Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke – บทที่ 19 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (19)

อ่านนิยายจีนเรื่อง Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke ตอนที่ 19 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 19 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (19)

 

**คําเตือนเนื้อหาบางส่วนในตอนนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ เบาๆ

 

ระยะเวลาหนึ่งปีแม้ไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานนัก แต่ก็ไม่อาจจะถือได้ว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นเช่นกัน

 

ในเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา หลิงฮ่าวถูกขับออกจากตระกูลหลิง ทรัพย์สมบัติและบริษัทที่เหลืออยู่ของตระกูลตกเป็นของลุงผู้หนึ่งของเขา เมื่อบิดามารดาของเขาถูกจับกุม และด้วยเพราะหลิงฮ่าวขาดทุนทรัพย์ที่จะนํามาจ่ายค่ารักษาขาข้างที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดให้หายขาด เขาจึงไม่สามารถเดินเหินดังคนปกติได้

 

ในช่วงแรกเขาพยายามที่จะกลับไปหาซูอี้อี้แต่หนานกงจึงขัดขวางไม่ยอมให้เขาได้พบกับเธอ ยิ่งรอพบเธอนานวันเข้า เงินทองของหลิงฮ่าวก็ยิ่งร่อยหรอ เวลาผ่านไป เงินของเขาก็ยิ่งลดลง…ลดลง จนท้ายที่สุดเขาก็ระลึกได้ว่าเขาคนนี้ไม่ใช่คุณชายผู้ร่ํารวยคนนั้นอีกต่อไปแล้ว เขาจึงหยุดความพยายามที่จะพบหน้าซูอี้อี้ และก่อนจะหายตัวไปไม่มีผู้ใดได้พบเห็นเขาอีก

 

การแข่งขันระหว่างหนานกงจึงและน้องชายต่างสายเลือดนั้นก็ร้อนระอุขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าเมื่อไรหรือเรื่องอะไรก็ตามที่มีน้องชายน่าชังผู้นั้นเข้ามาเกี่ยวข้องหนานกงจึงมักจะไม่ค่อยประสบความสําเร็จในเรื่องนั้นๆนัก

 

อันที่จริงแล้วหากตามบทเค้าโครงเรื่องเดิม บุตรชายนอกสมรสผู้นี้สมควรที่จะโผล่เข้ามาในฉากช้ากว่านี้ ตอนที่เขาเข้ามามีบทบาทภายในเรื่องควรจะเป็นเวลาช่วงเดียวกันกับที่หนานกงจึงสามารถรวบทั้งบริษัทไว้ในอุ้งมือได้สําเร็จ แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ถือได้ว่าตัวร้ายผู้นี้ค่อนข้างจะมีความสามารถเช่นกัน เพราะเขาสามารถสู้รบกับหนานกงจึงได้ค่อนข้างนานเลยที่เดียวก่อนที่เขาจะ “ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ” จากหนานกงจิ่ง

 

อย่างไรก็ตามน้องชายตัวร้ายของเขา กลับปรากฏตัวขึ้นเร็วกว่าที่บทกําหนด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังปรากฏตัวออกมาในช่วงที่หนานกงจึงยังไม่มีอํานาจการต่อรองในกํามือมากพออีกด้วย ความช่วยเหลือของหนานกงเจิ้งที่มีต่อลูกนอกสมรสของเขา ผู้ชนะคนสุดท้ายอาจจะไม่ใช่หนานกงจึงในครานี้ก็เป็นได้

 

แน่นอนว่าการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของลูกนอกสมรสผู้นี้ ย่อมมีฉีเซิงเป็นผู้เกี่ยวข้อง ผู้ที่สนับสนุนเขาภายในบริษัทก็ย่อมเป็นผลมาจากฉีเซิงด้วยเช่นกัน เขาเอาชนะคนเหล่านั้นด้วยการแบล็คเมล์และบีบบังคับให้คนเหล่านั้นช่วยเขา หากเขาไม่ทําเช่นนี้จะเป็นไปได้หรือที่จะมีคนมาสนับสนุนคนที่เพิ่งโผล่หน้าเข้าไปในบริษัท? เป็นไปได้หรือที่พวกเขาจะมาช่วยเหลือคนที่พวกเขาไม่รู้จักสนิทสนม?

