วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 811 ทวงความยุติธรรมให้คนตาย
ทำไมนักแสดงสาวแสนธรรมดาคนหนึ่งถึงได้ใช้ลมหายใจสุดท้ายของตัวเองในการต่อว่าถังหนิงกันล่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงทั้งสองไม่เคยพบกันมาก่อนและไม่เคยรู้จักหรือคุ้นเคยกับอีกฝ่ายเลย ความคับแค้นใจแบบไหนกันที่เป็นสาเหตุให้สวี่ซินตัดสินใจขับรถชนถังหนิงก่อนที่จะฆ่าตัวตายในวันต่อมา
ในสายตาคนทั่วไป ถ้าไม่ถูกกดขี่อย่างที่สุด คนคนนั้นคงไม่มีวันทำอะไรแบบนี้ ดังนั้นทุกคนจึงเห็นพ้องกันว่าถังหนิงเป็นปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะถังหนิงเองก็เป็นคนที่ใช้วิธีการอันไร้ซึ่งความปรานีมาโดยตลอด ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าสวี่ซินอาจจะต้องทนอยู่กับควาทุกข์ทรมานที่ไม่อาจรับไหวอยู่ก็เป็นได้
ทั้งข่าวและสื่อต่างๆ พากันถกประเด็นนี้และคาดเดาสาเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมด
ข่าวลือทุกรูปแบบแพร่กระจายไปทั่วประเทศ ในขณะนี้กลุ่มคนที่ดูจะมีความสุขที่สุดอาจจะเป็นบรรดาศัตรูที่ถูกถังหนิงกำราบไปก่อนหน้านี้
ถังหนิงไร้ปรานีเกินไปและบีบบังคับให้คนคนหนึ่งตาย!
[นับตั้งแต่วันที่ประกาศคืนวงการ ถังหนิงก็ถูกว่าร้ายมาอย่างต่อเนื่อง ที่จริงแต่ละเหตุการณ์มีแต่จะแย่ขึ้นเรื่อยๆ เดิมทีตอนที่ถังหนิงได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม พวกเราทุกคนคาดหวังว่าเรื่องต่างๆ จะเงียบลงไปบ้าง ใครจะไปคิด…]
[ถังหนิงรีบออกมาให้คำอธิบายเราที ถ้าไม่ออกมาชี้แจงอะไรก็ฝันไปเถอะว่าจะยังเป็นไอดอลต่อไปได้]
[ถังหนิงเธอไปทำอะไรสวี่ซิน ช่วยออกมาอธิบายทุกอย่างโดยละเอียดด้วย]
[ฉันได้ยินมาว่าสวี่ซินคุยอยู่กับถังหนิงก่อนที่เธอจะตาย ถังหนิง เธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้!]
[ในที่สุดยัยถังหนิงนั่นก็ฆ่าคนตาย ทุกคนพอใจกันหรือยังล่ะ]
[นี่ไม่ใช่ดาราดังแล้ว นี่มันฆาตกร!]
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเป็นกองทัพ ไม่เพียงแค่ถังหนิงเท่านั้น แต่ทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอต่างรู้สึกเหนื่อยหน่าย
“แฟนคลับพวกนี้แปรปรวนจริงๆ ก่อนหน้านี้ยังออกมาป่าวประกาศว่ารักคุณผู้หญิงมากอยู่เลย แต่ตอนนี้พอเกิดเรื่อง ก็พากันเปลี่ยนท่าทีทันที” ลู่เช่อถอนหายใจ “ท่านประธานครับ ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี เหตุการณ์คราวนี้ไม่ใช่เรื่องที่รับมือได้ง่ายๆ เลยครับ”
“เตรียมการแถลงข่าวในอีกสามวันข้างหน้า” โม่ถิงตอบ “เราเถียงคนตายไม่ได้”
“แต่คุณผู้หญิง…”
“นายไม่ต้องเป็นห่วงเธอหรอก” โม่ถิงมองเข้าไปในดวงตาลู่เช่ออย่างมั่นคง ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายหยุดพูด
“เข้าใจแล้วครับ” ลู่เช่อกล่าวก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานของโม่ถิงและเริ่มติดต่อสื่อต่างๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวในเวลาที่กำหนด
