ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 58 เธอหลับแล้ว
ตอนที่58 เธอหลับแล้ว
หวานเจียงจ้องจ้าวเฉียนเขม็งด้วยสายตาสุดเย็นชา สักพักพลันร่วนหัวเราะและกล่าวว่า
“อะไรนะ? นี่คุณไม่พอใจหยางหมิงถึงขั้นตอบโต้อีกฝ่ายแบบนี้? กะเอาให้มันกินไม่ได้นอนไม่หลับเลย?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบไปว่า
“แค่อยากแสดงให้มันเห็นว่าผมรังเกียจมันขนาดไหนผ่านคุณ แต่ผมไม่เคยมีความคิดสกปรกกับคุณเลยสักนิด ถ้าจะให้พูดกันตามตรงก็…คุณไม่ใช่สเป็กของผม ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าผมจะทำอะไรคุณ ลองเก็บไปคิดดูนะครับ ถ้าตกลง ราคาห้าร้อยล้านแลกกับลิขสิทธิ์เต็มรูปแบบ นี่เป็นคำขาดไม่มีการต่อรองใดๆทั้งสิ้น”
หวานเจียงครุ่นคิดอยู่สักพัก การจะยั่วประสาทให้หยางหมิงอยู่ไม่สุขมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้เธอเองก็ไม่ได้สนใจหยางหมิงอยู่แล้ว ถือเป็นการดีซะกว่าที่เธอจะใช้โอกาสนี้กำจัดมันทิ้งไปในตัว
ใครจะอยากแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่รักกัน?
คล้อยหลังคิดได้ หวานเจียงจึงพยักหน้าตอบและนั่งลงกล่าวว่า
“ไม่มีปัญหา เล่นละครคบกับคุณไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ห้าร้อยล้านคงจะไม่ได้ ฉันจะให้สามร้อยล้านแลกกับลิขสิทธิ์40%แล้วกัน”
“ไม่มีปัญหาเช่นกันครับ ไม่ว่าจะเป็นห้าร้อยหรือสามร้อยล้าน มันก็ไม่มีผลอะไรกับผมเท่าไหร่นัก สิ่งที่สำคัญคือหลังจากนี้คุณต้องทำตามที่ผมสั่ง ต่อให้คุณกำลังจะเดตหรือนอนกับหนุ่มรัก แต่ทันทีที่ผมโทรเรียก คุณต้องรีบแต่งตัวให้พร้อมและเดินทางมาหาผมทันที”
หวานเจียงกลอกตาเล็กน้อยและตอบไปว่า
“คุณดูสนใจเรื่องแก้แค้นยิ่งกว่าเรื่องลิขสิทธิ์นิยายอีกนะ? สรุปจะเอาไหมสามร้อยล้าน?”
“ผมก็บอกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นห้าร้อยหรือสามร้อยล้าน มันก็ไม่มีผลอะไรกับผม ก็แค่เศษเงิน”
“กล้าพูดขนาดนี้ คุณจ้าว ครอบครัวของคุณมีธุรกิจทำเหมือง ขุดเจาะน้ำมันรึไงถึงพูดจาใหญ่โตนักหนา?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบพร้อมท่าทีแสนสุขุมว่า
“ก็มีบ้างครับ”
หวานเจียงกลอกตามองบนซ้ำสอง เธอคิดว่าจ้าวเฉียนล่อเล่น แต่ใครจะไปรู้ว่าเขากำลังพูดความจริงอยู่ พ่อของเขาเองก็ทำอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมัน โลหะ ถ่านหิน และก๊าชธรรมชาติ ถ้าไม่รวยก็แปลกแล้ว?
