ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 42 คิดจะออก? ไม่มีทาง!
ตอนที่42 คิดจะออก? ไม่มีทาง!
พอหวังเฉียงตกตะลึงอยู่สักครู่หนึ่ง เขาก็รีบกล่าวกับฟางนี่ด้วยท่าทีรีบร้อนว่า
“ประธานฟาง ผมอยู่กับคุณมาตั้งห้าปีแล้ว ยังมีใครที่ทำงานหนักอุทิศตัวให้บริษัทนี้เท่าผมอีก? คุณเองก็น่าจะทราบดีไม่ใช่เหรอ? แต่คุณกลับฟังไอ้ไร้น้ำยาที่บังเอิญโชคดีเร็วๆ นี้มากกว่าผม? รู้ไหมว่าตั้งแต่คุณไม่อยู่ มันก็เข้างานสาย แถมยังออกก่อนเวลาตลอด!”
ฟางนี่ตะคอกน้ำเสียงเย็นชาสวนกลับไปว่า
“ไร้น้ำยา? โชคดีงั้นเหรอ? ถ้าทำงานทั้งวันแต่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้บริษัท มันก็ไม่ต่างอะไรกับไม่มาทำงานหรอก แล้วผลงานล่าสุดของนายในฐานะผู้จัดการล่ะ? เป็นยังไง? มีแต่กินเงินเดือนบริษัทเล่นมากกว่า แล้วก่อนที่ฉันจะลา ก็กำชับไปแล้วไม่ใช่เหรอว่า ห้ามสร้างปัญหา หรือนายคิดว่าฉันหูหนวกตาบอดรึไง?”
หวังเฉียงรีบอธิบายทันทีว่า
“ทั้งหมดเป็นความผิดของหวังเฉียง! มันแอบถ่ายรูปผมกับเจียงเสี่ยวปิงโดยพลการ จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ ประธานฟางไม่ควรตำหนิผม!”
“จ้าวเฉียน นี่มันหมายความว่ายังไง?”
จ้าวเฉียนไม่พูดไม่จา แต่หยิบมือถือและเปิดภาพถ่ายที่ว่านั้นออกมาให้ทุกคนดู
หวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิง ทั้งคู่หน้าแดงกล่ำลามไปถึงใบหู โดยเฉพาะกับเจียงเสี่ยวปิง เธอถึงกับกรนด่าสาปแช่งดังลั่น พร้อมพุ่งไปแย่งมือถือ แต่ก็ถูกจ้าวเฉียนผลักเธอล้มคะมำไปอีกครั้ง
จ้าวเฉียนกล่าวกับทุกคนอย่างใจเย็นว่า
“หวังเฉียงเรียกผมให้ไปหาที่ห้องทำงาน และเมื่อมาถึงบริษัท ผมก็รีบตรงไปหาเขาทันที แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ปิดประตูให้สนิท เป็นที่ชัดเจนว่า จงใจอยากให้เห็นว่า เขากับเจียงเสี่ยวปิงกำลังมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกัน ทุกคนต่างก็โตๆ กันหมดแล้ว คงไม่ต้องให้อธิบายนะครับว่า จุดประสงค์ของอีกฝ่ายต้องการอะไร คนแบบนี้ทุกคนยังอยากให้มาเป็นผู้จัดการอีกเหรอ? เราจะยอมปล่อยไปทั้งแบบนี้งั้นรึครับ?”
หวังเฉียงรีบปั้นน้ำเป็นตัว พยายามอธิบายให้ทุกคนฟังว่า ตอนนั้นเขาลืมปิดประตูจริงๆ และไม่ได้จงใจให้จ้าวเฉียนต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ เรื่องส่วนตัวขนาดนี้ใครบ้างอยากให้คนอื่นเห็น?
