วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ – ตอนที่ 868 ไม่มีพ่อสักคน นายก็ไม่เหลืออะไร
“ใครบอกนายว่าจะไม่ดีขึ้นกัน” หลงเจี่ยเอ่ยถาม
“ เปลวเพลิง เอาคนอื่นมาแสดงแทนผมแล้ว ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่สามารถแสดงได้อีกแล้วเหรอครับ” ลัวเซิงพึมพำกับตัวเอง
“ลัวเซิง…”
“ปล่อยผม” อยู่ๆ ลัวเซิงก็ผลักหลงเจี่ยออก “คุณไม่ใช่ผม คุณไม่เข้าใจความกลัวในอนาคตของผมหรอกครับ มันไม่ง่ายกว่าผมจะมาถึงจุดนี้ แต่มันก็ยังถูกทำลายลงไปอีก ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมทำอะไรผิดไป”
หลงเจี่ยรู้สึกเจ็บปวดในใจขณะที่มองไปที่ลัวเซิง แต่ในตอนนั้นเธอไม่อาจหาคำพูดใดๆ มาปลอบโยนเขาได้
เดิมทีเธอต้องการให้เวลาลัวเซิงได้สงบลง แต่ในระหว่างที่เธอออกไปเข้าห้องน้ำ ลัวเซิงกลับวิ่งหนีออกไป
หลงเจี่ยต่อสายหาถังหนิงด้วยความตื่นตระหนก “ลัวเซิงหายตัวไปค่ะ ตอนนี้มีนักข่าวอยู่ทั่วไปหมด ถ้าเขาบาดเจ็บซ้ำอีกเราจะทำยังไงกันดีคะ”
“ไปตามหาเขาที่กองถ่าย เปลวเพลิง ” ถังหนิงตอบ
“ทำไมเขาถึงจะไปที่นั่นล่ะคะ”
“ทำไมน่ะเหรอ” ถังหนิงถามกลับ ลัวเซิงเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่เขาก็ยังเด็กและใจร้อน อย่างไรก็ตามถังหนิงเข้าใจว่าตอนนี้เขากำลังสติแตก เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากขับรถกลับไปที่กองถ่าย เปลวเพลิง แม้ว่าจะอยู่ระหว่างทางกลับบ้านไปดูแลลูกๆ ของตัวเองก็ตาม
เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ลัวเซิงอยู่ที่กองถ่าย เปลวเพลิง ทั้งยังอยู่ในชุดคนไข้พร้อมผ้าพันแผลบนศีรษะ เขามาที่นี่เพื่อถามหาคำอธิบายจากผู้กำกับ
หากแต่ผู้กำกับกลับปฏิเสธไม่ยอมพบเขา
“ลัวเซิง นักแสดงนำถูกเปลี่ยนตัวไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะมาตามหาผู้กำกับหรอกนะ” ทีมงานเกลี้ยกล่อมเขา “กลับไปที่โรงพยาบาลเถอะ นายยังบาดเจ็บอยู่นะ”
“ผมแค่อยากพบผู้กำกับ…”
“จริงๆ นะ เราทำอะไรไม่ได้แล้ว” ทีมงานออกอาการลำบากใจ
ลัวเซิงมองผู้คนตรงหน้าด้วยสีหน้าซีดเซียว ในตอนที่เขากำลังฝืนตัวเองจากไป นักแสดงนำคนใหม่ของ เปลวเพลิง ก็ก้าวเข้ามาพร้อมผู้ช่วยของเขา ทันทีที่เขาเห็นลัวเซิง รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เฮ้ นี่ไม่ใช่นักแสดงนำของเราหรอกเหรอ ทำไมนายถึงวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งๆ ที่บาดเจ็บอยู่อย่างนี้ล่ะ น่าสงสารจัง…”
ลัวเซิงจ้องอีกฝ่ายเขม็งขณะที่พยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้
“ลัวเซิง ตอนนี้ฉันเป็นนักแสดงนำของ เปลวเพลิง ต่อให้นายกลับมาตอนนี้ก็เปลี่ยนความจริงที่ฉันมาแทนที่นายแล้วไม่ได้หรอก ยิ่งหัวของนายถูกพันไว้อย่างกับเด็กปัญญาอ่อนแบบนี้ด้วยแล้ว
