Heavenly Curse ทัณฑ์สวรรค์สาป – ตอนที่ 103

อ่านนิยายจีนเรื่อง Heavenly Curse ยอดเซียนเต๋า เขย่ายุทธภพ ตอนที่ 103 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 103 ก้าวเข้าสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 (ครึ่งหลัง)

 

แสงของตะเกียงทองแดงค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆและมู่อี้ก็หมดสติไปแล้วในตอนนี้

 

แม้แต่ร่างของเงาดำนั่นก็จางลงไปมากในตอนนี้แต่สภาพของมันก็ยังดูดีกว่ามู่อี้มาก เมื่อมันเห็นว่ามู่อี้หมดสติล้มลงไปแล้วมันก็รีบเพิ่มพลังของตนเองขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ตู้ม!”

 

ด้วยการพุ่งชนอีกหลายๆครั้งแสงของตะเกียงทองแดงเริ่มมีการกระพริบแสดงให้เห็นและแสงของตะเกียงทองแดงนั้นเบาบางมากในตอนนี้ราวกับว่ามันพร้อมจะดับลงไปได้ตลอดเวลา

 

“เสี่ยวอี้!” มู่อี้รู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขาอยู่ มันเป็นน้ำเสียงที่เขารู้สึกคุ้นเคยเมื่อได้ยินแล้วก็ทำให้เขารู้สึกคิดถึงเจ้าของเสียงนี้ขึ้นมาทันที

 

“ใครกันที่เรียกข้า?” มู่อี้รู้สึกสับสนเล็กน้อยและในตอนนี้ดูเหมือนว่าสติปัญญาของเขาจะกลับมาทันที

 

“เสี่ยวอี้!” เสียงนั้นดังขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่ามันดังก้องในหูของเขา ความรู้สึกที่คุ้นเคยนั่นทำให้มู่อี้รู้สึกแทบจะคลั่งขึ้นมาทันทีเพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นเสียงที่คุ้นเคยแต่ก็จำไม่ได้ว่ามันคือเสียงของใคร

 

และเสียงที่ดังขึ้นมานั้นก็ทำให้ดวงวิญญาณของมู่อี้ที่กำลังจะหลุดออกจากร่างกายได้กลับเข้ามาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าการพยายามนึกว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใครจะทำให้สติปัญญาของมู่อี้เริ่มกลับมาอีกครั้ง แรงปรารถนาอันแรงกล้าของเขาได้ระเบิดออกมาในตอนนี้

 

“เสี่ยวอี้!”

 

ปัง! เมื่อเสียงของการพุ่งชนดังขึ้นมาอีกครั้งในที่สุดมู่อี้ก็จำได้ทันทีว่าตอนนี้เขากำลังถูกเงาดำที่อยู่ตรงหน้านั้นพยายามยึดครองร่างกายของตนเองและเขาก็จำได้ทันทีว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร มันเป็นเสียงของท่านปู่ที่พยายามเรียกเขาอยู่ตลอดเวลา

 

“ท่านปู่เป็นท่านหรอ?” มู่อี้ถามออกมาเสียงดังแต่ไม่มีใครตอบเขากลับมาเลย แต่มู่อี้ก็รู้ดีว่าท่านปู่ต้องอยู่ข้างๆเขาอย่างแน่นอน

 

“ข้ายังตายไม่ได้!” มู่อี้คิดในใจของเขา แต่ความมั่นใจของเขาก็กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้งในตอนนี้

 

“กึก!”

 

ในตอนที่มู่อี้กำลังคิดในใจนั้น เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างในใจของตนเองที่ได้พังทลายลงไป

 

เงาดำยังคงพุ่งชนเข้ามาอย่างต่อเนื่องและมันรู้สึกได้ถึงชัยชนะที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าร่างกายของมันในตอนนี้จะถือว่าเสียหายหนักมากแต่มันก็เชื่อว่าตราบใดที่มันยึดครองร่างกายของมู่อี้ได้สำเร็จ มันจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง

 

“พรึบ!”

 

ในที่สุดตะเกียงทองแดงก็ดับลงไป

 

เงาดำรู้สึกยินดีอย่างยิ่งในตอนนี้ร่างของมันหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งดูเหมือนว่ามันจะไม่คาดคิดว่าความสำเร็จของตนเองจะมาถึงอย่างรวดเร็วเช่นนี้

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

เมื่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเงาดำก็พุ่งเข้ามาหามู่อี้อีกครั้งหนึ่งและในครั้งนี้จะไม่มีอะไรที่หยุดยั้งมันได้อีก

 

“ตู้ม!”