 

ฉีเซิงอาจจะช่วยน้องชายต่างสายเลือดของหนานกงจึงในการหาคนสนับสนุนภายในบริษัท แต่สําหรับการควบคุมให้พวกเขาเหล่านั้นดําเนินงานในภายหลัง นั่นไม่ได้เป็นสิ่งที่เธอจะต้องเข้าไปยุ่งหรือสนใจ

 

สถานการณ์กดดันที่เกิดขึ้นในบริษัทส่งผลให้หนานกงจึงเครียดขึ้นทุกวัน ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่เขากลับไปยังอพาร์ตเมนต์ ซูอี้อี้จึงมักต้องกลายเป็นที่ระบายของเขาเสมอ เธอต้องพบเจอกับการทําร้ายร่างกายและด่าว่าจากเขาเป็นประจํา ที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น บางครั้งเขาถึงกับลงมือทรมานเธอ

 

ในช่วงแรกที่เริ่มเกิดเหตุการณ์เช่นนี้หนานกงจึงมักจะพร่ําขอโทษเธอทุกครั้งหลังจากที่เขาได้สติ แต่วันหนึ่งเมื่อเขาพบว่าซูอี้อี้ตั้งใจที่จะหนีไปจากเขา เขาก็โกรธจนขาดสติ และจับเธอไปขังไว้ที่บ้านพักตากอากาศในทันที

 

ซูอี้อี้ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้ เธอจะต้องมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ต้องถูกกระทําราวกับเธอเป็นเพียงแค่ทาสเซ็กส์ เป็นเพียงแค่ที่ระบายอารมณ์ทางเพศ เธอถูกหนานกงวิ่งกัก ขังเอาไว้ในห้องหนึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน เธอสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้เพียงแค่ในห้องนี้เท่านั้น ห้องที่หนานกงจึงปรับปรุงมาเป็นพิเศษ ห้องที่ติดตั้งรวบรวม “อุปกรณ์” มากมายไว้ภายใน

 

เมื่อก่อนเธอเคยรู้สึกว่านานเหลือเกินกว่าหนานกงจึงจะกลับบ้านแต่ละครั้ง แต่มาตอนนี้เธอกลับรู้สึกหวาดกลัวเวลาที่เขากลับมา ทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก เธอได้แต่หวังว่าเธอจะสามารถหนีไปซ่อนตัวที่ไหนก็ได้ที่เขาจะหาตัวเธอไม่พบ

 

เสียงคลิ้กดังขึ้น ก่อนประตูที่ถูกสั่งทําพิเศษซึ่งสามารถเปิดได้ด้วยลายนิ้วมือของหนานกงจึงเพียงคนเดียวเท่านั้นก็เปิดออก แสงไฟภายในห้องสว่างวาบขับไล่ความมืดมิดไปจนสิ้น ซูอี้อี้ขดตัวซุกอยู่ในมุมมุมหนึ่งของห้อง สายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเธอจับจ้องไปยังปีศาจในคราบมนุษย์ผู้ซึ่งสาวเท้าใกล้เข้ามา แม้บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่เธอคุ้นเคยแต่สิ่งที่เธอรู้สึกกลับมีเพียงแค่ความกลัวที่หยั่งรากลึกมากขึ้นเท่านั้น

 

“อี้อี้ วันนี้เรามาเล่นอะไรสนุกๆกันเถอะ” หนานกงจิ่งมองลงไปยังซูอี้อี้ที่ขดตัวอยู่เบื้องล่าง

 

ซูอี้อี้พยายามที่จะกระฤดตัวของเธอให้ห่างออกจากเขา ก่อนจะอ้อนวอนด้วยเสียงสะอื้น “ไม่…หนานกงจิ่ง ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ! ขอร้องล่ะ! เมตตาฉันเถอะนะ…”

 

“เมตตา?” หนานกงจึงพึมพําก่อนคํารามเสียงต่ํา “ฉันเมตตาเธอแล้ว แล้วฉันล่ะ? มีใครเมตตาฉันบ้าง? ไอ้นอกคอกนั่นมันมีอํานาจในบริษัทมากขึ้นๆทุกวัน พวกมันเคยเมตตาฉันบ้างไหม? นี่เธอคิดที่จะทิ้งฉันไปอีกคนใช่ไหมซูอี้?