“ไม่ว่าถังหนิงจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ความสามารถของเธอก็มีขีดจำกัด นายคิดจริงๆ เหรอว่าเธอจะปฏิบัติกับนายเหมือนอัญมณีที่ล้ำค่าอีก คอยดูเถอะ อีกไม่นานนายก็จะรู้ว่าทุกคนจะทอดทิ้งนาย
“แต่ยังไงก็ตาม ฉันได้ยินมาว่ารถของนายถูกขโมยไประหว่างอุบัติเหตุด้วย น่าเห็นใจจัง หลังจากแจ้งเกิดมานาน บางทีรถของนายอาจจะเป็นของมีค่าเพียงอย่างเดียวของนายก็ได้ใช่ไหมล่ะ”
ลัวเซิงไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา หากแต่สัมผัสได้ถึงความน่าอับอายที่ถาโถมเข้าใส่อย่างแรง
ทว่าถังหนิงที่มาถึงในตอนนี้ได้ยินทุกอย่างที่ชายคนนั้นเอ่ย
ตำรวจยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องเกี่ยวกับคดีของลัวเซิง เขารู้ได้อย่างไรว่ารถของลัวเซิงถูกขโมยไป
“นายกำลังจะไม่เหลืออะไรเลย…”
ลัวเซิงกำหมัดแน่น ในจังหวะที่กำลังจะเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ ถังหนิงก็เดินเข้ามาและดึงให้เขาไปอยู่ด้านหลังเธอ “ไม่ว่าสถานการณ์ของลัวเซิงจะย่ำแย่แค่ไหน อย่างน้อยเขาก็ยังพึ่งพาตัวเอง ไม่เหมือนบางคนที่เอาแต่หลบอยู่ใต้ปีกพ่อ
“ลัวเซิงจะไม่เหลืออะไรเลยหรือเปล่าน่ะยังไม่รู้หรอก แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือไม่มีพ่อของนายสักคน นายก็จะไม่เหลืออะไรแน่”
เมื่อเห็นถังหนิงปรากฏตัวขึ้น เดิมทีเขาอยากจะตอบโต้กลับไป แต่เขากลับพบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออกขึ้นมาทันที
“นายคิดว่าตัวเองมีความสามารถอะไรจะมาแย่งงานของลัวเซิงเหรอ” ถังหนิงถาม “ฉันจะบอกนายให้ว่านายจะไม่สามารถแย่งอะไรไปได้ ไม่มีใครเอาอะไรก็ตามจากศิลปินของฉันไปได้ และต่อให้มีคนคิดจะทำ ฉันก็จะทำลายมันดีกว่ายอมปล่อยให้บางคนมาชุบมือเปิบไป”
อีกฝ่ายมองถังหนิงด้วยความตกตะลึง แต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น
จากนั้นถังหนิงลากลัวเซิงเข้ามาในรถและส่งกระดาษทิชชูให้เขา “เช็ดหน้าเช็ดตาให้สะอาดซะ”
“พี่หนิง…”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย ทำไมต้องผิดหวังขนาดนั้นด้วย” ถังหนิงเอ่ยถาม “นายจะถ่อมาหาผู้กำกับถึงที่นี่ทำไม ถ้าเขาสามารถทรยศนายได้ภายในแค่วันเดียว นายยังหวังจะได้เจอเขาอีกเหรอ”
“แต่มันเป็นงานที่ผมพยายามอย่างหนักที่จะคว้ามันมานะครับ”
“งานที่ถูกแย่งไปได้ง่ายๆ ไม่ใช่งานที่แท้จริงของนายหรอก” ถังหนิงว่าขึ้นตามตรง “ยังมีโอกาสที่ดีกว่านี้รอนายอยู่ อย่าหมดหวังสิ ฉันจะทำตามที่รับปากไว้แน่นอน”
“ขอโทษนะครับ พี่หนิง…”
แม้ว่าสุดท้ายแล้วลัวเซิงจะไม่ได้พบผู้กำกับแต่การปรากฏตัวของเขาที่กองถ่าย เปลวเพลิง ก็ยังโหมให้กลายเรื่องใหญ่โต
ทุกคนต่างรู้ว่านักแสดงนำของละครถูกเปลี่ยนตัว ลัวเซิงจึงมาปรากฏตัวที่กองถ่ายเพื่อเรียกร้องในศักดิ์ศรีของเขา
“นักแสดงที่ถังหนิงฝึกมาทำตัววุ่นวายอย่างนี้ได้ยังไงกัน เขานี่มารยาทแย่จริงๆ!”