ฟางนี่ปฏิเสธที่จะรับฟังคำอธิบายของเขาทั้งหมด และกล่าวขึ้นว่า
“หยุดอ้างได้แล้ว มันผิดตั้งแต่ที่นายคิดจะมีอะไรกับพนักงานคนอื่นในที่ทำงานแล้ว! ฉันตัดสินใจแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนสัญญาจ้างใดๆ ทั้งสิ้น สัญญาที่เซ็นไว้นายยังต้องทำงานในบริษัทนี้อีกสองปี ถ้านายกล้าออกระหว่างสองปีนี้ เจอกันที่ศาลแน่!”
ท่าทีขึงขังของฟางนี่ดูเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง จนหวังเฉียงไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว อย่างก็ตาม นับหมื่นแสนคำสาปส่งภายในใจของเขาที่มีต่อจ้าวเฉียน มันขื่นระทมเกินบรรยาย และเขาไม่สามารถทำใจยอมรับได้แม้สักนิด ที่ต้องเห็นจ้าวเฉียนรับตำแหน่งผู้จัดการชั่วคราว
“ประธานฟาง คุณสั่งให้ผมไปทำงานกับแม่บ้านได้ ผมไม่ว่า แต่จะให้จ้าวเฉียนมาเป็นผู้จัดการทั้งแบบนี้จะดีเหรอครับ? ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่มีความสามารถเหนือกว่าเขา ประธานฟางโปรดพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน อย่างหวันซวงเองก็ไปดิลกับบริษัทยักษ์ใหญ่ได้เช่นกัน ทั้งยังมีเจวียงหยวน หลิวเหมย…”
ฟางนี่คำตอกสวนกลับไปเจือน้ำเสียงหงุดหงิดว่า
“หุบปากได้แล้ว! นี่ฉันเป็นเจ้านายหรือลูกน้องนายกันแน่ห่ะ? เรื่องจะแต่งตั้งหรือถอดถอนใครออกมา มันหน้าที่ของนายเหรอ?”
“ไม่…ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมแค่…ผมแค่แนะนำ…”
“ฉันไม่ฟังคำแนะนำของนายทั้งสิ้น เอาล่ะ ฉันยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จากนี้ต่อไปทุกคนจะต้องเชื่อฟังจ้าวเฉียนเข้าใจไหม?”
หลังจากที่ทุกคนพยักหน้าตอบ ฟางนี่ก็ยุติการประชุมและกดวางสายไป
ทุกคนต่างรีบเข้าไปแสดงความยินดีกับจ้าวเฉียนทันที พวกเขาต่างรู้ดีอยู่ในใจว่า การที่ฟางนี่ต้องการให้จ้าวเฉียนดำรงตำแหน่งชั่วคราว อันที่จริงเธอเองก็ต้องการให้เขาขึ้นกลายเป็นผู้จัดการนั้นแหละ แต่คงต้องรอให้เธอกลับมาบอกอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งก่อน
และอีกอย่าง ภายในไม่กี่เดือน จ้าวเฉียนสามารถทำกำไรให้บริษัทได้หลายสิบล้านหยวน ผู้นำมากความสามารถแบบนี้ จะต้องช่วยให้เฐานเงินเดือนของพวกเขาขยับขึ้นแน่นอน ยังไม่ถึงโบนัสสิ้นปีอีกก้อนโต พอรู้แบบนี้แล้ว ยังมีใครบ้างที่ไม่อยากให้จ้าวเฉียนขึ้นเป็นผู้จัดการ?
จ้าวเฉียนยิ้มแย้ม พูดกับทุกคนว่า
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของทุกคน จากนี้ต่อไปพวกเราจะร่วมมือช่วยกันเพื่อพัฒนาบริษัทให้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในอนาคต ผมสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานชนิดทุ่มสุดตัว ประธานฟางต้องตบรางวัลเป็นโบนัสก้อนโตแน่นอน ถ้าไม่ให้ ผมนี่แหละจะออกโรงจัดการให้เอง รอสิ้นปีนี้ได้เลย!”