 

ฉันบอกเธอไว้ตรงนี้เลย จําใส่หัวไว้ซะซูอี้อี้ ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไป! ไม่มีวัน! เธอเป็นของฉัน! ของฉันคนเดียว!”

 

หนานกงจึงกระชากตัวซูอี้อี้ขึ้นมา เขาฉีกทิ้งเสื้อผ้าของเธอออก กดตัวเธอลงบนเตียงก่อนกระโจนจ้วงเข้าสู่ตัวเธออย่างป่าเถื่อน “เธอเป็นของฉัน… อี้อี้อย่าไปจากฉันเลยนะ เธอเคยบอกว่าเธอรักฉันไม่ใช่หรือ ตอนนี้ในชีวิตฉัน ฉันมีแค่เธอคนเดียว เธอจะไปจากฉันไม่ได้นะอี้ อย่าไป…”

 

“พูดสิ! พูดว่าเธอรักฉัน! เร็วเข้า! พูดออกมา!”

 

“ได้ยินไหมอี้อี้ พูดสิว่าเธอรักฉัน!”

 

ซูอี้ รู้สึกถึงคลื่นความเจ็บปวดที่แผ่ออกมาจากส่วนล่างของร่างกาย เธอพยายามขัดขืนและผลักไสหนานกงจึงออกไป แต่เธอก็ทําไม่ได้เมื่อเธอไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่มากนัก เธออ่อนแอลงเช่นนี้หลังจากที่ถูกหนานกงจึงทรมานราวกับเธอไม่ใช่มนุษย์

กว่าหนานกงจิ่งจะเสร็จสม ส่วนล่างของซูอี้อี้ก็เปรอะเปื้อน เต็มไปด้วยเลือด ผ้าปูที่นอนที่เคยเป็นสีขาวกลับกลายเป็นสีแดงฉาน เธอกุมท้องตัวเองร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ความเกลียดชังไหลบ่าท่วมท้นจิตใจของเธอ “หนานกงจิ่ง! ไอ้ปีศาจร้าย! นายทําลายแค่ชีวิตของฉันยังไม่พออีกหรือมาตอนนี้นายยังทําแม้กระทั่งฆ่าลูกของฉัน

 

“อี้อี้?” หนานกงจึงประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงร้องครวญครางแสดงความเจ็บปวดของเธอ จนกวาดสายตาพบเข้า กับแอ่งเลือดใต้ร่างของเธอ วินาทีนั้นประสาทรับรู้ของหนานกงจึงว่างเปล่า ก่อนเขาจะรีบปรี่เข้าไปอุ้มซูอี้ขึ้นมา “อย่ากลัวไปเลยนะอี้ อย่ากลัว… ฉันจะรีบพาเธอไปหาหมอเดี๋ยวนี้”

 

เขาอุ้มซูอี้อี้สาวเท้าไปยังทางออก สายตาของซูอี้อี้จับจ้องไปยังประตูไปยังอิสรภาพที่กําลังใกล้เข้ามาของเธอ

 

แต่แล้วก่อนที่หนานกงจึงจะก้าวพ้นออกจากกรอบประตูเขากลับชะงักแล้วพึมพํากับตนเอง “ไม่… จะให้เธอออกไปไม่ได้ ถ้าเธอออกไปแล้วหนีฉันไปล่ะ เธอจะไปจากฉันไม่ได้เธอเป็นของฉัน…ของฉัน…”

 

หนานกงจิ่งจึงอุ้มซูอี้อี้กลับไปยังเตียงนอนตามเดิม วางเธอลงบนที่นอนฝั่งที่ไม่มีคราบเลือดก่อนพูดกับเธอด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนว่า

 

“อ๋อี้ รอฉันก่อนนะ ฉันจะไปตามหมอมาให้ วางใจเถอะ นะฉันไปไม่นานหรอก”

 

