Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – บทที่ 37 วิชาประจําราชวงศ์ ออร่ามังกรไฟ
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเต…
บทที่ 37 วิชาประจําราชวงศ์ ออร่ามังกรไฟ
หลังจากที่พูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย เหมิงเหล่ยก็เริ่มคิดว่าสวัสดิการของสนามเพลิงเองก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน ค่าตัวก็ค่อนข้างสูงด้วย มีประกันที่ดูมีเหตุผลมากด้วย ข้อเสียอย่างเดียวก็คือมันเป็นงานที่อันตรายมากๆ เมื่อไรก็ตามที่เขาก้าวเข้าสนามประลอง มันเป็นการต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายไร้ซึ่งความปราณี อาวุธที่ใช้ทั้งหมดก็ล้วนฆ่าคนตายได้ทั้งนั้น ไม่มีใครการันตีได้เลยว่าจะรอดกลับออกมาได้ตลอด ทําให้อัตราการมีชีวิตรอดของเหล่านักสู้น้อยมาก
เพราะงั้นถ้าเทียบกับชีวิตแล้ว งานนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะได้เงินง่ายเลย
“เอาละเจ้าหนูเหมิงเหล่ย ถ้าเจ้าคิดว่าข้อเสนอนี้มันโอเค ก็ เซนสัญญาได้เลย”
อูโน่เตรียมสัญญาไว้พร้อมแล้วยื่นให้กับเหมิงเหล่ย หลังจากที่เหมิงเหล่ยอ่านอย่างรอบคอบแล้วยืนยันว่าทุกอย่างไม่มีปัญหา เขาก็เซนลายมือของตัวเองลงไป เขาตัดสินใจไว้แล้ว เพราะงั้นเขาจะไม่ลังเลอีก
“สัญญามีผล ณ บัดนี้”
หลังจากที่เห็นเหมิงเหล่ยเซนเรียบร้อย อูโน่ก็ผายมือออกแล้วพูด “เอาละเหมิงเหล่ย ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามเพลิง นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าคือ1ในสมาชิกของเราแล้ว” อูโน่ดีใจมากๆ สนามเพลิงนั้นมีนักสู้มากกว่า 10000 คนมีทักษะการต่อสู้ที่หลากหลาย แต่นักเวทที่มาเป็นนักสู้นั้น น้อยจนนับนิ้วได้เลย มันหาได้ยากมากๆ
การที่จะดึงจอมเวทมาเป็นนักสู้ได้ซักคน ทางสนามเพลิงนั้นไม่เพียงแต่จะต้องลดมาตรฐานของสนามลงมาแล้ว ยังต้องกัดฟันเข้าเนื้อตัวเองแลกเงินจํานวนมากอีก แต่น่าเสียดายที่ อาชีพจอมเวทนั้นเดิมที่เป็นอาชีพที่มีเกียรติและหยิ่งในศักดิ์ศรี แถมยังหาเงินง่ายอีกด้วย ใครมันจะอยากยอมลดตัวเองมาเป็นนักสู้ใต้ดินละ
เพราะงั้นจอมเวทนักสู้จึงขาดแคลนมาตลอด อูโน่เลยดีใจมากที่เหมิงเหล่ยนั้นมาหาเขาถึงที่
“แล้วก็แน่นอน คืนนี้มีการประลองราชันต์นักสู้ด้วย เจ้าจะเข้าดูด้วยก็ได้นะ”
“เป็นสวัสดิการเหมือนกันเหรอครับ”
“เหอะๆ แน่นอนซิ นักสู้เองก็เป็นหนึ่งในพนักงานของเรา พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าดูฟรีได้อยู่แล้ว”
“เยี่ยมไปเลย”เหมิงเหล่ยพยักหน้า “ท่านอูโน่ครับ อยากจะขอให้มีคนนําทางข้าไปแนะนํารอบๆสนามประลองได้ไหมครับ”
“ได้เลยซิ”อูโน่ยิ้มก่อนจะเรียกพนักงานมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เหมิงเหล่ย เจ้าตามพนักงานของเราไปละกันนะ แมรี่จะช่วยเจ้าพาเดินเอง”
“ขอบคุณมากครับท่าน” เหมิงเหล่ยยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องทํางานไป
พอทั้ง 2 คนเดินออกไปแล้ว อูโน่ก็เรียกคนข้างๆมา
