รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ – ตอนที่ 22 : สถานีรถไฟใต้ดิน (10)
หลังจากที่ลู่หมิงจัดการกับเนื้อของคิงเรดวูฟเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นบิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยล้าออก ก่อนจะพูดกับทุกคนว่า
“เอาล่ะ ตามฉันมา”
ลู่หมิงพาทุกคนเดินลึกเข้าไปด้านในของสถานีรถไฟ ระหว่างทางเขาก็บอกให้จางเหว่ยติดต่อหาพ่อของเขาสะ เพื่อที่จะได้เตรียมการทุกอย่างให้พร้อม
เพราะแม้เมืองจิงไห่แห่งนี้จะอยู่ไกลจากเมืองหลวงกว่าหกร้อยกิโล แต่ด้วยความเร็วของรถไฟพลังงานแม่เหล็กแล้วการเดินทางระหว่างสองเมืองจะใช้เวลาเพียงไม่หนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นการติดต่อทางนู้นเพื่อบอกข้อมูลของตัวเองก่อนจึงค่อนข้างเป็นเรื่องที่ดี
อีกอย่างทางพ่อของจางเหว่ยเองก็จะได้มีเวลาเตรียมตัวจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยอีกด้วย
ในขณะที่ทุกคนกำลังเดินเข้ามาในส่วนบังคับการของสถานีรถไฟ เสียงของชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา
[ เป็นยังไงบ้างลูก สบายดีหรือเปล่า ? ]
“สบายดีครับพ่อ แล้วทางพ่อล่ะ ?”
จางเหว่ยยิ้มพร้อมกับถามกลับผู้เป็นพ่อ
[ ทางนี้ก็ค่อนข้างจะเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเก็บกวาดบริเวณรอบนอกและอีกไม่กี่เขตเท่านั้น ภายในเมืองก็น่าจะปลอดภัยหายห่วงแล้ว ]
จางเหว่ยได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมา ก่อนที่พ่อของเขาจะถามต่อว่า
[ แล้วตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน ? ]
“ผมกำลังอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดินครับ กำลังจะเดินทางไปเมืองหลวง ]
[ งั้นเหรอ ลูกเดินทางมาที่เมืองหลวงได้เลยนะ ที่สถานีรถไฟใต้ดินของเมืองหลวงนั้นปลอดภัยพ่อได้เคลียร์พวกมอนสเตอร์ออกไปหมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืนก่อน ]
“เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อเห็นว่าพ่อลูกได้พูดคุยกันพอสมควรแล้ว เขาก็ส่งสัญญาณให้จางเหว่ยโอนสายของพ่อเขาให้กับตนเอง จางเหว่ยจึงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“พ่อ เดียวลู่หมิงเขาจะคุยด้วยนะ”
[ โอ้ ! เจ้าหนูลู่ก็อยู่ด้วยงั้นเหรอเนี่ย ]
กำไลข้อมือของลู่หมิงสว่างขึ้นพร้อมกับจอภาพสื่อสารเด้งขึ้นมา ปรากฏภาพชายวัยกลางคนใบหน้ายิ้มแย้มดูอบอุ่น แต่คุณอย่าให้รูปลักษณ์ของชายคนนี้หลอกคุณเป็นอันขาด เพราะเขาคือ จางจี้เฉิงเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดนายพลแห่งกองทัพสหพันธ์และยังเป็นหนึ่งในคนที่มีอำนาจมากที่สุดในกองทัพเลยทีเดียว
แม้ภายนอกจะดูสบายๆแต่ถึงเวลาจริงจังแล้ว เขาจะเปลี่ยนกลายเป็นคนเข้มงวดขึ้นมาทันที เมื่อจางเจียเฉิงเห็นลู่หมิงเขาก็ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวทักทาย
[ ว่าไงเจ้าหนูลู่สบายดีไหม ? ]
“สบายดีครับคุณลุงจาง คุณยังดูแข็งแรงไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางจี้เฉิงก็หัวเราะออกมาทันที
[ ฮ่าๆๆๆ ฉันเป็นถึงนายพลนะ ถ้าฉันอ่อนแอทหารคนอื่นๆจะมองฉันในด้านดีได้ยังไงกันเล่า ]
“ก็ถูกของคุณนะครับ”
[ ว่าแต่เจ้าหนูลู่ หน้านายดูซีดๆนะบาดเจ็บงั้นเหรอ ? ]
“ใช่ครับ ระหว่างทางเกิดการปะทะนิดหน่อย”
จางจี้เฉิงพยักหน้าก่อนจะถามว่าเกี่ยวกับสถานะการณ์ทางด้านนั้น ซึ่งลู่หมิงก็เล่าเกี่ยวกับเมืองที่ตอนนี้ค่อนข้างจะวุ่นวายและเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ ส่วนผู้คนส่วนใหญ่ก็น่าจะหนีออกจากเมืองกันไปหมดแล้ว
เมื่อจางจี้เฉิงได้ยินแบบนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทีเศร้าเสียใจเล็กน้อย
[ ทางด้านเมืองหลวงเองก็ค่อนข้างวุ่นวายเช่นกัน แต่โชคดีที่เมืองหลวงนั้นมีกองทัพประจำการอยู่จึงไม่เสียหายมากนัก ดูเหมือนจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไปทั่วโลกเลย ตามฟอรั่มต่างๆก็เริ่มจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับพวกมอนสเตอร์ประเภทต่างๆออกมากันบ้างแล้วด้วย พวกเธอได้ลองเช็คดูหรือยัง ? ]
ลู่หมิงพยักหน้าก่อนพูดขึ้นว่า
“คุณลุงจางครับ คุณช่วยเพิ่มสิทธิพิเศษระดับสูงให้กับจางเหว่ยทีสิครับ”
จางจี้เฉิงได้ยินแบบนั้นก็ถามด้วยความงุนงง
[ สิทธิพิเศษระดับสูง ? จะเอาไปทำอะไรล่ะ ? ]
“การที่จะให้พวกจางเหว่ยเดินทางไปเมืองหลวงด้วยรถไฟปกตินั้นค่อนข้างจะอันตรายเกินไป คุณลุงก็น่าจะรู้ว่าที่สถานีรถไฟใต้ดินนั้นมีเหล่ามอนสเตอร์อยู่ และไม่แน่ว่ามันอาจจะมีแบบนี้ทุกสถานีในทุกๆเมือง ดังนั้นรถไฟปกติจึงค่อนข้างที่จะอันตราย”
จางจี้เฉิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะกดอะไรบางอย่างบนแท็บเล็ตของเขา จากนั้นกำไลข้อมือของจางเหว่ยก็มีข้อความบางอย่างปรากฏขึ้นมา
[ ฉันได้ให้สิทธิพิเศษกับเขาเรียบร้อยแล้วละ ]
“ขอบคุณมากครับลุงจาง”
จางจี้เฉิงได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดกลับมาว่า
[ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณ ]
จากนั้นลู่หมิงก็วางสายจากจางจี้เฉิง เพียงไม่นานทุกคนก็มาถึงส่วนบังคับการของสถานีรถไฟใต้ดิน ลู่หมิงเดินเข้าไปที่แผงควบคุมก่อนจะกดคำสั่งบางอย่าง จากนั้นก็มีหน้าจอขึ้นมา
[ โปรดระบุตัวตนเพื่อใช้สิทธิพิเศษระดับสูง ]
ลู่หมิงเรียกจางเหว่ยมาและบอกให้เขาเปิดบัตรประจำตัวขึ้นมาและนำไปสแกนกับหน้าจอนั้น
[ สิทธิพิเศษระดับสูงได้รับการยืนยัน : จางเหว่ย สิทธิพิเศษระดับ A+ ]
“เปิดการทำงานรถไฟส่วนบุคคลพิเศษ”
[ ยืนยัน ]
เมื่อหน้าจอขึ้นคำว่ายืนยันประตูทางด้านหลังของทุกคนก็เปิดออก ลู่หมิงเดินนำจางเหว่ยและคนอื่นๆเข้ามาด้านใน อันหยาที่เดินตามมานานก็ถามออกมาด้วยความสงสัย
“รถไฟส่วนบุคคลพิเศษคืออะไรงั้นเหรอ ?”