 

แต่ในตอนที่เงาดำมั่นใจว่ามันจะสามารถยึดครองร่างของมู่อี้ได้นั้น มู่อี้ก็ตื่นขึ้นมาทันที!

 

ในตอนนี้มู่อี้เป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่คุกรุ่นอยู่เป็นเวลานานและในที่สุดก็ระเบิดพลังออกมา พลังแห่งสายเลือดที่รุนแรงระเบิดออกมาจากร่างกายของมู่อี้และผิวหนังของเขาในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยเช่นกัน มันแสดงให้เห็นว่าพลังแห่งสายเลือดของเขาทรงพลังมากแค่ไหน

 

เงาดำถูกโจมตีด้วยพลังแห่งสายเลือดที่ระเบิดออกมานี้ มันก็กรีดร้องออกมาและรีบถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็มองมาที่มู่อี้ด้วยสายตาที่ดูไม่อยากจะเชื่อ

 

“พลังแห่งสายเลือด? ระดับความยากขั้นที่ 2 ?  นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”

 

เงาดำตะโกนออกมาเสียงดังด้วยสีหน้าที่ดูไม่อยากจะเชื่อ

 

“ทำไมพลังแห่งสายเลือดของมันถึงทรงพลังขนาดนี้แล้วทำไมมันยังตื่นขึ้นมาได้อีก” เงาดำกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งแต่ช่างโชคร้ายที่ไม่มีใครตอบคำถามของมันได้เลย

 

ในตอนที่โซ่ที่เหนี่ยวรั้งร่างกายของเขาได้ขาดไปนั้น มู่อี้ก็รู้สึกได้ถึงความอิสระทันที ในตอนนี้ส่วนลึกที่สุดภายในร่างกายของเขาที่สะสมพลังมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ก็ได้ระเบิดพลังออกมาทันที

 

ในอดีตมู่อี้รู้สึกสงสัยมาโดยตลอดว่าทุกๆครั้งที่เขารู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นในร่างกายของเขานั้นมันหายไปไหน เขารู้สึกสงสัยเรื่องนี้มาโดยตลอดแต่ไม่มีใครตอบคำถามของเขาได้เลยแต่ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

 

การรับรู้ของเขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตอนนี้และเขายังสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดในร่างกายของเขาได้อีกด้วย

 

หลังจากนั้นก็มีแสงสีขาวเกิดขึ้นมา แสงสีขาวนี้แตกต่างจากแสงของตะเกียงทองแดงแต่มันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นและรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงราวกับว่ามันเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด แสงสีขาวที่เกิดขึ้นมานี้กำลังชำระล้างร่างกายของเขาอยู่

 

ในตอนนี้มู่อี้รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองกำลังเปลี่ยนแปลงไปและรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย มันเหมือนกับว่าร่างกายของเขากำลังเปลี่ยนแปลงไปและการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ไม่มีที่สิ้นสุด

 

ก่อนหน้านี้พลังแห่งจิตใจของเขาถูกใช้ไปจนแทบจะหมดสิ้นแล้วและเขาก็ใช้พลังแห่งจิตใจออกไปจนเกินขีดจำกัดของร่างกาย ทำให้จิตใจของเขาถือว่าได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกันแต่แสงสีขาวที่เกิดขึ้นมานั้นยังสามารถช่วยรักษาจิตใจของเขาได้และการบาดเจ็บของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

แม้แต่พลังแห่งจิตใจของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ 1% 2% 5% 10% 12% . . .

 

แม้พลังแห่งจิตใจจะเพิ่มขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของก่อนหน้านี้แต่มันก็ยังเพิ่มขึ้นต่อไปโดยไม่มีหยุด

 

80% 200% 300%

 

พลังแห่งจิตใจที่เพิ่มขึ้นมานี้ทำให้มู่อี้รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยเพราะมันก้าวกระโดดอย่างน่าเหลือเชื่อเกินไป หรือว่านี่จะเป็นระดับความยากขั้นที่ 2 งั้นหรือ?