หวานเจียงไม่ได้คิดอะไรมากมาย ยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟมาสั่งอาหาร
ทั้งสองรับประทานอาหารกันจนเวลาล่วงเลยไปเกือบห้าทุ่มได้แล้ว ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังจะบอกลาอีกฝ่าย จู่ๆโทรศัพท์มือถือของหวานเจียงก็ดังขึ้น
เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มและยื่นให้จ้าวเฉียนดู
“หยางหมิงมันโทรมาพอดี สนใจคุยไหม?”
จ้าวเฉียนยิ้มเยาะรับมือถือเธอมาพร้อมกดรับสายทันที
“นายน้อยหยาง โทษทีนะ พอดีเสี่ยวเจียงของผมกำลังอาบน้ำอยู่พอดี ดูท่าเธอเองก็เหนื่อยไม่น้อยเลย ออกมาลงสลบคาเตียงพอดี มีอะไรค่อยโทรมาหาใหม่พรุ่งนี้แล้วกันเนอะ?”
ทันทีที่พูดจบจ้าวเฉียนก็กดตัดสายทิ้ง
หวานเจียงยกมือป้องปากพลางขำเล็กน้อย ก่อนจะบ่นขึ้นว่า
“คุณนี่มันแย่จริงๆ บอกอย่างกับฉันเพิ่งผ่านศึกหนักมา กะให้มันนอนไม่หลับทั้งคืนเลยใช่ไหม? ดูสิ…มันโทรมาอีกแล้ว”
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังแสดงชื่อว่าเป็นหยางหมิง แต่หวานเจียงเองก็ไม่สนใจเช่นกัน เธอกดตัดสายทิ้งและปิดเครื่องทั้งแบบนั้น
จ้าวเฉียนยิ้มเยาะ
“ทำไมไม่รับสักหน่อยล่ะ? หรือคุณไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้มันฟังยังไง?”
หวานเจียงเผยสีหน้าสุดแสนหยามเหยียดยู่ออกมา กล่าวตอบไปว่า
“อย่ามาพูดลดคุณค่ากันแบบนี้ ทำไมฉันต้องเสียเวลานั่งอธิบายให้คนอย่างมันฟังด้วย? ฉันเองก็ไม่ชอบขี้หน้ามันตั้งแต่แรกแล้ว และก็ไม่สนใจว่ามันจะรู้สึกยังไง”
“คุณไม่กลัวพ่อจะตำหนิเหรอ?”
“ตราบใดที่ได้ลิขสิทธิ์เรื่อง《ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์》มาและทำเงินให้ในจำนวนมหาศาล พ่อจะกล้าตำหนิฉันได้ยังไง?”
จ้าวเฉียนถึงกับยกนิ้วโป้งให้หวานเจียง และถามเธอไปว่า ตอนนี้จะคุยอะไรต่ออีกไหมหรือแยกย้ายกันกลับบ้าน?
หวานเจียงตอบแบบติดตลกไปว่า เธอก็ต้องกลับบ้านสิ หรือจะลากฉันไปทำอะไรในตอนดึกๆดื่นๆแบบนี้?
จ้าวเฉียนขำเล็กน้อยก่อนโบกมือลาอีกฝ่าย พร้อมจากไปทันที ทว่าตอนที่เขากำลังลงลิฟต์ หยางหมิงก็โทรสายเข้ามาหาตน แต่เนื่องด้วยสัญญาณในลิฟต์ไม่ค่อยดี เขาจึงยังไม่ได้รับสาย
จากนั้นไม่นานนัก จ้าวเฉียนกำลังเดินออกจากประตูโรงแรม หยางหมิงก็โทรเข้ามาหาอีกครั้ง ปัดสายรับโทรศัพท์ ประเดิมเอ่ยปากทักทายไปก่อนว่า
“มีอะไรรึเปล่าครับนายน้อยหยาง? จู่ๆก็โทรมาดึกขนาดนี้ หรือคิดถึงผมกันแน่?”
