Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก – บทที่ 36 งานประลองราชันต์นักสู้กลายเป็นนักสู้
Picking Up Attributes From Today ไปเก็บสเต…
บทที่ 36 งานประลองราชันต์นักสู้กลายเป็นนักสู้
การสอบกลางภาคนั้นส่งผลกับอะไรหลายๆอย่างมาก หรือ อย่างน้อยก็เป็นแค่ความคิดของเหมิงเหล่ย เพราะตอนนี้บรรยากาศรอบวิทยาลัยนั้นมันต่างออกไปโดยสิ้นเชิง จากพวกลูกขุนนางครั้งมังกรหัวเราะหยอกล้อกันไปมา ภาพนั้นได้หายไป โดยสิ้นเชิงภาพของครึ่งมังกรคอยไปไล่ตามตูดผู้หญิงก็หายไป เหล่าคู่รักที่แอบไปพลอดรักกันก็หายไปด้วย
จํานวนของคนอู่ในวิทยาลัยหายไปโดยสิ้นเชิง จํานวนของคนที่เข้ามานั่งเรียนในวิชาต่างๆเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สนามฝึกซ้อม ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยผู้คนแทบจะทั้งวัน
การสอบกลางภาคแค่ครั้งเดียวก็ทําให้บรรยากาศโดยรวม ของรอบวิทยาลัยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เด็กปี 1 เปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่เคยสบายๆ ตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเขาตื่นขึ้นมาพบกับความเป็นจริง
หลังจากการเรียนภาคเช้าเสร็จ เหมิงเหล่ยก็ออกจากวิทยาลัยแล้วตรงไปยังสนามประลองใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดของเมืองทันที นั้นคือสนามเพลิง
สนามเพลิงที่ว่านั้นจัดตั้งอยู่ในเขตตะวันออกของเมือง หนาแน่นไปด้วยพวกคนรวยและพวกขุนนางตลอดเวลา สนามประลองนั้นค่อนข้างห่างไกลจากตัววิทยาลัยพอสมควร เหมิงเหล่ยต้องนั่งรถเวทมนตร์ไปที่นั้น
ขนขับรถเวทมนตร์นั้นพอเห็นชุดของเหมิงเหล่ยแล้วเขาก็ถามขึ้นมา “ท่านจอมเวท ท่านกําลังจะไปชมการประลองชิงตําแหน่งราชันต์นักสู้ในคืนนี้เหรอครับ”
เหมิงเหล่ยตอนนี้สวมชุดคลุมนักเวทอยู่ ปรกติแล้วเขาเป็นคนขับรถที่ไม่ค่อยได้คุยกับลูกค้าเท่าไรอยู่แล้ว แต่เขาคิดว่าถ้าเขาได้รู้จักหรือสนิทกับนักเวทซักคน มันก็ไม่น่าใช่เรื่องที่แย่อะไรเลยชวนคุยดู
“การประลองชิงตําแหน่งราชานักสู้เหรอ”
“ท่านไม่รู้หรอกเหรอครับเนี่ย” คนขับรถรู้สึกประหลาดใจ แล้วเขาก็พูด “การประลองราชันต์นักสู้ประจําปีเป็นการแข่งขันที่ใหญ่และโด่งดังที่สุดในเมืองหลวงเลยนะครับ ทุกๆคนตั้งแต่พ่อค้าทาส ยันเจ้าหน้าที่ระดับสูง และขุนนางต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดเลยนะครับ”
“ข้าอยู่ในวิทยาลัยมาโดยตลอดน่ะ เลยไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ มาก่อนเลย”เหมิงเหล่ยพูดแล้วยิ้ม “เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อย ได้ไหมว่ามันคืออะไรกัน”
“ได้เลยครับ”
คนขับรถเวทมนตร์เล่าเรื่องให้ฟัง แล้วเหมิงเหล่ยก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ราชันต์นักสู้
