ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 46 ขอแค่นายพูดมา
ตอนที่46 ขอแค่นายพูดมา
ในไม่ช้า จ้าวเฉียนก็เดินทางมาพบอู๋ซิน เธอดูมีความสุขมากจริงๆ รอยยิ้มบนใบหน้านั้นไม่สามารถปกปิดมันได้เลย
“ยินดีด้วยนะ นี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เธอกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ในอนาคต ถ้าถึงตอนนั้นที่เธอดังแล้ว ฉันยังจะกินข้าวกับเธอได้ใช่ไหม? โอ๋ใช่แล้ว! งั้นขอลายเซ็นตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า! เผื่อต่อไปฉันจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว!”
พอได้ยินคำพูดติดตลกของจ้าวเฉียน อู๋ซินก็คลี่ยิ้มหวาน พยักหน้ากล่าวตามน้ำตอบว่า
“โอเคเลย! ถ้าอย่างนั้นนายรีบหยิบทุกอย่างที่ฉันเซ็นได้ออกมาซะ! บางทีอาจทำกำไรได้เป็นก่อเป็นกำในอนาคต ราคาขึ้นแน่นอน ฟันธง! ถึงตอนนั้นก็อย่าลืม…แบ่งให้ฉันด้วย!”
จ้าวเฉียนร่วนหัวเราะพลางหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปกับอู๋ซินไว้สักภาพ จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าโรงแรมไปด้วยกัน
หงซิ่วผลักดันอู๋ซินแทบทุกช่องทางที่คิดออกตามคำแนะนำของจ้าวเฉียน ส่งผลให้กระแสความโด่งดังของเธอเพิ่มขึ้นสูงมาก ทันทีที่ทั้งคู่เข้าโรงแรมไป ก็มีหลายคนจำอู๋ซินได้และแห่เข้ามาขอถ่ายรูป
ภัตตาคารในโรงแรมดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันใด เธอกลายมาเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของทุกคนเข้าใช้บริการในที่แห่งนี้
ในตอนนั้นเอง ก็บังเอิญเหลือเกิน หยางหมิงได้พาใครบางคนมารับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ทันทีที่เห็นภาพฉากนี้เข้า เขาก็มองอู๋ซินตาขวาง ก่อนจะเบนไปหาจ้าวเฉียนด้วยสายตาบึ้งตึง
“ให้ตายเถอะ ไปที่ไหนก็เจอมัน!”
เวลานั้นเองเหล่าหนุ่มสาวหลายคนที่ร่วมโต๊ะกับหยางหมิงก็เอ่ยถามขึ้นว่า นายอยากขึ้นเตียงกับเธอเหรอ? ก็แค่สตีมเมอร์คนหนึ่งจะไปกลัวอะไร?
หยางหมิงส่ายหัวและให้คำตอบแก่พวกเขาไปว่า
“ตอนนี้เธอไม่ใช่สตีมเมอร์ตัวเล็กๆ แบบแต่ก่อนแล้ว รอโอกาสที่เหมาะสมกว่านี้ดีกว่าค่อยลงมือ ส่วนตอนนี้อยู่นิ่งๆ ไปก่อน ฉันเองก็ไม่อยากโดนคดีเท่าไหร่นัก ตราบใดที่ไม่เคลื่อนไหว ก็ไม่มีปัญหาอะไรเข้ามากวนใจ พวกนายไม่รู้หรอกว่า พอทำตัวละเมิดกฎหมายขึ้นมาที หลายสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นมันอาจเกินที่จินตนาการไว้ด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนเขาพูดปลอบทันทีว่า นายไม่ต้องกังวลไป ขอแค่หยางหมิงบอกว่าอยากได้เธอ พวกเขาจึงหาโอกาสลงมือให้เอง ยังไงซะพวกเขายังต้องพึ่งพาหยางหมิงอีกมากในอนาคต เรื่องแค่นี้ไม่นับว่าเกินมือพวกเขาเลย ต่อให้ต้องติดคุก แต่ด้วยอำนาจแห่งเงินตรา อย่างมากก็ไม่ถึงครึ่งปีจริงไหม? พวกเขายอมติดคุกแทนได้เพื่อทำให้หยางหมิงสมความปรารถนา
หลังจากที่หยางหมิงได้ยินพวกเขากล่าวออกมาแบบนั้น เขาก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง ทั้งยังพูดอีกว่า พวกนายนี่แหละเพื่อนแท้ของฉัน กินดื่มให้เต็มทีอย่างได้กังวล ฉันจะคอยซับพอร์ตทุกคนเองตลอดไป
หยางหมิงกระดกซดหมดไปแก้วหนึ่ง จากนั้นบรรดาเพื่อนก็พาเขามาที่ห้องอาหารส่วนตัวเพื่อหารือสำหรับแผนการ ทั้งยังบอกบริกรอีกว่า อย่าให้ใครก็ตามเข้าใกล้ที่นี่เด็ดขาด
หยางหมิงพูดเสียงต่ำกระซิบขึ้นด้วยความกังวลว่า
“ฉันรู้นะว่าพวกนายหวังดี แต่ฉันเองก็ไม่อยากให้ทุกคนโดนคดีเพราะฉัน แต่ละคนเองก็มีครอบครัว คนที่บ้านที่ต้องเลี้ยงดู แล้วพวกนายจะทำแบบนี้ได้ยังไง?”