เพราะตอนนั้นที่หยางหมิงรับสาย สัญชาตญาณบอกเขาว่า เสียงของปลายสายในมือถือหวานเจียงช่างคล้ายคลึงกับจ้าวเฉียนเหลือเกิน เอะใจอะไรบางอย่างได้ เขาจึงรีบโทรหาเพื่อสอบถามเป็นการด่วน
“ตอนนี้แกอยู่ไหน?”
“ผมออกมาทานข้าวนอกบ้าน มีอะไรหรือเปล่าครับ? หรือจะชวนผมออกไปดินเนอร์ด้วยกัน?”
“แกไปกินกับใคร?”
“แหม แหม…ผมไม่จำเป็นต้องบอกคุณทุกเรื่องหรอกครับ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของผม คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย”
หยางหมิงตะคอกใส่จ้าวเฉียนไปคำโต และรีบเค้นอีกฝ่ายให้บอกมาว่า ไปกินข้าวกับใครมากันแน่ ถ้าไม่ตอบ พรุ่งนี้เขาจะไปหาฟางนี่เพื่อสร้างปัญหาแน่นอน
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นหวาดกลัว เอ่ยเสียงออดอ้อนกับหยางหมิงและตอบไปตามตรงว่า อย่า อย่า…นายอย่าทำแบบนั้น ฉันบอกไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไรจริงๆ แค่ออกไปเล่นจ้ำจี้กับแฟนใหม่ในโรงแรม และเนื่องจากสถานะของเธอค่อนข้างมีหน้ามีตาในแวดวงสังคมมาก เขาจึงไม่กล้าระบุว่าเธอคือใคร หรือนอกให้คนนอกรับรู้ว่า พวกเรากำลังคบกันอยู่
หยางหมิงที่ได้ยินเข้าไปแบบนั้นยิ่งวิตกจริตหนัก รับถามต่อทันทีว่า
“แฟนใหม่นายชื่ออะไร? แล้วพวกแกทำอะไรกันบ้าง?”
“โอ้ ก็บอกไปแล้วนะครับว่า ไม่สามารถบอกชื่อได้ เธอมีชื่อเสียงไม่ใช่น้อยเลยและอาจส่งผลเสียได้ อีกอย่างเธอเองก็ย้ำกับผมชัดว่า ห้ามพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเราโดยเด็ดขาด ส่วนทำอะไรกันบ้าง ผมว่า…เรื่องนี้พูดยากนะครับ เพราะหลายท่ากันเลย…”
ยิ่งได้ฟังแบบนี้หยางหมิงยิ่งปวดหัวหนัก จ้าวเฉียนกำลังพูดถึงหวานเจียงอยู่แน่ๆ พอคิดได้แบบนี้จึงเอ่ยถามไปตรงๆเลยว่า
“แฟนใหม่ของแก…ชื่อหวานเจียงรึเปล่า?”
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นตกใจอย่างมาก และอุทานขึ้นว่า
“นาย…นายรู้ได้ไง?! หรือนายแอบส่งคนมาติดตามฉัน?”
“ไอ้บัดซบจ้าวเฉียน!!! หวานเจียงเป็นคู่หมั้นของกู! มึงกล้าย่ำยีเธอขนาดนี้ กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่!!”
จ้าวเฉียนที่เห็นปฏิกิริยาอีกฝ่ายก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่เขาก็พยายามหายใจเข้าลึกๆ และแกล้งตามน้ำ อุทานเสียงดังลั่นด้วยความประหลาดใจกว่าว่า
“อะไรนะ?!! หวานเจียงแฟนใหม่ฉัน ก็คือหวานเจียงที่เป็นคู่หมั้นของนายหรอกเหรอ?!! บ้าน่า! อะไรจะบังเอิญขนาดนั้นกัน? ก็นายทำตัวทราม ฟันสาวไปเรื่อยขนาดนั้น ฉันก็ไม่คิดว่าหวานเจียงคุณหนูแสนดีแบบนี้จะเป็นคู่หมั้นกับนายได้? ให้ตายเถอะ เธอผ่านมือฉันไปแล้วด้วย เป็นแบบนี้นายยังอยากแต่งงานกับเธออีกไหมเนี่ย?”
หยางหมิงเนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดหย่อน เขากรนด่าสาปส่งใส่จ้าวเฉียนด้วยความโกรธจัดว่า
“ไอ้เวร! แล้วทำไมต้องเป็นแกด้วย! จ้าวเฉียน กูเตือนมึงแล้วนะว่า หวางเจียนเป็นผู้หญิงของกู แล้วมึงก็ยังกล้ามายุ่งย่ามจริงๆ! กูไม่ปล่อยมึงไปแน่ กูจะฆ่าล้างโคตรตระกูลจ้าวของมึง!”
“ได้โปรดอย่าทำแบบนั้น! พ่อของผมเองก็แค่ชายแก่ตาดำๆคนหนึ่ง อย่าทำร้ายครอบครัวผมเลย โอ๋? หวานเจียงออกมาพอดี สงสัยอยากจะสนุกกันต่อ เอ่อ…ถ้าไม่มีอะไรแล้ว… ผมขอตัวกลับเข้าสมรภูมิต่อนะ ฝันดีครับนายน้อยหยิง!”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยและกดตัดสายทิ้งทันที
อีกด้านหน้ง หยางหมิงเดือดดาลถึงขีดสุด เขวียงโทรศัพท์มือถือในมือกระเด็นกระดอนออกไป พร้อมกระทืบซ้ำจนแหลกเป็นชิ้นๆ
“เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างรึยัง? ฉันว่าบางที…คุณต้องไปตรวจเช็คสุขภาพจิตบ้างนะ?”
ขณะที่จ้าวเฉียนกำลังเดินจากออกไป สุ้มเสียงหวานของหวานเจียงก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เขารีบหันควับจับจ้องเธอพร้อมรอยยิ้มแห้ง
จ้าวเฉียนทำเป็นเกาหัวเล็กน้อยเจือท่าทีเก้อเขิน และตอบไปว่า
“ฮ่าฮ่า…น่าอายจริงๆ คงได้ยินที่ผมพูดไปทั้งหมดเลยใช่ไหม?”
หวานเจียงกลอกตาหยักไหล่เป็นคำตอบราวกับกลัวเขาอาย แต่เธอเองก็ดูสุขใจเช่นกันอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากดึกมากแล้ว จ้าวเฉียนจึงโบกมือหวานเจียงอีกดครา และเดินไปยังลานจอดรถ หวานเจียงตามมาติดๆ ทั้งสองเดินขึ้นรถของแต่ละคนไป แยะย้ายกันขับกลับบ้าน
แต่ขณะที่รถของหวานเจียนกำลังขับตามหลังอยู่นั่นเอง รถของจ้าวเฉียนก็เลี้ยวเข้าสู่ถนนหลัก ทว่ากลับมีรถคันหนึ่งพุ่งมาชนจากทางซ้ายสวนมาฉับพลัน จนเบรกอัตโนมัติของรถจ้าวเฉียนทำงานขึ้นกะทันหัน
หวานเจียงผวาจัด กระทืบเบรกจนมิด ทว่ากลไกของเจ้าMercedes-Benzดันไม่ทำงานในเวลาแบบนี้เสียได้ ทำให้รถของเธอเสยตูดจากัวร์ของจ้าวเฉียนอย่างจัง
“เชี่ย!”
จ้าวเฉียนสบถขึ้นคำหนึ่ง ใจเสียไปไม่น้อย รถของเขาถูกชนจนได้ แถมยังมีเสียงบีบแตร่ดังไม่หยุดจากรถทางซ้ายที่สวนมา ชั่ววินาทีนี้เอง เนื่องด้วยระยะประชิดที่ใกล้กันเกินไป ทำให้รถทั้งสองอัดปะทะกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
คอมเม้นต์