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการสืบสวนการตายของสวี่ซิน แต่พวกเขาไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ไม่เพียงแต่สวี่ซินจะไม่ใช่เพื่อนสนิทของถังหนิงแล้ว ทั้งสองยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกันด้วยซ้ำ ที่จริงเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้หญิงทั้งสอง ก็พบว่าคนทั้งคู่ไม่มีทั้งเบอร์โทรศัพท์หรือช่องทางการติดต่อใดๆ ของอีกฝ่ายเลย
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามผู้กำกับของ ‘ผู้รอดชีพ’ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสวี่ซิน
ผู้กำกับคนนั้นตอบอย่างซื่อตรงว่าเขากับสวี่ซินมีความสัมพันธ์ธรรมดาต่อกันและสวี่ซินเคยโกหกเขาว่าเธอท้อง เขาอธิบายว่าเธอความแตกตอนที่พวกเขาไปโรงพยาบาลด้วยกันเพื่อตรวจร่างกายและสุดท้ายก็มีปากเสียงกันแบบจบไม่สวยเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ทำการสืบสวนหาเหตุผลว่าทำไมสวี่ซินถึงระบุถึงถังหนิงและทำไมเธอเคยข่มขู่ถังหนิงที่กองถ่ายก่อนหน้านี้ แต่ผู้กำกับตอบว่า “ก่อนหน้านี้สวี่ซินเคยขอให้ถังหนิงสอนเทคนิคการแสดงให้เธอครับ แต่ในฐานะนักแสดงนำในหนังของเรา ถังหนิงมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ไม่มีเวลาไปสอนเธอ
“อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ก็ได้ที่ทำให้สวี่ซินเกิดความไม่พอใจในตัวถังหนิง แต่ถังหนิงไม่ได้ตอบโต้แถมยังมองทุกอย่างในแง่ดี
“ทั้งสองคนไม่ได้เป็นคู่แข่งกันในด้านใดๆ เลย ดังนั้นผมเดาว่าสาเหตุของความเกลียดชังที่สวี่ซินมีคงมีแต่ตัวเธอเองเท่านั้นที่ตอบได้”
หลังการสืบสวนมากมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปว่าทั้งถังหนิงและผู้กำกับต่างไม่มีเหตุจูงใจให้ก่อเหตุฆาตกรรม อย่าว่าแต่จงใจเลย
ดังนั้นพวกเขาจึงสรุปว่าคดีนี้เป็นเหตุอัตวินิบาตกรรมและปิดคดี
แต่ข้อสรุปนี้กลับไปกระตุ้นความไม่พอใจของประชาชน
พวกเขารู้สึกว่าความจริงก็ชัดเจนอยู่แล้ว เพราะสวี่ซินได้ทิ้งจดหมายลาตายเอาไว้ ซึ่งระบุชัดเจนว่าถังหนิงไม่ใช่คนดี หากนี้ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นหลักฐานถึงความไม่พอใจของผู้หญิงทั้งสองคน แล้วตำรวจยังจะต้องการหลักฐานอะไรอีก
[ตำรวจไม่ด่วนสรุปเกินไปหน่อยหรือไงกัน]
[ไม่มีใครข้องใจเรื่องที่สวี่ซินฆ่าตัวตาย แต่พวกเขาควรจะทำสืบหาสาเหตุของการฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือไง ทำไมพวกเขาถึงได้ปิดคดีเร็วแบบนี้ ถังหนิงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลยจริงเหรอ]
[ฉันคนหนึ่งละที่จะไม่มีวันเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อแสดงความเกลียดที่มีต่อใครสักคน พวกคุณทำได้งั้นเหรอ]
[ฉันขอเรียกร้องให้ตำรวจสืบเรื่องนี้ให้ละเอียดเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนตาย!]
บรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แต่กรีดร้องอยู่ภายใน ที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเหมือนอย่างที่สาธารณะทำให้มันเป็นเลย ถังหนิงไม่เคยทำอะไรให้สวี่ซินเจ็บปวดจริงๆ หากพวกเขาต้องให้เหตุผลสักข้อจริงๆ ก็คงเป็นสวี่ซินเองที่จิตไม่ปกติ
แต่ด้วยแรงกดดันจากประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสอบปากคำบรรดาคนที่ใกล้ชิดสวี่ซินมากที่สุดอีกครั้ง โดยเฉพาะแฟนหนุ่มผู้กำกับของเธอ
“คุณช่วยบอกเราทีได้ไหมครับว่าพวกคุณพบกันได้อย่างไร”
ผู้กำกับรู้ดีว่าเขาจำเป็นจะต้องพูดความจริง หากตำรวจพบว่ามีความคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับประวัติของเขา เขาจะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ ดังนั้นเขาจึงอธิบายอย่างชัดเจนถึงเรื่องที่สวี่ซินมาหาเขาที่ห้องและเรื่องที่พวกเขาตกหลุมรักกันหลังจากได้หลับนอนด้วยกัน
“ดังนั้นตอนที่คุณประกาศเรื่องความสัมพันธ์ของพวกคุณสู่สาธารณะ คุณตั้งใจจะอยู่กับเธอจริงๆ ใช่ไหม”
“ขอโทษนะครับคุณตำรวจ ผมจำเป็นต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน สวี่ซินพยายามเอาเรื่องความสัมพันธ์ของเรามาใช้ข่มขู่ผมสองสามครั้ง ผมก็เลยลดช่วงเวลาออกอากาศของเธอและแนะนำเธอให้หนังเรื่องอื่น หลังจากนั้นเธอก็มาบอกผมว่าเธอท้อง ตอนนั้นผมมีข้อข้องใจของตัวเองอยู่ แต่ถ้าเด็กในท้องเป็นลูกของผมจริง ผมก็ตั้งใจจะรับผิดชอบ ดังนั้นผมเลยตัดสินใจที่จะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของเราสู่สาธารณะ
“ก่อนที่ผมจะเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ ถังหนิงก็รู้เรื่องที่สวี่ซินออกจากห้องของผมกลางดึกอยู่แล้ว แต่เธอไม่ได้สร้างข่าวฉาวอะไรออกไป เธอแค่เตือนผมไม่ให้เอาเรื่องส่วนตัวมามีผลกับงาน”
เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงนั่งเงียบต่อไปอีกสองสามวินาทีก่อนที่จะส่ายศีรษะ “อืม ถังหนิงก็ไม่ได้พูดอะไรผิด”
“ถ้าพวกคุณต้องการให้คำอธิบายกับสาธารณะ พวกคุณก็ไปค้นข้อมูลเกี่ยวกับพื้นเพและนิสัยของสวี่ซินดูก็ได้
“ผมเคยคบกับสวี่ซิน แต่ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ถังหนิงต้องมาถูกใส่ความในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำ
“ผมอยากพูดแค่นี้แหละครับ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบจากผู้กำกับว่าถังหนิงเปิดโปงสวี่ซินและความสัมพันธ์ของผู้กำกับในตอนต้น ดังนั้นพวกเขาจึงติดต่อถังหนิงอีกครั้ง
ส่งผลให้ถังหนิงเดินทางมาถึงยังสถานีตำรวจอย่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“เราได้ยินมาจากผู้กำกับว่าคุณพบว่าสวี่ซินเดินออกจากห้องของเขาในคืนหนึ่ง คุณช่วยอธิบายเหตุการณ์นี้ให้เราฟังได้ไหมครับ”
“คืนนั้นสามีฉันมาเยี่ยมฉันที่โรงแรมโดยไม่แจ้งให้ทีมงานรู้ล่วงหน้า ตอนที่ฉันเดินไปส่งเขาในตอนเช้า ฉันเห็นสวี่ซินก้าวออกมาจากห้องของผู้กำกับ ตอนนั้นเธอถ่ายรูปแผ่นหลังสามีฉันและคิดว่าฉันมีชู้ เธอจึงเริ่มใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ฉันค่ะ
“ข้อเรียกร้องแรกคือให้ฉันติดต่อบรรณาธิการของโกลบัลสไตล์และให้เธอได้ขึ้นปกนิตยสารฉบับเดือนพฤษภาคม คุณไปถามบรรณาธิการเรื่องนี้ก็ได้
“แต่ฉันสิ่งที่ฉันบอกบรรณาธิการคือไม่ให้พวกเขาใช้งานเธอแทน
“หลังจากนั้น ฉันให้สามีฉันออกมาชี้แจงเกี่ยวกับความเข้าใจผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้น…
“ส่งผลให้เราสองคนมีประเด็นกันนิดหน่อยหลังจากนั้นค่ะ…” ถังหนิงอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกองถ่าย
“งั้นคุณก็ไม่ได้ทำอะไรเกินกว่าเหตุกับสวี่ซินเลยอย่างนั้นใช่ไหมครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจถาม
คอมเม้นต์