วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 734 ท่านประธานโม่นี่รักภรรยาของตัวเองจริงๆ นะ!
เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเฉินซิงเยียน เธอเคยมีประสบการณ์แบบนี้กับแอนนี่มาก่อน…
เมื่อนึกย้อนถึงความทรงจำอันไม่น่าอภิรมย์นัก เฉินซิงเยียนกอดตัวเองแน่นและยอมให้อันจื่อเฮ่าช่วยล้างตัวของเธอ ไม่นานนักผู้ช่วยของเธอกลับมาพร้อมชุดเสื้อผ้าสะอาดและทั้งสามใช้เวลากว่าสี่สิบนาทีอยู่ในห้องน้ำ กระนั้นพวกเขาก็ยังคงไม่อาจชำระล้างกลิ่นเหม็นรุนแรงออกจากร่างกายของเฉินซิงเยียนได้
ในฐานะศิลปินที่ไม่ระมัดระวังตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ หากใครสักคนแค่คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ถังหนิงเคยประสบพบเจอมาแล้วละก็ เห็นได้ชัดว่าวงการบันเทิงนั้นเป็นสถานที่ที่คนจะยกคนที่อยู่ในระดับสูงและเหยียบย่ำคนที่ต่ำ และมันเป็นแบบนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เฉินซิงเยียนเคยตกหลุมพรางมาแล้วมากมายตั้งแต่ในอดีต แต่กระนั้นเธอก็ยังต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้อีก คงไม่อาจมีใครว่าโทษอันจื่อเฮ่าที่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อยเพราะเฉินซิงเยียนเรียนรู้อะไรช้าเหลือเกิน
หลังกลับมาถึงบ้าน เฉินซิงเยียนก็ขังตัวเองอยู่ในห้องอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายของเธออยู่นานกว่าสี่ชั่วโมง ในระหว่างนั้น อันจื่อเฮ่าได้ติดต่อไปยังทีมโปรดิวเซอร์ของรายการทอล์กโชว์ดังกล่าวและเตือนให้พวกเขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับรวมทั้งขอให้พวกเขาหาตัวคนผิดมาให้ได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องง่ายที่จะพูดแต่ยากที่จะทำได้
กว่าเฉินซิงเยียนจะออกมาจากห้องอาบน้ำ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงตีสามแล้ว เมื่อเห็นอันจื่อเฮ่ากำลังรอเธออยู่ในห้องนั่งเล่น เธอได้แต่เดินก้มหน้าไปหาอีกฝ่าย
ภายใต้ความมืด อันจื่อเฮ่าโอบแขนข้างหนึ่งรอบเอวของเฉินซิงเยียนและดึงเธอลงมานั่งบนตักของเขา ทั้งคู่มองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน แต่เธอซิงเยียนกลับรู้สึกไม่มีความสุข “ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถเป็นคนเจ้าวางแผนได้อย่างพี่หนิง มันเหนื่อยเกินไป ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะกับวงการนี้จริงๆ นั่นแหละ”
“ตอนนี้ลืมเรื่องพวกนั้นไปก่อนเถอะ…” อันจื่อเฮ่าถอนหายใจพลางบีบจมูกของอีกฝ่าย
ในเมื่อเฉินซิงเยียนไม่อาจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและปกป้องตัวเองได้ งั้นเขาก็ควรจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องเธอ
เขาตระหนักได้ว่าเขาได้บีบบังคับให้หลายคนทำในสิ่งที่เกินความสามารถของคนเหล่านั้น “ถ้าเธอรู้สึกว่าเธอไม่ชอบการแสดงอีกแล้วจริงๆ แล้วเธอก็ไม่อยากวิ่งหางานตลอดเวลาอีก ตั้งแต่นี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำแล้วล่ะ”
“จริงเหรอ”
“ใครบอกให้เธอทำให้ฉันกังวลกันล่ะ” อันจื่อเฮ่าถามอย่างหมดหนทาง
เฉินซิงเยียนนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่งขณะที่เธอเริ่มตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้ทุ่มเทอะไรให้กับความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากนัก
เธอปฏิเสธที่จะทำสิ่งนั้นหรือเปลี่ยนสิ่งนี้ ดูเหมือนอันจื่อเฮ่ามักจะต้องคอยเตรียมสิ่งต่างๆ ให้เธออยู่เสมอ…
“ฉันจะทนดูอีกสักหน่อย ถ้าฉันรับมันไม่ไหวอีกต่อไป ฉันจะบอกนายนะ”
แต่เฉินซิงเยียนไม่รู้เลยว่าข่าวเรื่องที่ ‘น้องสาวของโม่ถิงเปื้อนอึไปทั้งตัว’ จะแพร่ไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าในวันถัดมา
ชื่อของ ‘เฉินซิงเยียน’ ไม่ได้สำคัญนึก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่เธอเป็นน้องสาวของโม่ถิง
[ยัยสตันต์กระจอกนั่นเคยเป็นข่าวว่าถูกบังคับให้กินฉี่นี่ คราวนี้บางคนเอาอึไปเทให้เธอ ดูท่าชะตาชีวิตของเธอน่าจะต้องเกี่ยวข้องกับของพรรค์นี้สินะ]
[ฮะๆๆ ฉันว่าก็งั้นแหละ]
[น้องสาวของโม่ถิงดูไม่เห็นทำอะไรเก่งสักอย่างเลย]
[เทียบกับคู่โม่ถิงถังหนิงแล้ว ยังห่างไกลอีกเยอะ]
โม่ถิงไม่คาดว่าเฉินซิงเยียนจะสร้างข่าวแบบนี้ขึ้นมา ดูเหมือนทุกครั้งที่เธอกลายเป็นพาดหัวข่าว จะต้องเป็นเรื่องที่เธอถูกรังแกเสมอ ดังนั้นโม่ถิงจึงเริ่มรู้สึกว่าอันจื่อเฮ่าเป็นผู้จัดการที่ขาดคุณสมบัติ
เดิมทีโม่ถิงไม่คิดจะเข้ามายุ่งเรื่องของเฉินซิงเยียน จนกระทั่งเขาได้รับสายโทรศัพท์จากถังหนิง “ซิงเยียนเป็นน้องสาวของคุณ ต่อให้ไห่รุ่ยไม่ออกมาพูดอะไร เราก็ไม่อาจนิ่งเฉยแบบนี้”
แต่ พวกเขาจะทำอะไรกับเรื่องแบบนี้ได้ล่ะ
“คุณคงไม่คิดจะนั่งดูคนในตระกูลโม่ถูกรังแกหรอกใช่ไหม”
โม่ถิงโก่งคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนที่เขาจะขอให้ฟังอวี้ติดต่อหาอันจื่อเฮ่า เขาบอกให้ฟังอวี้บอกอีกฝ่ายว่า หากเขาไม่สามารถปกป้องเฉินซิงเยียนได้ ก็ให้ส่งสัญญาของเธอมาให้ไห่รุ่ยดูแลซะ ไห่รุ่ยจะไม่มีวันปล่อยศิลปินในสังกัดต้องเจอเรื่องแบบนี้
ขณะเดียวกัน อันจื่อเฮ่าได้ใช้ประโยชน์จากเส้นสายที่เขามีในการจับตัวคนก่อเหตุและพวกเขาได้รับการยืนยันแล้วว่าคนคนนั้นคือใคร
กระนั้นก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง คือเด็กใหม่คนนั้นมีพี่สาวที่ทรงอำนาจอยู่!
ท่ามกลางนักแสดงสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวทีระดับโลกนั้น พี่สาวของเด็กใหม่คนนี้เป็นหนึ่งในนั้น นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอกล้าลงมือกับเฉินซิงเยียน เพราะเธอมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง!
นักแสดงหญิงคนนี้เคยเซ็นสัญญากับไห่รุ่ยแต่หลังจากอาชีพนักแสดงของเธอเติบโตในต่างประเทศ เธอได้ก่อตั้งบริษัทเอเจนซี่ของตัวเองและเซ็นสัญญากับฮอลลีวูด
ทุกวันนี้เธอไม่ได้แสดงอีกแล้ว แต่กลับผันตัวไปเป็นโปรดิวเซอร์แทน แม้หลักๆ เธอจะมุ่งมั่นอยู่กับการทำงานในต่างประเทศ แต่เธอก็ยังคงมีชื่อเสียงโด่งดังในจีน ผู้คนเพียงแค่ไม่มีโอกาสได้เห็นเธอบ่อยนักเท่านั้น
หลังจากตระหนักถึงความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม เฉินซิงเยียนก็ได้ปรามอันจื่อเฮ่าเอาไว้ “ครั้งก่อนนายได้ทุ่มเททรัพย์สินทั้งหมดที่นายมีเพื่อฉันไปแล้ว คราวนี้นายคิดจะเสียสละอะไรอีก มันก็แค่อึนิดๆ หน่อยๆ เอง ฉันรับมือได้น่า”
อันจื่อเฮ่ามองเฉินซิงเยียนอย่างลึกซึ้ง “ฉันจะต้องแก้แค้นให้เธออย่างแน่นอน ฉันเป็นคนรักษาคำพูดเสมอ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลถึงวิธีการของฉันหรอก”
เฉินซิงเยนมองอันจื่อเฮ่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอพยักหน้า “จากนี้ไปฉันจะพยายามทำตัวให้ดีแล้วกัน…”