จากประโยคเพียงไม่กี่คำ จ้าวเฉียนก็สามารถซื้อใจของทุกคนได้อย่างอยู่หมัด ทำไมทุกคนถึงต้องแหกตาตื่นแต่เช้าออกมาทำงาน? แน่นอน ก็เพราะเงินไม่ใช่เหรอ? จ้าวเฉียนที่กล้าขัดแย้งกับประธานฟาง สู้เพื่อโบนัสประจำปีของทุกคนแบบนี้ ใครบ้างจะไม่รัก?
“จ้าวเฉียน นายไม่ต้องกังวลเลย พอประธานฟางกลับมา พวกเราจะช่วยผลักดันเธอแต่งตั้งนายเป็นผู้จัดการเอง!”
“ถูกต้องแล้ว! นายแค่พยายามในส่วนของนาย พยายามาคู่ค้ามาร่วมมือกับบริษัทเราเยอะๆ ก็พอ ที่เหลือพวกเราจะช่วยอีกแรง ตอนนี้ไม่มีใครมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นผู้จัดการได้แล้วนอกจากนาย!”
ผู้คนต่างแห่สรรเสริญจ้าวเฉียนไม่หยุดไม่หย่อน ทิ้งให้หวังเฉียงนั่งเป็นหมาหัวเน่าอยู่เพียงลำพัง แค่นี้ก็ขื่นขมระทมใจมากเกินพอแล้ว แถมหลังจากนี้เขายังต้องทำงานเป็นแม่บ้านคอยทำความสะอาดออฟฟิศอีก ทีนี้เขาจะมีหน้าไปมองใครได้อีก?
เจียงเสี่ยวปิงรู้สึกโกรธตัวเองอย่างมากว่าทำไมโง่ปานนี้? คิดแค่เพียง หวังเฉียนเป็นถึงผู้จัดการและเขาสามารถนำพาชีวิตของเธอให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงตัดใจทิ้งจ้าวเฉียนทันที
ทว่าปัจจุบัน จ้าวเฉียนเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของหวังเฉียง ซ้ำร้ายอีกฝ่ายยังถูกไล่ให้มากวาดพื้นขัดส้วม แล้วจากนี้เธอควรทำอย่างไร? ถ้าต้องทนคบกับหวังเฉียงต่อ ไม่สู้บากหน้าไปหาทางคืนดีกับจ้าวเฉียนดีกว่า? แต่ตอนนี้มันไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ? ถ้าเธอตามง้อขอคืนดี จ้าวเฉียนยังจะตอบตกลงอยู่ไหม?
เจวียงหยวนเองก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง จู่ๆ สถานะของจ้าวเฉียนก็กระโดดขึ้นจากหัวหน้าแผนกวางแผน สู่ผู้จัดการบริษัทในชั่วอึดใจ นี่ทำให้เขารับไม่ได้
อย่างไรก็ตามแต่ เจวียงหยวนก็ตระหนักดีว่า จ้าวเฉียนกลายมาเป็นคนเนื้อหอมของทุกคนในบริษัทไปแล้ว และตัวเขาในปัจจุบันไม่มีอะไรที่จะไปสู้กับอีกฝ่ายได้เลย หากในภายภาคหน้ามีโอกาส เขานี่แหละจะเป็นคนฉุดมันลงมาสู่จุดเดิมอีกครั้ง ส่วนตอนนี้ก็…ตามน้ำไปก่อน!
“ผู้จัดการจ้าว…ยินดีด้วยครับ”
เจวียงหยวนยิ้มและยื่มมือออกไป
จ้าวเฉียนเหลือบมองเขาเล็กน้อย และยิ้มกล่าวว่า
“นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก ใครก็รู้ว่าพวกเรามีความสัมพันธ์กันยังไง นายคิดอะไรอยู่ในใจ คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?”
