จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up – ตอนที่ 40
อ่านนิยายจีนเรื่อง จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up ตอนที่ 40 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
ตอนที่ 40 ล้างบางเพิ่มระดับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ที่ปากทางเข้าหุบเขาหมาป่า
ฉินเทียนกำหมัดแนบแน่น ทั่วร่างของเขาอาบย้อมไปด้วยโลหิตของเหล่าหมาป่า แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของเขาทำให้หมาป่าตัวสุดท้ายที่เบื้องหน้าค่อยๆก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว
เมื่อเห็นฉินเทียนทำท่าจะเข้ามาใกล้ มันก็หันหลังวิ่งหางจุกก้นเข้าหุบเขาไปอย่างไว
แต่มีหรือฉินเทียนจะยอมปล่อยมันไป?
ฉับพลัน ฉินเทียนก็ไล่หลังหมาป่าเขี้ยวเขียวจนทัน เขาทุบไปที่สันหลังของมันอย่างรุนแรงจนทำให้กระดูกของมันหักและสิ้นใจตายในทันที
“ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 158 หน่วย ค่าพลังปราณ 40 จุด ค่าพลังชีวิต 1 จุด….”
จนถึงตอนนี้ ที่ด้านหลังของฉินเทียนเต็มไปด้วยกองซากร่างของหมาป่าเขี้ยวเขียว เขาได้สังหารพวกมันไปทั้งฝูง ทั่วร่างของเขาอาบย้อมไปด้วยโลหิต เขาทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นและสูดหายใจเข้าลึก มองดูกองซากศพของพวกหมาป่า รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
สิ่งที่เฮยหยานบอกว่านั้นไม่ผิดเลย ที่แห่งนี้มีเพียงพวกหมาป่าเขี้ยวเขียว
พวกมันทั้งหมดออกล่าเหยื่อกันเป็นฝูง เมื่อเขาได้เข้าใกล้ปากทางเข้าหุบเขา การจะพบกับหมาป่าที่แยกตัวอยู่โดดเดี่ยวนับว่าหายากอย่างมาก
ในระหว่างทางเข้าหุบเขา ฉินเทียนได้สังหารพวกหมาป่าไปสามฝูง เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดจนยากที่จะปะชุนได้อีก สภาพของเขาตอนนี้แทบจะดูไม่ต่างไปจากยาจก กระนั้นเขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ค่าประสบการณ์ที่ได้รับมานั้นไม่เลวเลย การฆ่ามันหนึ่งตัวก็ได้ค่าพลังปราณกลับมาไม่น้อย
สำหรับผู้บ่มเพาะทั่วทั้งทวีปเทียนหยวนแล้ว ทุกระดับที่ทะลวงผ่านได้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ความเร็วและพลังปราณ เนื่องเพราะว่าจุดตันเถียนของเขาเสียหาย พลังปราณของเขาจึงไม่ได้เพิ่มขึ้น ส่วนค่าอื่นๆเองก็เพิ่มขึ้นด้วยอัตราธรรมดา
หลังจากบ่มเพาะมานับเดือน กระดูกของเขาก็กลายเป็นแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องแล้ว ผิวของเขาจะค่อนข้างมันเงา หากว่าเขาสามารถกลั่นกายาต่อไปเรื่อยๆ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็อาจจะกลายเป็นสมบูรณ์แบบ
ฉินเทียนนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง เขาค่อยปาดเช็ดเลือดที่ติดอยู่ตามใบหน้า จากนั้นจึงหยิบเม็ดยาหู่เฉิงออกมากลืน บาดแผลบนร่างก็ค่อยๆสมานทีละน้อย เขาถอนหายใจและอดคิดขึ้นไม่ได้ “ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไร ข้าจะต้องยกระดับทักษะปรุงยาให้จงได้”
“ฟู่…”
หลังจากพักผ่อนและ้ว ฉินเทียนก็ระบายลมหายใจออกมาและเริ่มออกเดินเข้าสู่หุบเขา
เมื่อที่ปากทางเข้าหุบเขายังมีหมาป่ามากมายถึงเพียงนั้น จำนวนของหมาป่าภายในหุบเขาก็ย่อมต้อมีมากยิ่งกว่า นี่คล้ายกับเป็นสรวงสรรค์สำหรับการเก็บเลเวล มองดูแถบค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งแล้ว ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยสักเพียงใด เขาก็ยังคงมีความสุขอย่างมาก
แต่ละระดับที่เพิ่มขึ้นมันจะมอบผลประโยชน์มหาศาลให้กับเขา หากว่าเขาสามารถทะลวงผ่านไปยังขั้นก่อตั้งวิญญาณได้ การต้านทานกับกลิ่นอายของเสี่ยวหยูเฟิงก็สมควรไม่เป็นปัญหา
ขั้นก่อตั้งวิญญาณเป็นเพียงประตูบานแรกเท่านั้น มันยังมีอุปสรรคอีกมากสำหรับผู้บ่มเพาะ
หลังจากก้าวผ่านมันเข้าไปแล้ว พลังที่เขาสัมผัสได้ก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ค่าพลังปราณจะเปลี่ยนไป ฉินเทียนรู้สึกได้ว่า ตราบใดที่เขาสามารถทะลวงผ่านมันไป เขาก็จะสามารถรับมือกับกลิ่นอายของเสี่ยวหยูเฟิง และเพียงแค่เคล็ดมังกรฟ้าขั้นแรกก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับกลิ่นอายนั้น
เขาจะต้องทะลวงผ่านให้จงได้!
