รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ – ตอนที่ 9 : คำภีร์ผู้บ่มเพาะเต๋า
หลังจากลู่หมิงจัดการเนื้อคิงก็อบลินจนหมดเขาก็ได้ค่าสถานะมาพอสมควร เขาเปิดหน้าต่างค่าสถานะของตัวเองขึ้นมาดู
{ ลู่หมิง ระดับสีขาว อายุ 18 กรุ๊ปเลือด AB
ค่าสถานะ
ความแข็งแกร่ง 0.40/50 +2
ความอดทน 0.30/50
ความเร็ว 1.11/50 +1
สติ 0.21/50 }
จากนั้นลู่หมิงก็ถอนหายใจออกมาทันที
“คงอีกพักนึงเลยกว่าฉันจะไปถึงระดับสีเขียว”
เมื่อลู่หมิงกลับเข้ามาในห้องอันหยาก็กล่าวทักทายเขาทันที
“เป็นยังไงบ้าง เนื้อมอนสเตอร์อร่อยหรือเปล่า ?”
ลู่หมิงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“อร่อยกว่าเนื้อเกรดพรีเมี่ยมเสียอีก”
“จริงอ่ะ ?”
อันหยาถามกลับมาด้วยสีหน้าไม่เชื่อถือ ลู่หมิงก็ทำได้แต่ยักไหล่ก่อนจะเดินเข้าไปหาจางเหว่ยที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่พร้อมกับถามไปว่า
“ดูนายไม่ค่อยสบายใจเลยนะ”
จางเหว่ยเงยหน้ามองลู่หมิงก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“แน่นอนสิ โลกที่แสนสงบสุขของฉันเปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว นายดูในข่าวสิมีรายงานการปรากฏตัวขึ้นของมอนสเตอร์ทั่วโลก ไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง”
“ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องระวังตัวทุกฝีก้าวไม่งั้นคงถูกพวกมอนสเตอร์ลากไปกินแน่”
เมื่อพูดจบจางเหว่ยก็ถอนหายใจอีกครั้ง ลู่หมิงก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ทันทีที่จางเหว่ยเห็นลู่หมิงยิ้มออกมาได้อย่างสบายใจแบบนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ทำไมนายยิ้มแบบนั้นล่ะ ?”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ลู่หมิงส่ายหน้า จางเหว่ยจึงถามเขาอีกว่า
“แล้วนายจะทำยังไงต่อไป ?”
ลู่หมิงทำท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับจางเหว่ยไปว่า
“ฉันจะอยู่ในเมืองล่ามอนสเตอร์สักพัก จากนั้นก็เดินทางลงใต้”
“ลงใต้ ? ไปทำอะไร ?”
จางเหว่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเขานั้นรู้จักกับลู่หมิงมาตั้งแต่ม.ปลาย เขาจึงรู้ว่าลู่หมิงนั้นเป็นเด็กกำพร้าการที่เขาจะลงใต้ไปค้นหาครอบครัวของตัวเองนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ลู่หมิงเติบโตมาก็อยู่ในเมืองนี้ จางเหว่ยจึงคิดไม่ออกว่าลู่หมิงจะลงใต้ไปทำไมกัน
ลู่หมิงนั้นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ฉันจะเดินทางไปหาใครบางคนน่ะ”
จางเหว่ยที่เห็นว่าลู่หมิงเลี่ยงจะตอบเขาก็ได้แต่พยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปดูทีวีต่อ ลู่หมิงจึงถามกลับจางเหว่ยว่า
“แล้วนายล่ะ จะทำอะไรต่อ ?”
จางเหว่ยได้ยินแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับว่า
“พ่อของฉันติดต่อมาเมื่อคืน บอกให้ฉันเดินทางกลับเมืองหลวงทันทีน่ะแต่ว่านะระยะทางระหว่างเมืองไห่หยวน กับเมืองหลวงค่อนข้างจะไกลเลยแล้วระหว่างทางก็มีพวกมอนสเตอร์อยู่ด้วยฉันคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างจะลำบาก”
ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าออกมาก่อนจะพูดกับจางเหว่ยว่า
“ทำไมนายไม่ใช้รถไฟใต้ดินล่ะ ?”
จางเหว่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับทุบมือตัวเองทันที
“จริงด้วยแหะ รถไฟคงเดินทางในตอนนี้ไม่ได้ แต่รถไฟใต้ดินนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรคงสามารถไปถึงเมืองหลวงได้ ขอบใจที่เตือนไม่งั้นฉันคงจะลืมไปแล้ว”
ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง และหยิบคำภีร์ผู้บ่มเพาะเต๋าออกมา
“ขอดูหน่อยสิว่ามันคุ้มกับหนึ่งแสน BP ที่เสียไปหรือเปล่า”
คอมเม้นต์