รอยยิ้มของเจวียงหยวนค้างแข็งเสมือนรูปปั้นหินในทันใด ตอบกลับเสียงแห้งว่า
“มะ-ไม่…ผู้จัดการจ้าวเข้าใจผิดแล้ว พอเห็นผู้จัดการจ้าวประสบความสำเร็จแบบนี้ ผมก็อยากสนับสนุนเช่นกัน เรื่องในอดีตที่ผ่านมา เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้นะครับ”
จ้าวเฉียนไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่ายโดยธรรมชาติ และไม่อยากเสียเวลาพล่ามกับอีกฝ่ายแล้ว ดังนั้นจึงหันหน้าหนีเจวียงหยวนและพูดกับหวังเฉียงแทนว่า
“หวังเฉียง ต่อจากนี้ นายต้องรับผิดชอบดูแลความสะอาดในออฟฟิศแห่งนี้ในอนาคต ถ้านายตั้งใจทำงาน ฉันจะลองไปคุยกับประธานฟางเรื่องโบนัสประจำปีของนายดู ไม่ตั้งกังวลไป ฉันไม่ได้ทำไปเพื่อล้างแค้นเป็นการส่วนตัว อะไรดีฉันก็ว่าดี ห้องน้ำ และบริเวณออฟฟิศถ้าสะอาดเอี่ยมทุกวัน ฉันจะช่วยนายขึ้นเงินเดือนเองในอนาคต”
ความคับแค้นใจระหว่างหวังเฉียงกับจ้าวเฉียนถูกสลักแน่นไว้นานแล้ว หวังเฉียงที่ได้ยินแบบนั้นจะไปรู้สสึกซาบซึ้งได้ยังไง
“จ้าวเฉียน แกอย่าเพิ่งดีใจไป! นี่เป็นครั้งแรกที่นายได้รับตำแหน่งผู้จัดการ แถมยังเป็นแค่ผู้จัดการชั่วคราว แถมยังไม่มีใครมาสอนงานแกอีกด้วย และแน่นอน…ฉันไม่สอนแก! ฉันรอดูวันที่แกพินาศ!”
“ว้าว แม่บ้านคนใหม่ดูคึกคักดีจัง แต่ผมต้องการให้คุณแยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวนะ แล้วอีกอย่างไม่ว่าฉันจะเป็นยังไงหลังจากนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ นายยังคงเป็นแม่บ้านของบริษัทแห่งนี้ คอยทำความสะอาดและรักษาสุขอนามัยตลอดสองปีจึงจะเป็นอิสระ! หวังว่าคุณจะเข้าใจ”
พอพูดจบจ้าวเฉียนก็เดินออกจากห้องประชุมทันที
ณ ตอนนี้เหลือแค่หวังเฉียงและเจียงเสี่ยวปิงเท่านั้นในห้อง
เจียงเสี่ยวปิงคาดการณ์ได้ทันทีว่า แนวโน้มในปัจจุบัน ตราบใดที่ไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นระหว่างนี้ จ้าวเฉียนจะต้องประสบความสำเร็จอย่างสวยงามแน่นอน
แต่หวังเฉียงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ตราบเท่าที่จ้าวเฉียนยังคงอยู่ในบริษัทแห่งนี้ เขาไม่มีโอกาสพลิกกลับมายิ่งใหญ่อีกแน่นอน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ อย่างน้อยสองปีต่อจากนี้ หวังเฉียงจะโดนจ้าวเฉียนคอยสกัดดาวรุ่งอยู่ตลอด เว้นเสียแต่ เขาเต็มใจชดใช้ค่าเสียหายเมื่อฉีกสัญญาจ้างกระทันหัน และออกจากบริษัทนี้ไป
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน จะเห็นได้ชัดเจนว่า ไม่มีอนาคตสำหรับหวังเฉียงอีกต่อไปแล้ว ทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดในขณะนี้คือ การกลับไปสู่อ้อมกอดของจ้าวเฉียนอีกครั้ง
หวังเฉียงเห็นว่าเจียงเสี่ยวปิงกำลังครุ่นคิดอะไรขางอย่างอยู่ในใจ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า
“นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่? พอเห็นฉันไม่มีอนาคต ก็คิดที่จะกลับไปคืนดีกับไอ้เวรนั้นใช่ไหม?”