ทุกครั้งที่เขานึกถึงกลิ่นอายที่เสี่ยวหยูเฟิงปลดปล่อยออกมา เพลิงโทสะภายในก็จะโหมกระพือขึ้นทุกครั้ง
เขากำหมัดแน่นและมุ่งหน้าเข้าลึกเข้าไปในหุบเขา
“กรรร….”
ที่หน้าผาแห่งหนึ่งมีหมาป่าเขี้ยวเขียวตัวใหญ่กำลังจ้องมองไปยังดวงจันทร์ที่ประดับอยู่กลางท้องฟ้ายามราตรี จากนั้นมันจึงส่งเสียงหอนอกมา
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี หุบเขาหมาป่ากลายเป็นโกลาหลวุ่นวาย แววตานับร้อยคู่ของเหล่าหมาป่าเขี้ยวเขียวเต็มไปด้วยความกระหาย แววตาของพวกมันทอแสงวูบวาบและความกระหายเลือดจากพวกมันก็สามารถรู้สึกได้จากระยะไกล
ฉินเทียนเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะหยุดเท้าและยิ้มเย็น
ในตอนนี้เขาถูกล้อมเอาไว้แล้ว ดวงตากว่าห้าสิบคู่ได้จับจ้องมองเขาอย่างดุดัน หยดน้ำลายค่อยๆไหลย้อยจากมุมปาก พวกมันจ้องมองฉินเทียนราวกับกำลังมองดูอาหารอันโอชะ
ทันใดนั้น หมาป่าตัวหนึ่งภายในฝูงก็ส่งเสียงหอนอยู่หลายครั้งและแต่ละครั้งยังเพิ่มความดังขึ้น หลังจากสิ้นเสียงหอนแล้ว หมาป่านับสิบตัวก็พุ่งกระโจนเข้าหาฉินเทียนทันที
หมาป่าระดับสามนับสิบตัวกระโจนออกมาด้วยความต้องการฆ่า
เทียบกับสัตว์ปีศาจชนิดอื่นๆแล้ว หมาป่าเขี้ยวเขียวนับได้ว่ามีสติปัญญามากกว่า พวกมันปิดผนึกทุกทางถอยของฉินเทียนและโถมเข้าหาเขาจากทุกทิศทาง
ฉินเทียนยังคงยืนนิ่งสงบอยู่เช่นนั้นขณะที่โคจรพลังปราณ บรรยากาศโดยรอบพลันเปลี่ยนไปก่อนที่จะเข้าจะพุ่งตัวออกราวกับลูกธนูหลุดจากแล่ง
เขาจัดการกับหมาป่าแต่ละตัวด้วยการต่อยเพียงครั้งเดียว ทุกหมัดที่เขาต่อยออกจะเพ่งเล็งไปยังจุดตายของพวกมัน
พวกหมาป่าค่อยๆล้มตายดุจใบไม้ร่วง พวกมันทุกหมดถูกกำจัดเพียงชั่วเพียงเวลาชงชา ทั่วร่างของฉินเทียนตอนนี้เต็มไปด้วยรอยข่วนมากมาย…
กระนั้นฉินเทียนก็ไม่ได้หยุดพักให้เสียเวลา เขามุ่งลึกเข้าต่อไปในหุบเขาทันที
เวลานั้น เป็นเวลาที่หุบเขาเต็มไปด้วยความปั่นป่วน
ฉินเทียนลงมือสังหารจนสองตาแดงฉาน เขาเคลื่อนที่ไปโดยไม่หยุดพัก สองหมัดของเขาอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีดำ
หลังจากล่าตอลดทั้งคืน ฉินเทียนก็ไม่ทราบแล้วว่าตนได้สังหารไปมากมายเพียงใด แต่แถบค่าประสบการณ์ของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาถึงหนึ่งส่วนสี่
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เขากลับไม่ค่อยพอใจเท่าใด
ฉินเทียนคล้ายลืมเลือนทุกสิ่ง ที่ปรากฏขึ้นในใจของเขาเพียงอย่างเดียวก็คือ ต้องฆ่า!
“ย๊ากกก…”
เมื่อต้องปะทะกับหมาป่าฝูงใหญ่ ฉินเทียนก็ส่งสียงออกมา ก่อนที่ทักษะคลุ้มคลั่งจะถูกเปิดใช้งาน
ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมหาศาล เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหมาป่านับพันตัว ฉินเทียนก็ไม่อาจไม่ใช้ทักษะคลุ้มคลั่ง แม้ว่าทักษะคลุ้มคลั่งจะต้องใช้ค่าพลังปราณมากถึงห้าพันจุด หากแต่การสังหารหมาป่าทั้งหมดก็จะได้รับค่าพลังปราณอีกมาก ดังผลประโยชน์มหาศาลที่อยู่ตรงหน้า ไม่นเพียงแต่เขาจะไม่ขาดทุน หากแต่ยังได้รับกำไรอีกมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของฉินเทียนคือการทะลวงผ่านขั้น เขาจะต้องใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมากเพื่อบรรลุเป้าหมาย
เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ฉินเทียนก็คล้ายกลายเป็นหมาป่าผู้หิวโหยเสียเอง ฝูงหมาป่าที่อยู่โดยรอบคล้ายเปลี่ยนเป็นฝูงแกะที่รอคอยให้เขาตรงไปขย้ำ
มันคือการฆ่าล้างแต่เพียงถ่ายเดียว
หลังจากใช้ทักษะคลุ้มคลั่งแล้ว ฉินเทียนก็สังหารไม่หยุดมือ เสียงของระบบยังคงดังขึ้นในจิตใจอย่างไม่หยุดหย่อน
“ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น ได้รับค่าประสบการณ์ 158 หน่วย ค่าพลังปราณ 40 จุด ค่าพลังชีวิต 1 จุด….”
แถบค่าประสบการณ์ของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าพลังชีวิตเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
มันเป็นความบ้าคลั่ง ทั้งหมดเป็นเพียงความบ้าคลั่ง
ในวันแรก ฉินเทียนได้สังหารปมาห่าเขี้ยวเขียวจนกองสุมเป็นภูเขา โลหิตภายในกายของฉินเทียนได้พลุ่งพล่านขึ้นจากความตื่นเต้น
………………………..
ในวันที่ห้า ซากศพของหมาป่าที่ถูกเข่นฆ่าค่อยๆกลายเป็นกองกระดูกขาว หมาป่าที่ตกตายไปจะถูกหมาป่าตัวอื่นๆกัดกินเลือดเนื้อ ฉินเทียนยังคงดำเนินการสังหารหมู่ต่อไป….
………………………..
ในวันที่สิบ ฉินเทียนเข้าสู่ส่วนลึกของหุบเขา มีหมาป่านับพันตัวที่โอบล้อมจากรอบทิศ ในวันนั้น ท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานจากการฆ่าฟันของเขา ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยเศษเลือดเนื้อ
…………………………
ในวันที่สิบสอง สามราชันย์หมาป่าแห่งหุบเขาที่มีระดับสี่ก็ถูกสังหาร ฉินเทียนได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องใช้เม็ดยาหู่เฉิงถึงสิบเม็ดเพื่อพยุงอาการและฟื้นฟู…
………………………….
ในวันที่สิบสี่ หุบเขาก็ไม่มีหมาป่าเขี้ยวเขียวอีกต่อไป มีเพียงซากร่างที่กระจัดกระจายเกลื่อนกลาดของพวกมันถูกหนอนแมลงรุมตอมและส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง
ตั้งแต่นั้นมา หุบเขาหมาป่าก็กลายเป็นหุบเขาซากศพหมาป่า
ในช่วงย่ำค่ำ ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด
ฉินเทียนได้เดินออกจากหุบเขาหมาป่า ร่างกายของเขาดูไม่คล้ายเป็นผู้เป็นคน โลหิตที่ติดตามร่างกลายแห้งกรังจนมีสีดำ ทั้งน่าสยดสยองและน่าหวาดหวั่น หากมีผู้คนมาพบเห็นเขาก็ต้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
สองตาของเขาแผ่รังสีฆ่าฟันออกมาอย่างเข้มข้น
งานชุมนุมงั้นหรือ?
เสี่ยวหยูเฟิงงั้นหรือ?
“ท่านปู่ผู้นี้กำลังไปแล้ว”
คอมเม้นต์