คือตําแหน่งของนักสู้เหรียญทองที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามประลอง
หลังจากผ่านการแข่งขัน ฆ่าฟันมาแรมปี ราชาแห่งเหล่านักสู้ ก็จะมาประชันกันและคนที่เก่งที่สุด คนนั้นจะถูกเรียกว่า ราชันต์นักสู้
ในการประลองชิงตําแหน่งราชานักสู้นั้นจะรวมไปถึงการท้าทายราชันต์นักสู้ของปีที่แล้วด้วย มันเป็นการประชันกันระหว่างราชากับราชา และเป็นการประลองที่ดุเดือดที่สุดในปีนี้ของสนามเพลิงแน่นอน มันคล้ายๆกับการแข่งรอบชิงของ NBA หรือ ชอบสุดท้ายของบอลโลกนั้นละ ชื่อเสียงและอิทธิพลของการแข่งนั้นกว้างไกลมาก ความโด่งดังของมันได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากเหล่าขุนนางชั้นสูง
จากปากของคนขับรถเวทมนตร์ ทั้งบริษัทใหญ่ๆและเหล่า ขุนนางที่ชื่นชอบการประลองต่อสู้ทุกคนจะมารวมตัวกันเพื่อดูการประลองในค่ําคืนนี้ ราคาค่าตัวนั้นสูงไปไกลเกือบหลาย หมื่นเหรียญทองแล้วด้วย
อะไรวะเนี่ย เลือกมาถูกวันซะด้วยซิเรา!
เหมิงเหล่ยแอบส่ายหัวในใจ
ค่าตั๋วเข้าดูอย่างเดียวก็แพงหูฉีกแล้ว ตัวเข้าดูใบละหมื่น ไม่ไหวหรอก
เหมิงเหล่ยเองก็อยากไปดูนะว่ามันเป็นยังไงแต่ ตอนนี้เขาต้องเริ่มคิดดูใหม่แล้ว เขายังไม่ใช่เศรษฐีที่ใช้เงินได้ฟุ่มเฟือยซักหน่อย
ชั่วโมงนึงผ่านไปและเขาก็ได้มาถึงที่สนามเพลิง
สนามเพลิงนั้นมีขนาดใหญ่พอๆกับสนามกีฬาหรือไม่ก็โรงหนังของโลกเก่า มันเป็นอาคารสูงและยิ่งใหญ่ดูสวยงามตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางและมีเปลวเพลิงลุกโชนรอบๆสนามเพลิงเต็มไปหมด ทําให้เกิดความรู้สึกเลือดร้อนทันทีที่เข้ามา
ในตอนนี้ สนามเพลิงนั้นอัดแน่นไปด้วยคนจํานวนมากยืนมุงกันอยู่นอกสนาม เหล่าขุนนางที่ใส่แก้วแหวนทองเต็มคอ เหล่ามหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทพุงโต เหล่าขุนนางสาวสวยเซ็กซี่แต่งตัวสวยงาม
ผู้คนจํานวนมากหลั่งไหลกันเข้ามาที่นี้อย่างไม่ขาดสาย เสียงของคนดังเจื้อยแจ้วเต็มไปหมด
“คึกคักดีจริงๆเลย”
เหมิงเหล่ยเองในชาติก่อนก็เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา เขาต้องทํางานหาเลี้ยงครอบครัว เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสไปงานสังคมใหญ่ๆเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้น ภาพที่เขาเห็นตอนนี้ มันคล้ายๆกับที่สถานีรถไฟตอนวันตรุษจีนยังไงอย่างงั้น
แต่แตกต่างกันตรงที่ตอนนี้มันน่าจะเป็นงานตรุษจีนของคนรวยซะมากกว่า
เหมิงเหล่ยเดินตามฝูงชนกันไปจนกระทั้งถึงหน้าทางเข้าหลัก ตรงนั้นมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราอย่างเข้มงวดและหยุดเหมิงเหล่ยเอาไว้ก่อนจะพูด “ท่านจอมเวท ไปที่บูธขายตัวข้างขวาเพื่อซื้อตัวก่อนนะครับ”