ลู่หมิงยิ้มพร้อมกับตอบกลับไปว่า
“มันเป็นรถไฟความเร็วสูงที่พวกระดับสูงใช้ในการเดินทางระหว่างเมืองนะ การที่จะสามารถใช้ได้นั้นจำเป็นต้องมีสิทธิพิเศษระดับ A ขึ้นไปซึ่งมีแต่พวกระดับผู้นำเท่านั้นแหละที่จะสามารถใช้ได้”
อันหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็ของถึงตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อทั้งหมดเดินออกจากห้องบังคับการก็พบกับรถไฟพลังงานแม่เหล็กส่วนบุคคลกำลังจอดรอพวกเขาอยู่ที่ท่า
[ โปรดระบุตำแหน่งของการเดินทาง ]
“เมืองหลวง”
[ ยืนยันกำหนดเป้าหมาย : เมืองหลวง ]
“เข้าไปด้านในเถอะ”
ทุกคนพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในรถไฟส่วนบุคคล อันหยาหันกลับมากอดลู่หมิงเล็กน้อยก่อนจะร้องไห้ออกมา
“เราคงต้องจากกันแล้วสินะ”
ลู่หมิงลูบหัวอันหยาเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า
“ไม่นานหรอก หลังจากฉันจัดการทุกอย่างเสร็จก็จะไปที่เมืองหลวงเหมือนกัน”
อันหยาพยักหน้าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในรถไฟ จางอี้เฟยนั้นกล่าวขอบคุณลู่หมิงเล็กน้อยก่อนจะเดินตามอันหยาเข้าไป ทางด้านจางเหว่ยนั้นเดินเข้ามากอดลู่หมิงก่อนจะกล่าวว่า
“ขอบคุณนายมากนะที่มาส่งพวกเรา”
“ไม่เป็นน่า อีกอย่างถ้าหากอยากติดต่อหาฉันก็ง่ายนิดเดียวอินเตอร์เน็ตหรือสัญญาณต่างๆไม่ได้พังไปด้วย ดังนั้นนายสามารถติดต่อฉันได้ด้วยทุกเมื่อ”
“จริงด้วยสินะ”
จางเหว่ยจ้องมองลู่หมิงอย่างจริงจังก่อนจะทุบอกตัวเองสองทีเพื่อแสดงออกถึงสัญญาณบางอย่าง ทางด้านลู่หมิงเองก็ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าให้กับจางเหว่ย
ซูรั่วหลินนั้นเธอเพียงจ้องมองเขาอยู่อย่างเงียบๆตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เธอได้สติขึ้นจากการเรียกของอันหยาก่อนจะหันมามองลู่หมิงพร้อมกับกล่าวขอบคุณเขาอย่างจริงจังและเดินตามอันหยาเข้าไปด้านใน
ลู่หมิงจ้องมองซูรั่วหลินด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะโบกมือให้เบาๆ ซึ่งเมื่อซูรั่วหลินได้เห็นแบบนั้นเธอก็เอาแต่ก้มหน้าหนี ทำเอาลู่หมิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
จากนั้นประตูของรถไฟก็ปิดลงพร้อมกับตัวของรถไฟที่ค่อยๆเคลื่อนออกจากสถานี เมื่อส่งทุกคนเสร็จลู่หมิงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับขึ้นด้านบน
แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องใส่ตัวเขาที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ลู่หมิงเงยหน้ามองท้องฟ้าเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกับพูดบางอย่าง
-จบบทที่ 1 : โลกที่เปลี่ยนไป-
………………………………………….
-จบบทแรกตามที่วางแผนไว้แล้ว เย้ ~
คอมเม้นต์