“เขามาหาผู้กำกับทั้งที่ถูกเปลี่ยนตัวไปแล้วน่ะเหรอ นี่เขากำลังยื่นหน้ามาให้ตบอยู่หรือยังไง”
“ให้ตายเถอะ…น่าผิดหวังจริงๆ ลัวเซิง เกิดอะไรขึ้นกับนายกันเนี่ย”
การที่ลัวเซิงไปที่กองถ่าย เปลวเพลิง ไม่เพียงแต่ทำให้เขาถูกเหยียดหยามแต่ยังทำให้คนเห็นคุณค่าของละครเพิ่มขึ้นด้วย ด้วยถึงขั้นที่ศิลปินของถังหนิงมาขอร้องทีมงานให้เขาได้กลับไปแสดง
แต่ทว่าถังหนิงจะไม่ปล่อยให้ เปลวเพลิง ได้ประโยชน์จากเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ แต่เหตุผลที่ลัวเซิงไปที่กองถ่ายเพราะก่อนหน้านี้ผู้กำกับเคยรับปากไว้ว่าจะให้เวลาเขารักษาตัว แต่เขาก็กลับคำของตัวเองและเปลี่ยนตัวเขาในทันที เขาคิดว่าจะมากดขี่จู้ซิงมีเดียได้ง่ายๆ เหรอ ลัวเซิงถึงต้องไปถามให้ชัดเจนไม่ว่าจะยอมรับกับการอีกฝ่ายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้ได้หรือไม่ก็ตามค่ะ
“เขามีสิทธิ์ที่จะไม่รับปากใดๆ แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจสัญญาไว้แล้ว เขาก็ควรรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง
“ลัวเซิงของเราได้รับบาดเจ็บจริงค่ะ แต่เขาก็กำลังรักษาตัวอยู่ เราไม่ควรสนใจเรื่องที่เขาพลาดที่จะแสดงความสามารถที่แท้จริง เพราะลัวเซิงได้รับโอกาสที่ดีกว่ารออยู่แล้วค่ะ ช่วยติดตามแถลงการณ์ต่อไปของเราด้วยนะคะ”
ทุกคนรู้ว่าคำพูดของหลงเจี่ยเป็นตัวแทนของถังหนิง
ดังนั้นหากว่ากันง่ายๆ การปรากฏตัวที่กองถ่ายลัวเซิงไม่ได้เป็นไปเพราะว่าจะเรียกร้องให้ได้บทคืนมา หากแต่เป็นเพราะเขาต้องการให้ผู้กำกับชดใช้กับการกระทำของตัวเองต่างหาก
ทีมงานของ เปลวเพลิง ช่างหน้าไม่อาย ทั้งที่ผู้กำกับรับปากว่าจะรักษาบทไว้ให้ลัวเซิงแต่เขาก็ยังกลับคำอย่างทันควันและมอบมันให้กับคนอื่น
ที่แย่ที่สุดคือนักแสดงกลับคิดว่าตัวเองเก่งกาจเสียเต็มประดาที่แย่งบทของลัวเซิงมาได้
บางทีเขาคงไม่เคยได้รับโอกาสครั้งใหญ่มาก่อนในชีวิต ถึงนึกว่าตัวเองเอาชนะลัวเซิงได้อย่างอยู่หมัดและเก็บเอามาภาคภูมิใจซะเหลือเกิน
ในขณะเดียวกันถังหนิงได้สร้างความสงสัยให้กับสาธารณชน และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกโดยการไม่เปิดเผยเรื่องงานชิ้นต่อไปของลัวเซิง ถึงอย่างไรพวกเขาจะทำอย่างไรหากคนอื่นกลายมาเป็นที่สนใจด้วยเรื่องของเขา
ดังนั้นพวกเขาจึงรอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งถึงวันที่ ของเลียนแบบ ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ก่อนที่ใครบางคนจะได้โดนตบหน้ากลับไปเอง
…
ในตอนนี้เวลาล่วงเลยจนตกดึกแล้ว หลินเฉี่ยนรออยู่ด้านนอกบ้านของซิงหลานกระทั่งรถของหลี่จิ่นมาจอดเทียบตรงหน้าเธอ ทันใดนั้นเองเธอก็นึกถึงคำพูดที่ซิงหลานเคยบอกไว้ก่อนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย มิน่าล่ะตอนที่เธอพบกับเขาครั้งแรก อีกฝ่ายถึงไม่ได้มองเธอเป็นคนแปลกหน้า
“ขึ้นรถสิครับ” หลี่จิ่นเปิดประตูรถออกมา
คอมเม้นต์