แล้วประตูห้องก็ปิดลงอีกครั้ง ซูอี้อี้ทอดกายนอนนิ่งอยู่บน เตียง ไม่นานนักเตียงฝั่งที่เธอนอนอยู่ก็เริ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด กลิ่นชวนคลื่นไส้ของโลหิตคละคลุ้งไปทั่วห้อง

 

เวลาผ่านไปสักพักกว่าซูอี้จะขยับตัว เธอลากร่างกายอันบอบช้ําไปยังอีกฝั่งหนึ่งของเตียง เปิดลิ้นชักของโต๊ะข้างเตียงออก เธอหยิบเหล็กแหลมเสียบอาหารที่ถูกซ่อนไว้ข้าง ในนั้นออกมา ดวงตาของเธอได้ประกายราวกับตุ๊กตาไร้ชีวิตจิตใจ ปลายแหลมของเหล็กถูกวางทาบลงบนข้อมือของเธอ ราวกับว่าข้อมือของเธอจะถูกกรีดได้โดยง่ายหากมีแรงกดเบาๆเพียงสักนิด

 

หนึ่งนาที..สองนาที

 

ซูอี้ค้างอยู่ในท่าทางเช่นนั้นกว่าห้านาที ก่อนจะเก็บเหล็กปลายแหลมกลับลงไปแล้วทิ้งกายลงบนเตียงด้วยสายตาว่างเปล่า

 

ฉีเซิงได้ยินข่าวการเสียชีวิตของซูอี้อี้ในวันที่เธอจบการศึกษา ซูอี้ฆ่าตัวตายหลังจากจ้วงแทงหมายปลิดชีวิตหนานกงจิ่ง แต่หนานกงจึงกลับอึดเกินคาดเมื่อเขารอดชีวิต อย่างไรก็ตามแม้จะรอดมาได้แต่เขาก็กลับกลายไปเป็นคนไม่อยู่กับร่องกับรอยหลังจากเหตุการณ์นั้น แน่นอนว่าชีวิตของเขาย่อมต้องไปจบลงในโรงพยาบาลจิตเวช

 

การที่ชีวิตของซูอี้อี้และหนานกงจึงต้องมาถึงจุดๆนี้ ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเกินความคาดหมายของฉีเซิง

 

ก่อนหน้านี้เธอเคยวางแผนที่จะแก้แค้นซูอี้อี้ แต่เธอพบว่าซูอี้อี้เอาแต่อาศัยอยู่ในบ้านพักตากอากาศของหนานกงจิ่ง

 

ตอนนั้นเธอคิดว่านั่นเป็นเพราะหนานกงจึงต้องการที่จะปกป้องซูอี้อี้ แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าเขาทําเช่นนั้นเพียงเพื่อที่จะกักขังเธอ

 

“นี่สินะที่เขาว่ากันว่า เมื่อรักมากเกินไปมันมักกลายเป็นความบ้าคลั่ง!?

 

หลังจากที่เธอถ่ายรูปจบการศึกษาเสร็จ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น สายตาของเธอก็พบเข้ากับร่างสูงของฉู่ถางซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก เขาในวันนี้เหมือนกับเขาในวันแรกที่เธอเจอไม่มีผิดเพี้ยน เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสีดําสนิท มือทั้งสองข้างถูกสอดไว้ในกระเป๋ากางเกง กลิ่นอายเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ที่แผ่กําจายรอบตัวเขาซึ่งเสริมให้เขาดูสะดุดตามากขึ้น

 

“อีกสองสามวันไม่ใช่หรือคะ ถึงจะตรงตามกําหนดการที่คุณจะกลับมาจากต่างประเทศ?” ท่ามกลางสายตาที่ฉายแววประหลาดใจ ตื่นตะลึง อิจฉา หรือแม้แต่ริษยาซึ่งรายล้อมอยู่รอบตัว ฉีเซิงก้าวเข้าไปหาฉู่ถาง

ฉู่ถางยกยิ้ม “เพราะคนที่กําลังจีบผม เธอไม่ได้โทรหรือส่งข้อความหาผมมาห้าวันแล้ว ผมคิดว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ผมจึงรีบกลับมาดูด้วยตาตัวเอง”

 