เจียงเสี่ยวปิงกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย พลิกลิ้นเปลี่ยนสีในทันใด เธอกล่าวพร้อมท่าทางรังเกียจว่า
“อย่ามาพล่ามไร้สาระ! ในใจของนายเห็นฉันเป็นคนรักจริงๆ รึเปล่า? ที่ผ่านมานายเอาแต่ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว!”
หวังเฉียงไม่เหลือความเกรงใจอันใดอีกต่อไป เขาตะคอกใส่เสียงดังลั่นตอบว่า
“ที่แกยอมทิ้งมัน ก็เพราะเห็นแก่ตำแหน่งในหน้าที่การงานของฉัน! ฉันต่างหากที่ต้องถามว่า แกรักฉันจริงๆ รึเปล่า? นังร่านเห็นแก่ตัว!!”
เจียงเสี่ยวปิงไม่อยากจะอยู่ใกล้หวังเฉียงอีกต่อไปแล้ว พอเห็นอีกฝ่ายกล่าวโต้มาแบบนี้ เธอจึงใช้จังหวะนี้รีบแก้ตัวทันที
“ถ้านายพูดถึงขนาดนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะคุยกับนายอีกแล้ว! พอกันที! เราเลิกกัน!!!”
เจียงเสี่ยวปิงหมุนตัวกลับเตรียมที่จะเดินจากไป แต่หวังเฉียงจะเต็มใจปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้ยังไง? เขาพุ่งเข้าไปฉุดแขนเธอและกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง พร้อมประเคนฝ่ามือตบหน้าเสียงดังฉะ รอยแดงห้านิ้วเห่อร้อนปรากฏขึ้นบนแก้มของเธออย่างรวดเร็ว
“นังร่าน!! แค่กูถูกใช้ให้ไปกวาดพื้นขัดส้วมแค่นี้ มึงถึงกับเลิกกับกูเลยเหรอ!? กูไม่อนุญาตให้มึงไปคืนดีกับจ้าวเฉียน ไม่งั้นมึงตาย!!”
จากนั้นหวังเฉียนก็กระหน่ำทุบตีเจียงเสี่ยวปิงไม่เลี้ยง ทำร้ายร่างกายเธอชนิดไม่มีปราณี ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยอดทนไม่โต้ตอบมาโดยตลอด เพราะเห็นแก่อนาคตในระยะยาว แต่ในเมื่อตอนนี้ เขาเป็นแค่ไอ้คนขัดส้วมคนหนึ่ง เธอยังต้องเกรงใจอะไรอีก? เจียงเสี่ยวปิงทนไม่ไหวแล้ว จึงจิกหัวกระหน่ำตบอีกฝ่ายโต้คืนเช่นกัน
“มึงคิดว่ากูเป็นหุ่นยนต์ไม่มีอามรณ์ความรู้สึกรึไง! กูเจ็บ กูเสียใจเป็นนะเว้ย!!”
พอพูดจบ เจียงเสี่ยวปิงก็กระชับหมัดแน่นพร้อมซัดหน้าหวังเฉียงสุดแรงไปหนึ่งดอก
หวังเฉียงที่เห็นอีกวฝ่ายตอบโต้กลับก็ยิ่งโกรธจัด ยกเท้าขึ้นมาถีบเจียงเสี่ยวปิงจนกระเด็นล้มไปทันใด
จ้าวเฉียนที่กำลังนั่งดูแฟ้มอยู่ คุณป้าแม่บ้านก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเขาทันที
“ผู้จัดการจ้าว! แย่แล้ว! หวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิงกำลังต่อยกันในห้องประชุม!!”
คอมเม้นต์