“ไปสืบเรื่องหมอนั่นมาซะ ข้าอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา”
“ครับท่าน”
แมรี้นั้นมีหูแมวขนฟูบนหัวกระดิกไปมาตอนที่เดิน รวมถึงมีหางปุกปุย แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าเธอเป็นคนครึ่งแมว
เธอเดินนําเหมิงเหล่ยไปรอบๆสนามเพลิง มันเป็นสนามประลองของนักสู้ใต้ดิน แถมยังมีพื้นที่อํานวยความสะดวกที่ใหญ่และหรูหราที่สุดอยู่ในสนามด้วย
“สนามเพลิงนั้นแบ่งออกเป็น 31 สนามประลอง มีสนามประลองทองแดง 20 สนามประลองเงิน 10 แล้วก็สนามทอง 1 สนามนะเนี๊ยว”
พื้นที่เข้าชมของแต่ละสนามก็มากเพียงพอที่จะรองรับคนเข้าชมมากกว่า 1 แสนคนพร้อมๆกัน โดยสนามจะแบ่งเป็นโซนต่อสู้กับโซนเข้าชม โซนเข้าชมก็จะแบ่งไปอีกเป็น ตู้วีไอพีกับ อัฒจรรย์เข้าชมปรกตินะเมี๊ยว” แมรี่เป็นคนพูดเก่งมาก มีชีวิตชีวาและดูสนุกไปปกับการอธิบาย หลังจากเดินไปรอบๆ แค่รอบเดียว เหมิงเหล่ยก็พอจะเข้าใจสนามเพลิงโดยรวมทั้งหมด
และแล้วเหมิงเหล่ยก็เดินเข้ามายังสนามประลองทองที่ๆจัดการประลองราชันต์นักสู้ขึ้นในคืนนี้ มันเป็นสนามประลองวงเพลิงที่ชี้เป็นชี้ตาย
สนามประลองทองนั้นมีแค่ที่เดียวในสนามเพลิงแห่งนี้ ทําให้สนามประลองระดับทองนั้นใหญ่กว่าสนามกีฬาที่ไหนๆบนโลก ล้อมรอบไปด้วยเสาหินรูปร่างเหมือนโคลอสเซี่ยมบนโลกยังไงอย่างงั้น
มีลานประลองด้านล่าง และห้อมล้อมไปด้วยอัฒจรรยย์คนดู
ตอนนี้ที่นั่งชมการประลองนั้นเต็มไปด้วยผู้คนหมดแล้ว ทั้งเหล่าขุนนาง พ่อค้า สาวๆจากเมืองหลวงต่างพูดคุยกันอย่าง ออกรสเกี่ยวกับการประลองราชันต์นักสู้ในค่ำคืนนี้ เหล่าพนักงานในสนามก็เดินขึ้นไปเสริฟน้ำเสริฟเหล่าคนดู เอาขนมกับผลไม้แห้งขึ้นไป ทําให้สนามประลองขนาดยักษ์เต็มไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวา ถึงแม้ว่าการประลองจะยังไม่เริ่มแต่บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายแล้ว เหมิงเหล่ยเองก็ไปอยู่ที่อัฒจรรย์เหมือนกัน
พื้นที่นั่งของเหล่านักสู้นั้นจะอยู่สูงกว่าที่นั่งผู้ชมปรกติแต่จะอยู่ต่ำกว่าตู้ VIP เล็กน้อย มันถูกตั้งอยู่ระหว่างกลางและมีไว้เพื่อให้พนักงานเข้าชมโดยเฉพาะ
“เอ๋ มีเด็กใหม่มาด้วยเหรอเนี่ย”
ที่นั่งของพนักงานเองก็เต็มไปด้วยนักสู้คนอื่นเหมือนกัน พวกเขาต่างตกใจเล็กน้อยตอนที่เห็นเหมิงเหลยเดินเข้ามาด้วยอายุของเหมิงเหล่ยยิ่งทําให้พวกเขาประหลาดใจเข้าไปใหญ่
เหมิงเหล่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหาที่นั่งลง เขาไม่รู้จักใครซักคนที่นี่แล้วก็ไม่ได้อยากรู้จักมากด้วย เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นนักสู้ อีกไม่ช้าไม่นาน ก็อาจจะกลายไปเป็นคู่ต่อสู้ กันก็ได้การเป็นเพื่อนกับศัตรูนั้นไม่ใช่เรื่องที่จําเป็นเลย ดั่งคํากล่าวที่ว่าไม่มีคําว่าเพื่อนในหมู่นักสู้ด้วยกัน
ซึ่งเหมิงเหล่ยก็คิดถูก
ไม่มีคําว่าเพื่อนในหมู่นักสู้จริงๆ ถึงแม้ว่านักสู้แต่ละคนจะดูสนิทกัน ดูจะเข้าใจความแข็งแกร่งระดับ ลูกเล่น นิสัยของกันและกัน แต่พวกเขาไม่ใช่เพื่อนกันซักคน
รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง การรู้จักศัตรูไว้ยังไงก็ดีกว่า และมันทําให้มีโอกาสชนะมากกว่าด้วย
นักสู้บางคนหันไปมองเหมิงเหล่ยเหมือนกับพยายามจะล้วงความลับ ซึ่งส่วนมากจะเป็นแค่นักสู้ทองแดงระดับ 1 – 2 ดาว เท่านั้น
เหมิงเหล่ยเองในฐานะมือใหม่ ก็จะได้เจอพวกเขาในการประลองในอนาคต เพราะงั้น เรียนรู้คู่แข่งก็น่าจะดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
เหมิงเหล่ยเองก็ไม่รู้ว่านักสู้พวกนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ เขาเลยรักษาระยะห่างแล้วนั่งดูการแข่งขัน เอาจริงๆวันนี้เขาถือว่ากําไรมากๆแล้วด้วย
หลังจากที่ออกจากวิทยาลัยมา ก็เข้าสมัครเป็นนักสู้ได้เลยแถมยังได้มานั่งดูการประลองระดับราชันต์นักสู้ด้วย ตอนนี้เขายังแทบไม่มีเวลาพักเลย
ตั้งแต่ออกจากวิทยาลัยมา เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นไม่หยุด หมายความว่าเหมิงเหล่ยเองก็เก็บของไม่หยุดเหมือนกันแล้วยิ่งคนอยู่เยอะขนาดนี้ โอกาสดรอปก็ยิ่งสูงกว่าเดิมมาก
ในบรรดาของที่เขาเก็บได้ ส่วนมากจะเป็นผลึกค่าร่างกายตามมาด้วยผลึกเหรียญทอง แล้วก็ผลึกพลังเวทกับเวทมนตร์ บ้างนิดหน่อยแต่ก็แทบไม่เจอเลย
แต่ที่ทําให้เหมิงเหล่ยตกใจมากที่สุด คือผลึกวิญญาณกับผลึกทักษะการต่อสู้ บางทีอาจจะเพราะว่าวันนี้เป็นวันศึกราชันต์นักสู้ ทําให้คนต่างตื่นเต้นกันใหญ่ เลยเจอผลึกพวกนี้เยอะเป็นพิเศษ
แค่ช่วงเที่ยงถึงตอนนี้ ค่าวิญญาณของเหมิงเหล่ยเพิ่มขึ้นไปอีก 100 แต้ม และเขาก็ได้ทักษะการต่อสู้เพิ่มมาอีก 6 แถมยังได้ออร่าสงครามมาด้วย
วิชาออร่าสงครามนั้นจัดได้ว่าหาได้ยากมาก เหมิงเหล่ยอ่านคําอธิบายขอมันโดยทันที แล้วพบว่าออร่าสงครามนั้นมีชื่อว่าออร่ามังกรไฟ
หลังจากที่ค้นหาข้อมูลดูแล้วเหมิงเหล่ยก็ต้องอึ้งในดวงของเขาที่เก็บมาได้
ออร่ามังกรไฟที่ว่านั้น คือวิชาออร่าสงคราม ประจําราชตระกูลของอาณาจักรมังกรไฟ มีเพียงครึ่งมังกรที่เป็นเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรมังกรไฟเท่านั้นที่จะฝึกได้
เชื้อพระวงศ์ที่ว่านั้น คือเผ่าพันธุ์ที่ควบคุมอาณาจักรมังกรไฟทั้งหมด
หลังจากผ่านเวลาไปหมื่นกว่าล้านปี สายตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรมังกรไฟก็แตกแยกแขนงออกเป็นหลายส่วน มีทั้งมังกรไฟเลือดบริสุทธิ์ ครึ่งมังกรเลือดผสม และสัตว์ครึ่งมังกร
มีมังกรไฟเลือดบริสุทธิ์อยู่น้อยตัวมากๆ ที่มีเยอะที่สุดคือพวกครึ่งมังกรเลือดผลมที่นับเป็น 99.99% ของราชวงศ์ทั้งหมด
ถึงแม้ว่าตอนนี้สายเลือดจะเจือจางหมดแล้ว แถมพวกเขาก็ทําตัวเละเทะสัมเรเทเมา แต่ยังไงพวกเขาก็ยังเป็นลูกหลานของราชวงศ์มังกรไฟอยู่ดี และทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะฝึกวิชาออร่ามังกรไฟได้
ส่วนคนอื่นนั้น ไม่ว่าจะมีชาติตระกูลดีแค่ไหน ไม่ว่าจะร่ำรวยมาก
น้อยเพียงใด ถึงจะเป็นพระราชาแห่งจักรวรรดิโดยตรงก็ตาม พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะฝึกวิชาออร่ามังกรไฟได้เลย
และนั้นละคือปัญหา
เหมิงเหล่ยไม่ใช่พวกครึ่งมังกรด้วยซ้ำ!
คอมเม้นต์