“แต่โม่ถิงไม่อยู่เฉยกับเรื่องนี้ เพราะเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอพยายามจะปกป้องเมียของเขา” อันจื่อเฮ่าพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสี ต่อให้เขาไม่ใช่ผู้จัดการที่ยอดเยี่ยม แต่โม่ถิงเองก็ไม่ใช่พี่ชายที่ดีเหมือนกัน
ดังนั้นอันจื่อเฮ่าจึงโทรหาฟังอวี้และให้คำตอบของเขาแก่โม่ถิง “อีกฝ่ายพูดใส่ร้ายถังหนิง ผู้หญิงคนนั้นบอกว่ารอยผิวแตกลายของถังหนิงใหญ่จนน่าจะฆ่ายุงตายได้แล้วยังบอกด้วยว่าอีกไม่กี่ปีถังหนิงจะแก่และไม่น่าสนใจอีกต่อไป ผู้หญิงพวกนั้นยังอ้างด้วยว่าสุดท้ายคุณก็จะทิ้งถังหนิงไป”
พูดง่ายๆ คือโม่ถิงไม่ได้ปกป้องชื่อเสียงผู้หญิงของตัวเองเช่นกันเพราะผู้คนไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเขา
หลังได้รับคำตอบจากอันจื่อเฮ่า โม่ถิงหัวเราะ จากนั้นเขาจึงบอกกับฟังอวี้ “ติดต่อประธานของอี้ซิงฟิล์ม น้องสาวของเธอมาหาเรื่องน้องสาวฉัน บอกเธอให้อธิบายเรื่องนี้มาซะ”
น้องสาว!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟังอวี้ได้ยินโม่ถิงพูดคำนี้ แต่แน่นอนว่าฟังอวี้รู้ดีว่าโม่ถิงไม่ได้ต้องการให้คนพวกนั้นออกมาอธิบายเรื่องนี้เพราะน้องาวของเขา แต่เป็นเพราะภรรยาของเขาต่างหาก กล้าดียังไวถึงมาอ้างว่าถังหนิงมีรอยผิวแตกลาย
ถึงแม้จะมีคนมากมายที่คิดแบบนั้น…
… แต่ใครกันจะกล้าออกมาพูดเรื่องแบบนี้ คนพวกนั้นต้องกล้ามากแน่ๆ!
ไม่นานนัก พวกเขาได้รับสายจากประธานของอี้ซิง “เราควรมาพบกันแล้วหารือเรื่องนี้นะคะ เพราะถึงยังไงเราก็เคยร่วมงานกันมาก่อน”
ผู้หญิงคนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกและประสบความสำเร็จในสายอาชีพที่เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะค่อนข้างมีความสามารถ ประกอบกับความใจกว้างที่เธอได้จากการปรับตัวเข้ากับชาวอเมริกัน รวมถึงการเป็นผู้หญิงเก่งที่สามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองเพียงลำพัง เธอจึงไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ของโม่ถิง “นี่เป็นเพียงการทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ ของพวกสาวๆ ประธานโม่อย่าไปใส่ใจเลยนะคะ”
ทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ !
เธอคิดว่าเรื่องนี้เป็นแบบนั้นงั้นเหรอ
“อีกอย่าง จากที่ฉันรู้ ท่านประธานโม่เองก็ดูจะไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับการทะเลาะกันของพวกเด็กๆ แต่เป็นเรื่องที่น้องสาวของฉันบังเอิญไปพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับคุณนายโม่ต่างหาก ท่านประธานโม่นี่รักภรรยาของตัวเองจริงๆ เลยนะคะ ฉันอยากจะเห็นกับตาตัวเองจังเลย”
“คุณจะได้เห็นเร็วๆ นี้”
ขนาดโม่ถิงยังไม่อาจได้รับคำขอโทษจากอีกฝ่าย อย่าว่าแต่อันจื่อเฮ่าเลย
ในเมื่ออีกฝ่ายตัดสินว่าเรื่องในครั้งนี้เป็น ‘การทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ’ เช่นนั้นโม่ถิงก็จะตอบสนอง ‘การทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ’ นี้
“ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากจะพูดข้อกังวลอะไรนิดหน่อยนะคะ ฉันได้ยินมาว่าภรรยาของคุณได้ให้กำเนิดลูกแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนั้นการที่จะมีรอยท้องแตกลายก็เป็นเรื่องปกติ น่าสงสารนะคะทุกครั้งที่สุดยอดนางแบบหรือนักแสดงสาวๆ ฝีมือดีให้กำเนิดลูก
“คุณค่าของผู้หญิงพวกนั้นต้องมาลดลง…”
คอมเม้นต์