รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ – ตอนที่ 18 : สถานีรถไฟใต้ดิน (6)
เมื่อจ่าฝูงของพวกมันได้ตายลงเหล่าเรดวูฟธรรมดาก็ต่างแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ลู่หมิงที่เห็นแบบนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะนั่งลงและถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันมาสนใจที่หน้าต่างของระบบ
‘ไม่แปลกใจเลยที่เจ้านี้มันแข็งแกร่งแบบนี้ มันเป็นราชาของเหล่าเรดวูฟนี้เอง’
‘แถมมันยังเป็นบอสพิเศษอีก…’
ในตอนนี้ลู่หมิงพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมในชีวิตก่อนของเขากว่าระบบรถไฟใต้ดินจะใช้งานได้ก็ต้องผ่านไปกว่าหนึ่งปี อาจเป็นเพราะว่าที่สถานีรถไฟใต้ดินแบบนี้อาจจะมีเหล่าบอสพิเศษแบบนี้อยู่เกือบทุกที่
ในชีวิตที่แล้วของลู่หมิงนั้น ตัวเขานั้นรอดชีวิตมาได้จากการที่หนีออกจากเมืองทางแม่น้ำที่หุบเขาด้านหลัง และใช้รถหรือการเดินเท้าในการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆอยู่เสมอ และไม่ได้สนใจเรื่องของสถานีรถไฟใต้ดินเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาคิดว่าที่ใต้ดินนั้นน่าจะมีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่
แต่หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีทางรัฐบาลก็ได้ประกาศทางฟอรั่มว่าระบบของรถไฟใต้ดินสามารถใช้งานได้เป็นปกติแล้ว ดังนั้นเหล่าผู้เล่นมากมายจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเป็นวันๆหรือเป็นสัปดาห์ในการเดินทางระยะไกลอีก
ในตอนแรกลู่หมิงคาดว่าเหตุผลที่ระบบรถไฟใต้ดินนั้นเกิดการเสียหายและต้องใช้เวลาซ่อมแซม แต่เมื่อตัวเองได้ต่อสู้กับคิงเรดวูฟแล้วตัวเขาก็เข้าใจว่าทำไมถึงต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าจะสามารถกู้ระบบรถไฟใต้ดินสำเร็จ
แม้หลายคนจะบอกว่าบอสพิเศษนั้นจะมีโอกาสเกิดแบบสุ่มแต่ด้วยประสบการณ์ชีวิตของลู่หมิงนั้นเขาก็สามารถคาดเดาได้ว่า บอสพิเศษนั้นไม่จุดหมายในการเกิดที่ค่อนข้างจะเจาะจง
บอสพิเศษนั้นจะอยู่อาศัยอยู่ในเขตที่มีความสำคัญ หรือมักจะมีอะไรพิเศษอยู่อย่างเช่นดันเจี้ยน หรือว่าสถานที่ที่มีอาติเฟคซ่อนอยู่ดังนั้นในบริเวณนั้นจึงมีบอสพิเศษอาศัยอยู่เยอะกว่าปกติ
และในหมู่บอสพิเศษก็มีระดับของมันอยู่ด้วยเช่นกันซึ่งแบ่งออกเป็น บอสพิเศษ ทั่วไป , ทหาร , อัศวิน , ผู้อาวุโส , ลอร์ด , ราชา และ เทพนิยาย
และระดับของบอสพิเศษเหล่านี้ไม่ได้นับเพียงแค่มอนสเตอร์เท่านั้นแต่ยังรวมถึงผู้คนของดินแดนอีกด้วย
(เปลี่ยนคำเรียกของพวกคนจากโลกอื่นจากชนพื้นเมืองเป็น ผู้คนของดินแดนนะครับ)
ในชีวิตก่อนหน้าลู่หมิงเคยพบเจอระดับสูงสุดเพียงแค่ระดับผู้อาวุโสเท่านั้น ซึ่งก็คือหัวหน้าอัศวินของอาณาจักรแห่งแสง ในขณะที่ลู่หมิงกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆอยู่นั้นความเจ็บปวดอันมากมายมหาศาลก็ไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของเขาโดยที่ไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว
“อ๊ากกกกกกกกกกก !!”
ลู่หมิงกรีดร้องต่อไปสักพักจนในที่สุดความเจ็บปวดของเขาก็ทุเลาลง ทำให้เขานั้นสามารถพักหายใจหายคอได้บ้าง
“มันเกิดอะไรขึ้น ? เมื่อกี้ฉันยังไม่รู้สึกเจ็บอยู่เลย”
ลู่หมิงคิดถึงเหตุผลต่างๆจนได้ข้อสรุปว่ามันน่าจะมาจากสกิลใหม่ที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหน้าต่างสกิลขึ้นมาดูเพื่อตรวจสอบ
{ ความเย่อหยิ่งของเทพสงคราม : ติดตัว
เมื่อผู้เล่นเข้าสู่สถานะบาดเจ็บสาหัส ทักษะนี้จะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และจะถูกยกเลิกหลังจากผู้เล่นเข้าสู่สถานะปลอดภัย หลังจากเปิดการใช้งานทักษะผู้เล่นจะได้รับบัฟลืมเลือนความเจ็บปวดชั่วขณะ และค่าสถานะโดยรวมของผู้เล่นจะเพิ่มขึ้น 10% ทุกครั้งที่รับได้ความเสียหาย และเมื่อผู้เล่นทำการยกเลิกผลของทักษะความเจ็บปวดทุกชนิดที่ได้รับในระหว่างใช้งานทักษะจะเข้าสู่ร่างกายของผู้เล่น }
ลู่หมิงที่ได้เห็นคำอธิบายของทักษะ ‘ความเย่อหยิ่งของเทพสงคราม’ แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
‘มันเกือบจะเหมือนกับสกิลเบอร์เซิร์กในชีวิตก่อนเลยแหะ แต่ดูจะดีกว่า… และอันตรายกว่า’
ลู่หมิงถอนหายใจออกมาแม้เขาจะดีใจที่ได้รับสกิลใหม่แต่มันก็ค่อนข้างอันตราย เพราะหลังจากยกเลิกการใช้งานสกิลแล้วความเจ็บปวดสะสมนั้นจะไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาทันที และบางครั้งมันอาจจะทำให้เขาหมดสติได้เลย แต่ถึงอย่างงั้นมันก็มีข้อดีอยู่ ซึ่งก็คือการซ้อนทับของค่าสถานะที่ได้รับจากการโจมตี
ถึงแม้จะมีข้อดีแต่หลังจากที่ลู่หมิงได้อ่านมันแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าจะเก็บเจ้าสกิลนี้เป็นไม้ตายก้นหีบของก้นหีบอีกที เพราะเขานั้นไม่อยากจะล้มลงกลางสนามรบเหมือนในชีวิตที่แล้วของเขาอีกแล้ว
คอมเม้นต์