 

ในตอนนั้นที่เขาได้ยินเสียงของอะไรบางอย่างพังทลายลงไปในใจมู่อี้ก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสที่เขารอคอยมาตลอดนั้นได้มาถึงแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นเขาได้เอาชนะศัตรูไปมากมายและในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะก้าวต่อไปได้แล้ว

 

แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก่อนแต่มู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนก เพราะเขาเองก็เคยจินตนาการถึงเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แม้ว่ามันจะแตกต่างจากจินตนาการของเขาไปบ้างแต่อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่าร่างกายทุกๆส่วนของตนเองรู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน

 

เมื่อมองไปที่เงาดำอีกครั้งในตอนนี้เขาก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายทันที เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะมีใครบางคนต้องการยึดครองร่างกายของเขา แม้ว่าศัตรูจะเป็นหมาป่าที่หิวกระหายแต่คงไม่รู้ใช่ไหมว่าเขานั้นคือตัวเม่น?

 

มันไม่เคยพบเห็นคนอย่างมู่อี้มาก่อนและในตอนนี้มันก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามู่อี้สามารถก้าวเข้าสู่ระดับความยากขั้นที่ 2 ได้สำเร็จแล้ว โอกาสชนะของมันในตอนนี้ไม่มีอีกแล้วและในตอนนี้มันทำได้เพียงหนีไปจากมู่อี้ให้ไกลที่สุดเท่านั้น

 

แต่การพ่ายแพ้ของมันในตอนนี้คือสิ่งที่มันไม่อาจยอมรับได้มากที่สุด

 

ในตอนนั้นที่มันกำลังขึ้นมาบนภูเขาแห่งนี้ มันคิดว่าแค่ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็คงสามารถหาร่างกายใหม่ได้อย่างแน่นอนและนั่นจะเป็นประโยชน์ต่อแผนการในอนาคตของมันอีกมาก

 

มันไม่คิดมาก่อนหรือว่าแม้ว่ามู่อี้อยู่เพียงระดับความยากขั้นที่ 1 ของการฝึกฝนจิตใจ แต่สภาพร่างกายของเขานั้นก็ดีกว่าผู้ที่อยู่ในระดับความยากขั้นที่ 2 หลายๆคนเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตะเกียงทองแดงที่อยู่ในมือของเขานั้นถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากจริงๆ ถ้าหากว่ามันสามารถยึดครองร่างกายของชายคนนี้มาได้พลังของมันจะเพิ่มขึ้นอีกมากอย่างแน่นอน

 

มันย่อมอยากได้สมบัติที่ล้ำค่าแต่การได้เห็นสมบัติที่ล้ำค่าต้องอยู่ในมือของศัตรูนั้น มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

การปะทะกันทำให้มันรู้สึกเหนื่อยล้าและร่างกายของมันก็เสียหายหนักมาก แต่ท้ายที่สุดในตอนที่มันกำลังได้ลิ้มลองรสชาติแห่งชัยชนะนั้น สถานการณ์ก็พลิกผันไปทันที

 

“มนุษย์นั้นมีวิญญาณทั้ง 7 ซึ่งสอดคล้องกับจักระทั้ง 7 ในร่างกายของมนุษย์ จักระทั้ง 7 นี้ทรงพลังมากพอที่จะยึดครองสวรรค์ได้เลย ลือกันว่าสวรรค์นั้นได้สาปให้มนุษย์ไม่อาจมองเห็นจักระทั้ง 7 ของตนเองได้ ถ้าหากต้องการให้จักระทั้ง 7 นั้นแสดงออกมาก็ต้องทำลายโซ่ที่เหนี่ยวรั้งร่างกายออกไปก่อน. . .”

 

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในส่วนลึกของจิตใจของมู่อี้ทันที เสียงนี้ปราศจากอารมณ์ใดๆเพียงแค่อธิบายเรื่องความลับของจักระทั้ง 7 ในร่างกายของมนุษย์เท่านั้น

 

“ท่านปู่ นั่นท่านหรอ?” มู่อี้ร้องตะโกนออกมาในใจของเขา แต่ก็ไม่มีใครตอบอะไรกลับมาเลยและเสียงนั้นก็ยังคงอธิบายต่อไปไม่มีหยุด

 

“จักระทั้ง 7 นั้น …”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด