาบาลก่อนค่อยเซ็นทีหลัง”
ทันทีที่พูดจบจ้าวเฉียนก็พยายามพาเธอกลับลงลิฟต์อีกครั้ง ทว่าหยวนมี่กลับบอกปัดปฏิเสธโดยเร็ว และยังย้ำอีกว่าเธอไม่ได้อาการหนักถึงขั้นไปโรงพยาบาล เธอยังคงยืนยันอย่างแน่วแน่ แต่จ้าวเฉียนยังคงเพิกเฉยและยืนกรานที่จะพาเธอไปโรงพยาบาลละแวกใกล้เคียงให้ได้
คุณหมอทำแผลให้หยวนมี่พร้อมสั่งยาแก้ปวดให้เธอ จากนั้นทั้งสองก็รีบกลับเข้ามาในบริษัท
หยวนมี่รู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างมาก ความรักของเธอที่มีต่อจ้าวเฉียนเหมือนว่าจะเพิ่มมากขึ้นแล้ว
ทันทีที่ทั้งสองเข้ามาในออฟฟิศ เจวียงหยวนที่เห็นว่าจ้าวเฉียนหายหัวไปนาน ก็ยิ้มถามว่า
“จ้าวเฉียน นายพาเธอไปสารภาพบาปที่ไหนเหรอ? แพ้ชนะไม่สำคัญหรอกหน่า แค่เลี้ยงมื้อเย็นพวกเราทุกคนก็พอ! ฮ่าฮ่า…”
“หลีกไป! เก็บปากไว้คาบกระดูกเถอะ”
จ้าวเฉียนไม่มีอารมรณ์จะมาเถียงไร้สาระอีกต่อแล้ว จึงตอบโต้เจวียงหยวนไปอย่างไม่มีไว้หน้า และพาหยวนมี่เข้าไปในห้องทำงานของฟางนี่ทันที
“ประธานฟาง แขกมาถึงแล้ว”
ฟางนี่รีบลุดขึ้นเพื่อทักทายเธอทันที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อฟางนี่ คุณคือ…”
“ดิฉันหยวนมี่ มาในนามบริษัทคู่ค้า ฉันมาเจรจากับคุณเกี่ยวกับการพัฒนาเกม ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์ ค่ะ”
“เชิญนั่งก่อนค่ะ…ขาคุณเป็นอะไรมาค่ะ? ไหวหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว เรามาคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า นี่คือข้อมูลของบริษัทเรา กับข้อกำหนดที่ทางเราต้องการสำหรับเกมที่จะพัฒนาขึ้น ส่วนฉบับนี้ว่าด้วยเรื่องค่าตอบแทน ทางคุณสามารถตรวจสอบได้เต็มที่ค่ะ มีจุดไหนสงสัยถามได้เลยนะคะ ส่วนเรื่องค่าตอบแทน ถ้ายังไม่เป็นที่น่าพอใจค่อยปรึกษากันอีกทีในวันหน้า วันนี้เอาเรื่องข้อกำหนดของตัวเกมก่อนก็ได้ค่ะ”
ฟางนี่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม และหยิบเอกสารขึ้นมาตรวจสอบทีละฉบับอย่างระมัดระวัง
จ้าวเฉียนพอใจอย่างมากกับการแสดงครั้งนี้ของหยวนมี่ นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอเองก็กลับไปทำการบ้านมาพอสมควร เธอร่างเอกสารสัญญาทุกฉบับๆ ได้ชัดเจน ไม่มีข้อความกำกวม ทั้งยังมีวิธีการพูดกับคู่ค้าที่ดี น้ำเสียง การเว้นจังหวะพักหายใจ รวมไปถึงสารที่ต้องการจะสื่อออกไป กระชับ ได้ใจความ
หลังจากฟางนี่อ่านรายละเอียดอย่างรอบคอบ เธอก็พยักหน้าตอบและบอกว่า ข้อกำหนดทุกอย่างเธอคิดว่าโอเคแล้ว แต่ค่าตอบแทนมันต่ำไปหน่อย หลังพูดจบ เธอก็เปิดเอกสารอีกฉบับหนึ่งที่จ้าวเฉียนให้ไปเมื่อวานขึ้นมา
ท้ายที่สุดนี้ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเกมฟางนี่ก็คือจ้าวเฉียน และเขาย่อมสามารถตัดสินใจได้ทุกอย่าง
จ้าวเฉียนเหลือบมองไปที่หยวนมี่ เขาคิดไว้แล้วว่าฟางนี่จะต้องบอกว่า ค่าตอบแทนที่เสนอไปต่ำไปหน่อย เพราะตามที่เขาคาดการณ์จากประสบการณ์การดำเนินงานของบริษัทฟางนี่ อัตราส่วนกำไรจะอยู่ที่30% แต่ในครั้งนี้กลับอยู่แค่15% เท่านั้น จึงไม่ปล่อยเลยที่เธอจะมีข้อท้วงติง
ซึ่งเอกสารที่หยวนมี่เปิดให้ฟางนี่ดูคือ สถิติฐานนักอ่านที่ทะลุหลักหลายล้านคน ซึ่งนี่หมายความได้ว่า ถึงเปอร์เซ็นต์แชร์จะน้อยแต่ก็ยังมีจำนวนฐานลูกค้าที่มหาศาลเข้ามาทดแทนได้
จ้าวเฉียนเห็บเอกสารทั้งหมดลงในกระเป๋าและกล่าวกับหยวนมี่ด้วยรอยยิ้มว่า