ฉีเซิงเหงื่อตก ในช่วงที่ผ่านมาตารางเวลาของเธอยุ่งมาก เนื่องจากไม่เพียงแต่ต้องเข้าร่วมพิธีจบการศึกษา เธอยังต้องบริหารจัดการธุรกิจของเธอด้วยเช่นกัน ตอนนี้เธอเกลียดตัวเองชะมัดที่ไม่สามารถแยกร่างได้

 

“เอาล่ะ ตอนนี้คุณก็เห็นฉันแล้วนี่ ฉันยังอยู่ดีมีสุข กินอิ่มนอนหลับ ” เธอตอบปีนเกลียวเขาเหมือนกับทุกครั้ง พลางรีบสาวเท้าไปยังประตูทางออกของหอประชุมมหาวิทยาลัย “ไอ้คนเฮงซวยนี่มันเห็นฉันเป็นแค่ของน่าสนใจคั่นเวลา!?

 

“คุณลุงกับคุณป้า โทรมาบอกให้ผมไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกันกับพวกท่าน” ฉู่ถางใช้ขายาวๆของเขาก้าวตามเธอทันได้อย่างไม่ยากเย็น

 

ฉีเซิงพูดไม่ออก ให้ตายสิ ใครกันแน่ที่เป็นลูกแท้ๆของพวกคุณนะห้ะ?”

 

ผ่านมากว่าครึ่งปีที่อู่ถางย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลซวี ด้วยข้ออ้างที่ว่า “เธอจะได้จีบเขาได้สะดวก” แน่นอนว่าคุณพ่อและคุณแม่ซวีย่อมเข้าข้างเขาอย่างรวดเร็ว ทําไมฉันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาจากข้างทาง ในขณะที่ไอ้ตูดหมึกนี้ต่างหากที่เป็นลูกแท้ๆของพวกเขากัน”

 

เมื่อออกมาข้างนอก อู่ถางก็แยกตัวออกไปเพื่อนํารถมารับฉีเซิงซึ่งยืนรอเขาอยู่ตรงทางออก

 

“คุณหนูซวี ในที่สุดก็ได้พบกับคุณที่มหาวิทยาลัยสักที หาโอกาสพบคุณได้ยากเหลือเกิน” ชายหนุ่มผู้ซึ่งกําลังโอบประคองหญิงสาวผู้หนึ่งออกมาจากหอประชุมเอ่ยทักเธอขึ้นด้วยความประหลาดใจและยินดี

 

“เราเพิ่งเจอกันเมื่อสามวันก่อนเองนะคะ คุณชายหลิน” ฉีเพิ่งได้พบกับคุณชายตระกูลหลินสองสามครั้ง เมื่อโปรเจคปัจจุบันที่เธอกําลังดําเนินการอยู่เป็นโปรเจคที่เธอต้องร่วมมือกับตระกูลของเขา คุณชายหลินผู้นี้ถูกพาเข้าร่วมประชุมพร้อมกับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในงานชิ้นนี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับเขา

 

สายตาของฉีเซิงกวาดสายตาไปยังหญิงสาวผู้ซึ่งคุณชายหลินกําลังตระกองกอดอยู่ หญิงสาวผู้นั้นจ้องกลับมาด้วยสายตาถมึงทึงเป็นเชิงข่มขู่ราวกับกลัวว่าฉีเซิงจะไปฉกผู้ชายออกมาจากมือของเธอ…จากมือของอันอันอดีตเพื่อนร่วมหอของฉีเซิง

 

ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยเพราะฉีเซิงมัวแต่ยุ่งตัวเป็นเกลียวอยู่กับการหาเงิน เธอจึงไม่ได้เข้าเรียนบ่อยนักและไม่ได้กลับมาอาศัยที่หอพักของมหาวิทยาลัยเช่นกัน นั่นทําให้เธอไม่รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่เหลือ ว่าพวกเธอเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง เพราะด้วยว่าเธอไม่ได้ให้ความสนใจอะไรในตัวสองคนนั้นเท่าไหร่ ที่เธอพอจะจําได้ คงมีเพียงแค่ครั้งก่อนตอนที่กลับไปเก็บข้าวของที่หอพัก ตอนนั้นเธอได้ยินอันอันกําลังพูดโทรศัพท์อยู่กับใครบางคนด้วย คําพูดส่องแง่สองง่ามเกินพอดี และสวมใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดูเหมือนกับจะยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