“น้องหมิง นายดูถูกมิตรภาพระหว่างเรามากไปแล้ว”
“ถูกต้อง! อย่าพูดอย่างกับพวกเราเป็นคนอื่นคนไกล แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกผมจริงๆ แต่ปีสองปีทุกอย่างก็จบแล้ว ถือซะว่าเป็นช่วงพักร้อนไปแล้วกันครับ ฮ่าๆ … แล้วอีกอย่าง พวกผมก็เชื่อว่านายน้อยหมิงไม่ถอดทิ้งพวกเราให้อยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้ว ตราบใดที่นายน้อยหมิงยังเป็นห่วงเป็นกังวลในตัวพวกเรา พวกเราเหล่าพี่น้องเองก็ไม่จำเป็นต้องกลัว”
“ใช่แล้ว! ทุกคนต่างคิดแบบเดียวกัน นายน้อยหมิงไม่ต้องกังวล หากต้องการขึ้นเตียงกับอู๋ซิน พวกเราจะจัดการให้ทันที!”
หยางหมิงแสร้งทำเป็นบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อย เข้ากลัดกุมมือของพวกเขาเหล่านั้นและกล่าวขึ้นจากใจว่า
“พี่น้องที่รักของฉัน ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้รู้จักพวกนาย สำหรับเรื่องที่ฉันอยากมีอะไรกับอู๋ซินหรือไม่ กลับไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
หลายคนต่างเร่งพูดสนับสนุนทันทีว่า อย่าได้คิดมาก ตราบใดที่เขาพูดว่าอยากมีอะไรกับเธอ ส่วนที่เหลือหลังจากนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทุกคนเอง
หยางหมิงรู้สึกว่า เขาเล่นละครมามากพอแล้ว และถ้ายังเล่นเกินเลยไปต่อ ก็เกรงว่าจะเริ่มดูไม่สมจริง ดังนั้นเขาจึงกล่าวตัดบทเข้าเรื่องทันทีว่า
“พี่น้องของฉัน พวกนายคงรู้ดีใช่ไหมว่า ความแค้นระหว่างฉันกับอู๋ซินมันรุนแรงถึงขั้นไหนแล้ว ที่ฉันอยากขึ้นเตียงกับเธอ ก็แค่อยากสร้างความหม่นหมองติดตัวตลอดไป เอาให้เธอไม่เหลือหน้าที่จะยืนอยู่ในวงการนี้ได้อีกเลย พอพูดถึงตรงนี้ พวกนายพอเข้าใจรึยังว่าฉันต้องการอะไร?”
“เข้าใจแล้ว! น้องหมิงนั่งดื่มรอไปให้สบาย ที่เหลือพวกเราจัดการเอง!”
“ใช่! ถ้าไม่จำเป็นเราไม่ทำเรื่องผิดกฎหมายแน่นอน หลังจากนี้ผมเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า เธอยังมีหน้าอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้ยังไง”
“เธอเตรียมพลีกายให้นายแน่นอน!”
หยางหมิงรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งเมื่อได้ยิน ยิ้มกว้างแสนเป็นมิตรพร้อมกล่าวขอบคุณกับทุกคนว่า
“ขอบคุณมาก! พวกนายคือพี่น้องที่ฉันจะจดจำไปจนวันตาย! ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นจริง เรื่องครอบครัวของพวกนายไม่ต้องกังวล ฉันจะดูแลพวกเขาอย่างดีเสมือนกับสมาชิกครอบครัวของฉันคนหนึ่ง!”