“ทางเรายอมรับค่าตอบแทนที่คุณหยวนมี่เสนอมาแน่นอนครับ แต่มีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อคือ ทางคุณหยวนมี่จะต้องส่งเนื้อหานิยายทั้งหมดในตอนนี้มาให้ทางเรา รวมไปถึงอัปเดตอยู่ตลอด เพื่อนำไปสร้างเนื้อหาในเกม และเนื่องจากนิยายเล่มนี้เพิ่งอัปเดตไปได้เพียงครึ่งล้านคำเท่านั้น ตามพล็อตเรื่องปัจจุบัน จึงสามารถสร้างตัวเกมได้เพียงสเกลเล็กๆ เท่านั้น และต้องรออัปเดตตามเนื้องหาอย่างสม่ำเสมอ”
ก่อนหน้านี้ จ้าวเฉียนบอกกับหยวนมี่ว่า บริษัทเกมฟางนี่แห่งนี้ก็เป็นของเขาเช่นกัน และจำเป็นต้องร่วมมืออัปเดตตัวเกมกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าตอบและบอกไปว่าไม่มีปัญหา ตราบใดที่ทางฟางนี่สามารถผลิตเกมออกมาตอบสนองกับความต้องการได้ ความร่วมมือตรงนี้ก็จะไม่หายไปไหน
จ้าวเฉียนพยักหน้าและพูดขึ้นว่า
“ประธานฟางคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ? ด้วยปริมาณฐานลูกค้าขนาดนี้ สามารถเข้าชดเชยอัตราส่วนกำไรที่ต่ำได้ ตราบเท่าที่คนสั่งซื้อเกมนี้เยอะ กำไรที่บริษัทได้รับก็จะเพิ่มขึ้นเป็นทวีเอง”
ฟางนี่ย่อมเข้าใจหลักการของผลกำไรพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่เธอมองไกลไปกว่านั้น บริษัทที่สามารถซื้อลิขสิทธิ์นิยายดังอย่าง ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์ มาได้ชนิดที่ว่าถือครองเต็มรูปแบบ แสดงว่าเบื้องหลังของบริษัทดังกล่าวต้องไม่ธรรมดาแน่นอน หากโครงการนี้สำเร็จไปด้วยดี ก็อาจมีโครงการหน้าๆ มาร่วมมือกันอีกในอนาคตอย่างไม่ขาดสายแน่นอน
ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าพร้อมลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกไปจับกับหยวนมี่ทันที
“ถ้างั้น พวกเรามาเซ็นกันเถอะ”
หยวนมี่ยิ้มตอบและหยิบเอกสารสัญญาที่เตรียมไว้ออกมา พร้อมเซ็นอนุมัติลงไป ทั้งสองฝ่ายต่างลงนามและประทับตรา
บัดนี้ สัญญาฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว
เซ็นสัญญากันเรียบร้อย ฟางนี่ก็ถามไปว่า สะดวกชำระเงินดาวน์ค่าพัฒนาเกมเมื่อใด หยวนมี่เองก็เอ่ยตอบกลับอย่างไม่เห็นแก่ตัวเช่นกัน ก่อนจะบอกว่า ตนสามารถจ่ายได้ทันที30%ของเงินลงทุนทั้งหมด และจะจ่ายยอดที่เหลือหลังจากพัฒนาเสร็จสิ้น
ฟางนี่พยักหน้าและโทรหาเซียวหลิว เจ้าหน้าที่การเงินเพื่อพิมพ์ใบแจ้งชำระโดยใช้เลขบัญชีบริษัทของหยวนมี่
หยวนมี่พยักหน้าและพูดขึ้นว่า
“ฉันจะไปโอนเงินให้หลังจากนี้ ตอนนี้ทางคุณสามารถเริ่มโครงการได้เลยหลังจากที่ส่งพล็อตเรื่องให้ไปแล้ว”
ฟางนี่พยักหน้าตอบทันทีและบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องรับขนาดนั้นก็ได้
จ้าวเฉียนแสร้งกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และวิ่งจากออกไปพร้อบหนังสือสัญญา
ฟางนี่รีบอธิบายทันทีอย่างยิ้มแย้มว่า
“คุณหยวนมี่ไม่ต้องตกใจนะคะ พอดีลูกน้องในออฟฟิศกำลังเดิมพันอยู่ว่า สัญญาความร่วมมือครั้งนี้จะประสบความสำเร็จด้วยดีไหม นี่เป็นข่าวดีของบริษัทเราค่ะ ไปเยี่ยมแผนกพัฒนาของเราหน่อยไหมค่ะ?”
หยวนมี่ยิ้มบางพยักหน้าตอบเล็กน้อย และเดินตามฟางนี่ออกไป
จ้าวเฉียนวางหนังสือสัญญากระแทกลงบนโต๊ะของเจวียงหยวนอย่างแรง
“เจวียงหยวน เตรียมหอนยังจ๊ะ?”
เจวียงหยวนตกตะลึงแทบสะดุ้งเฮือก รีบคว้าหนังสือสัญญาบนโต๊ะขึ้นมาดูโดยไว ยิ่งอ่านมากเท่าไรสีหน้าของเขายิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้นเท่านั้น
“นี่…นี่…แก…เป็นไปได้ยังไง? กับบริษัทห่วยๆ แบบนี้…แกขอให้อีกฝ่ายมาร่วมมือด้วยได้ยังไง?!”
คอมเม้นต์