อันอันกอดแขนคุณชายหลินแน่นขึ้นพลางจ้องฉีเซิงเขม็งโดยไม่ต้องใช้คําพูดใดๆ แค่ดูท่าทางของเธอก็รู้ได้โดยง่ายว่าเธอกําลังประกาศอาณาเขตความเป็นเจ้าของ

 

“ไม่ทราบว่าคุณหนูซวีพอจะมีเวลาว่างไหมครับ? หากคุณว่างผมอยากจะเชิญคุณไปรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันสักมื้อ”

 

“คุณชายหลินคะ…” อันอันร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

กว่าเธอจะจับผู้ชายรวยๆอย่างเขาได้สักคน รู้ไหมว่าเธอต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน มาคราวนี้เขากลับเอ่ยปากชวน ซวีเฉิงเยว่ออกไปรับประทานอาหารเที่ยงต่อ หน้าเธอเอาเสียง่ายๆ “ซวีเฉิงเยว่! ฉันเป็นแฟนของคุณชายหลิน! เธอนี่มันหน้าไม่อายขนาดไหนกันถึงได้กล้ามายั่วยวนผู้ชายของคนอื่น?”

 

“เธอมันเกินเยียวยาแล้วจริงๆ! ยัยสมองกลวงตัวแม่!” เพียงประเมินค่าของเจ้าหล่อนเสร็จสิ้นเชิงกละความสนใจจากอันอันในทันที “ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้ค่อยมาว่ากันอีกที หลังจากที่เราตกลงจะเซ็นสัญญากันดีกว่านะคะ”

 

คุณชายหลินยังไม่ทันได้ตั้งตัวกับคําพูดของแฟนสาวหมาดๆของเขา พอร์ชคันหรูก็ปราดเข้ามาเทียบ ฉีเซิงก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนมันจะพาเธอออกไปจากจุดนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น

 

เพียงแค่ท้ายรถลับหายไปจากครรลองสายตา คุณชายหลินก็ผลักอันอันออกจากตัวเขาในทันที “เธอเป็นบ้าอะไรขึ้นมา? กล้าดียังไงถึงไปใช้คําพูดต่ําๆแบบนั้นกับคุณหนูซวี?!” เขาตะคอกเธอเสียงไม่ดังนัก

 

“ถ้าคุณหนูซวีเกิดไม่สบอารมณ์ขึ้นมา โปรเจคนี้คงมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง!”

 

“ฉันพูดอะไรผิดล่ะคะ?” อันอันไม่คิดว่าจู่ๆคุณชายหลินจะหันมาตะคอกเธอ เธอชักสีหน้าขึ้นทันควัน “หรือคุณชอบแม่นั่น?!”

 

“ชอบ? คงจะอย่างนั้นล่ะมั่ง ไอ้ตัวฉันน่ะสนใจคุณหนูซวีอยู่หรอก แต่ติดที่ทางคุณหนูซวีเขาไม่สนใจฉันนี่สิ เธอรู้ไหมว่าคุณหนูซวีคือใคร?!” คุณชายตระกูลหลินหัวเราะเย็นเยียบ

 

“ลูกสาวคนเดียวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของอริ้นซางกรุ๊ปไงล่ะ! มูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดของเธอเกินพันล้าน! ถ้าหากคนอย่างคุณหนูซวีมาชอบฉัน ต่อให้ฉันต้องปีนขึ้นพานยกตัวเองให้เธอฟรีๆ ฉันก็ยังแฮปปี้!” ว่าเช่นนั้นแล้วคุณชายหลินก็สาวเท้าจากไปทันทีโดยไม่รอให้อันอันได้มีโอกาสตอบโต้ใดๆกลับ เขาไม่อยากให้โปรเจคที่ลงแรงมาด้วยความยากลําบาก ต้องสลายกลายเป็นฝุ่นเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว แน่นอนว่าถ้าเป็นเช่นนั้นพ่อต้องฆ่าเขาแน่ๆ