แผนการในครั้งนี้ของหยางหมิงประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาสามารถซื้อใจของทุกคนเอาไว้ได้ ชนิดอยู่หมัดโดยสมบูรณ์ ซึ่งพวกเขาเองต่างก็ซาบซึ้งกินใจอย่างมากที่ได้ยินหยางหมิงให้สัญญาไปแบบนั้น พวกเขาต่างเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย แต่ละคนไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว เพราะมีหมางหมิงค่อยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณในครั้งนี้ หยางหมิงจึงสั่งอาหารจานหรูที่มีราคาแพงที่สุดมาให้เป็นพิเศษ พร้อมเปิดไวน์หายากอีกหนึ่งโหล เพื่อให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายได้ดื่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
แม้ว่าหยางหมิงจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าจ้าวเฉียน แต่เงินหลักล้านก็หาได้ง่ายมากสำหรับเขา ดังนั้นแล้วการใช้เงินแค่ไม่กี่ล้านเพื่อเอาหน้า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
ในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่อู๋ซินเข้าถ่ายรูปร่วมกับแฟนคลับนับไม่ถ้วน เธอก็รีบเข้ามาหลบในห้องอาหารส่วนตัวกับจ้าวเฉียนทันที
จ้าวเฉียนเห็นเธอดูวุ่นวายปานนั้นก็พูดติดตลกไปว่า
“โอ้โหวว เธอนี่ฮอตเหลือเกินนะ มากับฉันแบบนี้จะตกเป็นข่าวหรือเปล่า?”
อู๋ซินขำคิกคัก ตอบกลับไปว่า
“ฉันอยากเป็นซุปเปอร์สตาร์จริงๆ นะ นี่นาย…สนใจมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวฉันไหม?”
จ่าวเฉียนจงใจส่ายหัวตอบทันที พร้อมอธิบายให้เธอฟังว่า ตัวเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถ้ามีชาวต่างชาติมาติดต่องานกับเธอขึ้นมา เขาจะทำยังไง สื่อสารกันแทบตายสุดท้ายไม่เข้าใจขึ้นมาจะซวยเอา
อู๋ซินยกมือขึ้นปิดปากขำไม่หยุด จากนั้นก็เอ่ยถามจ้าวเฉียนไปว่า เรื่องงานช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง เมื่อไหร่เขาจะซื้อบ้านและตั้งรกร้างในเมืองนี้ได้
จ้าวเฉียนไม่สันทัดเท่าไหร่นักหากต้องคุยเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ตัวเองมี เขาจึงเบี่ยงไปประเด็นอื่นแทนว่า
“มีบ้านที่หนึ่งน่าสนใจนะ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ราคาสูงไปหน่อย…ฉันซื้อไม่ไหวหรอก”
แววความผิดหวังสาดสะท้อนผ่านนัยน์ตาของอู๋ซินทันที เธอกล่าวปลอบใจขึ้นทันทีว่า
“อย่าเพิ่งท้อใจไปเลย ขอเพียงตั้งใจขยันทำงานต่อไป อีกไม่นานนายต้องซื้อบ้านในฝันของตัวเองได้แน่นอน! แล้วนายยังมีทีมแข่งรถของพี่ชายฉันอีก เขาขับซิ่งตัวฉกาจเลยนะ ตราบใดที่เขาสร้างผลงานคว้าอันดับต้นๆ ในการแข่งมาได้ ทั้งค่าสปอนเซอร์ ทั้งค่าโฆษณาต่างแห่กันเข้ามาแน่นอน ซึ่งเงินส่วนแบ่งที่นายจะได้รับก็เพียงพอแล้วที่จะซื้อบ้านดีๆ สักหลัง ถ้านายไม่มีเวลาว่าง ฉันจะหมั่นโทรไปจิกพี่ชายให้ขยันซ้อม! ดังนั้นไม่ต้องกังวล!”
นี่เป็นคำพูดจากเธอที่คอยห่วงใยเขาเสมอมือ จ้าวเฉียนยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้าให้ และตอบไปว่า อย่าไปโทรกวนอู๋เลอเลย ช่วงนี้เขาต้องซ้อมหนัก
เนื่องด้วยอู๋ซินมีคิวไลฟ์สตีมตอนกลางดึก ทั้งสองจึงรีบทานอาหารโดยเร็ว คล้อยหลังกินเสร็จเธอจึงรีบปลีกตัวออกไปก่อน ส่วนจ้าวเฉียนขับรถกลับมาที่บริษัทพร้อมกับอาหารมื้อเย็นมาฝากพวกพนักงานแผนพัฒนาที่ทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น
เวลาห้าทุ่ม อู๋ซินต้องรีบกลับมาบ้านให้ตรงเวลาเพื่อไลฟ์สตีม ทว่าทันทีที่เธอออกมาจากตัวโรงแรม กลับเห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งแอบมองเธอเป็นระยะ เนื่องด้วยสังหรณ์ใจไม่ดีที่คืบคลานเข้ามาในใจ เธอรู้สึกได้ทันทีว่าคนพวกนี้ดูไม่ปกติ
เพื่อความปลอดภัย อู๋ซินรีบหยิบมือถือโทรหาพี่ชายทันทีเพื่อบอกให้เขารับมารับเธอกลับบ้าน
แต่อู๋เลอที่กำลังเตรียมตัวเข้าร่วมงานแข่งรถของเมืองในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เขากำลังง่วนอยู่กับการปรับแต่งรถ จนไม่มีเวลาแม้แต่รับสายน้องสาวตัวเอง
อู๋ซินไม่มีทางเลือกอื่น จึงรีบวิ่งไปทางฟุตบาทและกวักมือเรียกแท็กซี่เพื่อรีบหนีออกไปจากที่นี่ เธอจงใจเหลือบไปมองอีกฝ่ายให้รู้ว่า ตนเองรู้ตัวแล้ว ทว่าคนพวกนั้นก็ยังไล่ติดตามเธอมาอย่างใกล้ชิด
บ้านของอู๋ซินอยู่ค่อนข้างไกล และต้องขับรถผ่านเขตชานเมืองที่ช่วงกลางดึกค่อนข้างเปลี่ยว ถ้าเป้าหมายของกลุ่มคนพวกนี้คือเธอจริงๆ ระหว่างผ่านเส้นทางนั้น เธอจะต้องอยู่ในอันตรายอย่างมาก
รับโบกแท็กซี่ขึ้นไปทันที เธอบอกกับคนขับว่า
“พี่ค่ะ ช่วยขับรถรอบโรงแรมสักสองสามรอบ เดี๋ยวฉันจ่ายแน่นอนค่ะ”
ทางคนขับพยักหน้าและขับวนรอบโรงแรมตามคำขอของอู๋ซิน หลังจากนั้นวนไปได้สองรอบ คนขับก็คล้ายว่าจะพบปัญหา
“คุณหนูครับ มีรถขับตามเรามาตลอดเลย เกรงว่าเป้าหมายคือคุณหนูใช่ไหม?”
“ฉันก็คิดว่าแบบนั้นค่ะ พี่ลองขับวนอีกสักรอบสองรอบได้ไหม?”
“เอ่อ…คุณหนูครับ ผมก็แค่คนขับแท็กซี่หาเช้ากินค่ำ คงไม่อาจสร้างปัญหาให้คนใหญ่คนโตพวกนั้นได้ ผมจะขับคุณหนูไปจอดที่ผู้คนพลุกพล่านมากหน่อยแล้วกัน ส่วนค่าโดยสารไม่คิดครับ แบบนี้เป็นไงครับ?”
อู๋ซินรู้สึกร้อนใจหนักเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว ผู้คนที่เดินแถวนี้ก็แทบไม่มี เธอลงจากรถแล้ว พวกมันไล่ตามเธอมาจริงๆ จะทำยังไง?
“พี่ค่ะ งั้นฉันขอถ่ายใบประกอบของพี่ส่งให้ที่บ้านหน่อย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ เดี๋ยวทางฉันจะรับผิดชอบเอง ขับรถไปก่อน ระหว่างนี้ฉันจะรับโทรให้คนมาช่วย”
คนขับไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวนรถแบบนั้นต่อไป
อู๋ซินครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ และรีบต่อสายตรงโทรไปหาจ้าวเฉียนทันที
คอมเม้นต์