เหมิงเหล่ยส่ายหัวแล้วตอบ “ข้าไม่ได้มาเพื่อดูการประลอง ข้ามาสมัครเป็นนักสู้ของที่นี้”
“หะ”
เจ้าหน้าที่คนนั้นมองเหมิงเหล่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วตะลึง มาเป็นนักสู้เนี่ยนะ หาได้ยากจริงๆ มีนักเวทน้อยคนมากๆที่สมัครใจมาเป็นนักสู้แบบนี้
“ ท่าน…ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมครับ”
“ไม่ ข้าเอาจริง” เหมิงเหล่ยตอบแล้วส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นโปรดรอซักครู่นะครับ”
เจ้าหน้าที่ส่งมอบคําสั่งให้กับเพื่อนของเขาที่อยู่ด้านหลังก่อนจะพูดกับเหมิงเหล่ย “ถ้าอย่างนั้น ท่านจอมเวท ตามข้ามาทางนี้”
เหมิงเหลยเดินตามเจ้าหน้าที่เข้ามาในสนามเพลิง เลี้ยวซ้าย นิดเลี้ยวขวาหน่อยไปตามเส้นทางจนกระทั้งพวกเขามาถึงห้องทํางาน เจ้าหน้าที่ เคาะประตูห้องก่อนจะเข้าประตูไป จากนั้น ซักพัก เขาก็กลับออกมาอีกครั้ง
“ท่านจอมเวท ท่านอูโน่เชิญท่านเข้าพบครับ”
“ได้เลย”
เหมิงเหลยเดินเข้าไปในห้อง แล้วพบเข้ากับชายแก่นั่งสงบสุขุมแต่งตัวด้วยชุดสูทแบบคนรวย ชายแก่คนนั้นมองเหมิงเหล่ย ด้วยสายตาที่เหมือนมองสิ่งของ
“เจ้าเองซินะที่บอกว่าอยากจะมาเป็นนักสู้นะ”
อูโน่มองเหมิงเหล่ยตั้งแต่หัวจรดเท้า คิ้วของเค้าขมวดเข้าหากันเหมิงเหล่ยนั้นดูเด็กเกินไปมาก หน้าตาของเหมิงเหล่ยดูเหมือนเป็นเด็กเห่อที่ยังไม่รู้จักโต แล้วมาบอกว่าตัวเองเป็นจอมเวทระดับ 4 ตั้งแต่อายุแค่นี้เนี่ยนะ
ต้องล้อกันเล่นแน่ๆ
“ใช่แล้ว”
เหมิงเหล่ยพยักหน้า
“สนามเพลิงของเรายินดีต้องรับผู้ที่เก่งกาจทุกคน” อูโน่พูด แบบใจเย็น “แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าควรจะต้องรู้นะว่าเราก็มีกฏอยู่เหมือนกัน มีเพียงนักรบระดับ 5 ไม่ก็จอมเวทระดับ 4 ขึ้น ไปเท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้ เจ้ายังเด็กนัก บางทีเจ้าอาจจะ…”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ความหมายของเขานั้นชัดเจน เขาไม่มั่นใจในความสามารถในการต่อสู้ของเหมิงเหล่ย เอาจริงๆ เขาแอบสงสัยด้วย ว่าไอ้เด็กคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ แอบอ้างเข้ามาสมัครเป็นนักสู้ เพื่อที่จะได้เข้ามาดูการประลองราชั้นต์นักสู้ฟรีๆในวันนี้
ยังไงซะนักสู้ก็มีสิทธิ์ชมการประลองจากในสนามเพลิงอยู่แล้ว
เหมิงเหล่ยหัวเราะออกมาแล้วไม่เสียเวลาพูดอะไรต่อ เขาเริ่มที่จะร่ายเวทมนตร์แทน ธาตุสายฟ้ารอบๆตัวของเขาเริ่มรวมตัวกันเรื่อยๆจนกระเกิดเป็นหอกยาว 2 อัน หอกแต่ละ อันนั้น ยาว 3 เมตรและหนานิ้วกว่าๆ หอกพวกนั้นเริ่มหมุนกันเป็นสว่านกลางอากาศด้วยความเร็วสูงจนกระทั้งเกิดกระแสไฟฟ้าพุ่งพล่านไปมารอบข้าง แค่เห็นก็ทําให้ขนลุกได้ง่ายๆ
“เวทมนตร์ระดับ 4 สว่านสายฟ้าคลั่งเหรอ!”
อูโน่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วมองสว่านตรงหน้า สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง “นี่เจ้า เป็นจอมเวทระดับ4 จริงๆซินะ ข้าผิดเองที่ตาต่ําเกินไป”
เขาเป็นคนที่เห็นโลกนี้มาหลายด้านแล้ว ทําให้เขาสงบใจลงได้อย่างรวดเร็วและพูด “ในเมื่อเจ้าเป็นจอมเวทระดับ 4 เจ้าก็มีคุณสมบัติเพียงพอจะมาเป็นนักสู้ของเราได้แล้วละ
“ได้ก็ดีแล้ว” เหมิงเหล่ยถอนหายใจแล้วถาม “แล้วข้าต้องทําอะไรยังไงบ้างละ”
“เรามีขั้นตอนการสมัครที่จําเป็นนิดหน่อย” อูโน่ยิ้ม “เดี่ยวข้าจะจัดการเรื่องลงทะเบียนให้เจ้าก่อนแล้วกัน เจ้าก็อ่านสัญญาแล้วค่อยตัดสินใจนะ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เจ้าก็เซ็นสัญญากันได้เลย”
“โอเค ได้”
เหมิงเหล่ยพยักหน้า
“ให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไรดีละท่านจอมเวท”
“เหมิงเหลี่ย!”
“เอาละเหมิงเหล่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้าร่วมสนามประลองของเราดังนั้น เจ้าจะเริ่มต้นที่ระดับต่ําที่สุด นั้นคือนักร บระดับทองแดง 1 ดาว มันเป็นกฏที่ทุกคนต้องทําตามนะ”
“ไม่มีปัญหา”
“นักสู้ระดับทองแดงจะต้องต่อสู้อย่างน้อย 10 ครั้งต่อเดือน ค่าตัวของนักสู้ระดับทองแดง 1 ดาวต่อครั้ง คือ 1000เหรียญทอง”
“ถ้าเจ้าชนะ 3 รอบ รวด เจ้าก็จะได้กลายเป็นนักสู้ทองแดง 2 ดาว ซึ่งจะได้ค่าตัว 2000 เหรียญทองต่อครั้ง”
แล้วถ้าเจ้าชนะ 6 รอบรวด เจ้าก็จะได้กลายเป็นนักสู้ทอง แดง3ดาว ซึ่งมีค่าตัวอยู่ที่ 3000 เหรียญทองต่อครั้ง”
“…..”
“พวกนี้คือหลักเกณฑ์การให้ค่าตัวนะ ส่วนสวัสดิการอื่นก็มีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่เจ้าเข้ามาเป็นนักสู้ของสนามเพลิง เจ้าจะอยู่ภายใต้การคุ้มกันของสนามเพลิง ถ้าเกิดไม่ผิดกฎของจักรวรรดิเหรออาณาจักร ทางสนามประลองเองก็มีประกันชีวิตและทรัพย์สินของนักสู้ให้ แล้วก็ถ้าหากเจ้ากลายไปเป็นนักสู้ทองแดงระดับ 4 ดาวแล้ว…”
คอมเม้นต์