 

ด้วยเพราะอันอันสามารถแทรกตัวเข้ามาเป็น “คนในแวดวง” ได้นานประมาณหนึ่ง เป็นเรื่องปกติที่เธอต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับคุณหนูซวีของอริ้นซางกรุ๊ป แต่เธอไม่เคยคาดคิดว่าคุณหนูซวีคนนั้น จะเป็นคนเดียวกับซวีเฉิงเยว่เพื่อนร่วมห้องพักของเธอ เป็นไปได้ยังไงกัน?! ซวีเฉิงเยว่เนี่ยนะคือคุณหนูซวีคนนั้น?!”

 

ไม่รอช้าอันอันรีบใช้อินเตอร์เน็ตเสิร์จคําว่าซวีเฉิงเยว่ในทันที ข่าวจํานวนมากผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดแต่กลับไม่มีข่าวใดที่มีรูปภาพ อย่างไรก็ตามเพียงแค่อ่านเนื้อหาที่ข่าวรายงาน เธอก็สามารถสรุปได้ในทันทีคุณหนูซวีที่เธอเคยได้ยินเรื่องราวเป็นคนเดียวกับซวีเฉิงเยว่ที่เธอรู้จัก ระลึกย้อนไปถึงคําพูดที่เธอเคยใช้กับซวีเฉิงเยว่ อันอันก็อยากจะเอาหัวไปโขกกําแพงให้ตายๆไปเสีย

 

หล่อนเป็นคุณหนูของอริ้นซางกรุ๊ป แล้วทําไมหล่อนจะต้องไปเป็นเมียเก็บของคนอื่นด้วย? ทั้งๆที่มีจุดน่าสงสัยตั้งเยอะแยะที่บ่งชี้ว่าซวีเฉิงเยว่ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างพวกเธอ แล้วทําไมเธอจึงไม่เคยเอะใจ? “ใช่แล้วเป็นเพราะซูอี้อี้! เพราะซูอี้อี้เอาแต่พูดอ้อมค้อมวกไปวนมาทําให้ฉันเข้าใจว่าซวีเฉิงเยว่เป็นเด็กเสี่ย” เพียงคิดถึงสิ่งที่ซูอี้อี้ทํา อันอันก็โกรธจนหน้าเขียว

 

ใช้เวลาเพียงสามปี ฉีเซืงก็สามารถหาทรัพย์สินมูลค่า เทียบเท่ากับหนึ่งส่วนสิบของมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดของฉู่ถาง ได้ และเพราะในครั้งนี้ฉู่ถางก็รักษาคําพูด เขาจึงเอ่ยขอหม นหมายฉีเซิงต่อหน้าพยานอย่างพ่อแม่ของเธอ

 

หมั้นหมาย และผันเปลี่ยนเป็นแต่งงานด้วยความราบรื่น

 

ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปอย่างคงเส้นคงวา ฉู่ถางไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่นอีกนอกจากฉีเซิง ไม่ว่าเขาจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงใดๆก็ตาม เขาและเธอต้องไปด้วยกันและกลับพร้อมกันอยู่เสมอ

 

ความไม่นอกลู่นอกทางของฉู่ถางมักทําให้คนจํานวนนับไม่ถ้วนอิจฉาฉีเซิง อย่างไรก็ตามมีเพียงคนที่สนิทกับฉู่ถางและฉีเซิงเท่านั้นจึงจะรู้ว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นแบบเสือปะทะสิงห์โดยแท้…ความสัมพันธ์ที่ราวกับว่าพวกเขาพร้อมจะกระโจนเข้าตะปบกันได้ทุกเวลา!

 

บิดามารดาของซวีเฉิงเยว่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจวบจนแก่เฒ่า สิ่งที่เสียใจในชีวิตนี้ของพวกเขามีเพียงเรื่องเดียว เรื่องที่พวกเขายังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหลานๆ

 

ฉีเซิงตัดสินใจที่จะออกจากโลกของนิยายเพื่อกลับไปยังมิติของระบบ หลังจากที่ฉู่ถางหมดลมหายใจลงไม่นานนัก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด