รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ – ตอนที่ 29 : ค้นหาดันเจี้ยน (2)
เช้าวันต่อมาลู่หมิงออกมาจากห้องและลงมายังชั้นล่างของโรงแรมก่อนจะพบกับซอมบี้จำนวนหนึ่งยืนอยู่ ทำเอาเขาถึงกับงุนงงเล็กน้อย
“พวกมันมาจากไหนกันเนี้ย ?”
เมื่อซอมบี้พวกนั้นเห็นลู่หมิง พวกมันก็เดินเอื่อยๆเข้ามาหาเขาทันที ลู่หมิงจึงได้เอาดาบออกมาฟันไปที่หัวของพวกมันทันที ก่อนที่ตัวของเขาจะออกจากโรงแรมพร้อมกับขับรถตรงไปยังห้างแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล เมื่อมาถึงลู่หมิงก็ได้ทำการจอดรถไว้ด้านหน้าห่างก่อนจะเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับดาบเขี้ยวหมาป่าในมือ
ทันทีที่ลู่หมิงเข้ามาในห้างเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความหงุดหงิด เพราะด้านในนั้นเต็มไปด้วยซอมบี้ แม้ลู่หมิงไม่อยากจะสู้กับพวกมันมากนักแต่ใช่ว่าเขาจะมีทางเลือกเพราะเขาจำเป็นจะต้องเข้าไปหาพวกอาหารมาตุนเอาไว้ และอาจจะเจอสิ่งของอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ด้านในอีกด้วย
ลู่หมิงจึงทำการเดินหน้าและฆ่าพวกซอมบี้ที่ขวางทางของเขา แต่ลู่หมิงนั้นไม่ได้ฆ่าทุกซอมบี้ทุกตัวที่เขาเจอ เพราะมันจะทำให้เขานั้นเสียเวลาจนเกินไปดังนั้นลู่หมิงจึงฆ่าเพียงแค่ซอมบี้ที่ขวางทางเขาเท่านั้น
ระหว่างนั้นลู่หมิงก็ยังคงเสาะหาสิ่งที่พอจะจำเป็นเอาไว้ด้วย อย่างเช่นพวกอาหารกระป๋อง หรืออุปกรณ์แคมป์ปิ้ง หลังจากการเสียเวลาอยู่สักพักกับพวกซอมบี้ลู่หมิงก็เดินทางมาถึงโซนขายอาหาร
แต่ดูเหมือนที่โซนนี้จะค่อนข้างวุ่นวายเนื่องด้วยมันมีการขายพวกเนื้อสดอยู่ ทำให้ที่นี้มีซอมบี้มากกว่าโซนอื่นเป็นพิเศษ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาก่อนจะไล่จัดการซอมบี้ที่ขวางทางและเดินหาสิ่งที่เขาต้องการ
น่าเสียดายที่อาหารสดส่วนใหญ่กลายเป็นอาหารของพวกซอมบี้ ส่วนที่เหลือก็มีสภาพดูไม่ได้ ดังนั้นลู่หมิงจึงทำได้เพียงหยิบพวกอาหารกระป๋องและอาหารอื่นๆที่ดูจะมีสภาพดีอยู่
หลังจากจัดการเรื่องเสบียงเสร็จแล้วลู่หมิงก็ทำการสำรวจห้างอีกสักพัก
…………………….
ลู่หมิงเดินออกมาจากห้างหลังจากเสียเวลาอยู่ที่นั่นอยู่นานพอสมควร เมื่อออกมาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว ดังนั้นลู่หมิงจึงสถานที่เงียบๆเพื่อที่จะกินมื้อเที่ยงของเขา
หลังจากมื้อเที่ยงลู่หมิงก็ทำการขับรถไปบริเวณชานเมืองของเมืองไห่ผิงอย่างใจเย็น น่าแปลกใจที่ระหว่างทางเขาพบพวกซอมบี้ไม่มากนัก แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นการเดินทางสำรวจบริเวณรอบนอกของเมืองจึงค่อนข้างเป็นไปด้วยความราบรื่นจนถึงช่วงเย็น
ลู่หมิงนั่งอยู่ในรถพร้อมกับแผนที่ของเมืองไห่ผิงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา
“บริเวณชานเมืองเกือบครึ่งถูกดูหมดแล้ว ถึงจะไม่ละเอียดนักแต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าดันเจี้ยนไม่ได้อยู่แถวนี้”
เขาคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยความลังเล
“หรือว่าฉันจะต้องเข้าไปในเมืองจริงๆ ?”
เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะปิดแผนที่ของเมืองไห่ผิงลง และขับรถกลับไปที่โรงแรม เพราะตอนนี้เรื่องที่มืดแล้วการออกไปล่าตอนกลางคืนนั้นไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะนอกจากการมองเห็นที่ถูกจำกัดแล้ว พวกซอมบี้นั้นจะกระหายเลือดมากขึ้นในช่วงเวลากลางคืนด้วย ทำให้การออกสำรวจเมืองในตอนกลางคืนนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างอันตราย
เมื่อเขากลับมาถึงโรงแรมลู่หมิงก็ทำการนำสีเรืองแสงออกมาและเดินไปยังชั้นต่างๆของโรงแรมและเขียนที่กระจกของห้องในแต่ละชั้นจนเป็นประโยคที่บอกว่า ‘ที่เมืองจิงไห่ปลอดภัย’
เขาทำแบบนี้เพื่อที่จะบอกถึงคนที่ยังหลบซ่อนอยู่ในเมืองนี้ให้เดินทางไปที่เมืองจิงไห่ เพราะการอยู่ที่เมืองนี้นั้นเป็นอะไรที่ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง แม้ในอนาคตอาจจะมีทหารมาคอยช่วยเหลือเก็บกวาดเมืองนี้ก็ตาม แต่เนื่องด้วยจำนวนของซอมบี้นับล้าน มันมากเกินไปที่หน่วยทหารจะเข้ามากวาดล้างได้
ดังนั้นทางกองทัพจะต้องไม่คิดจะมายุ่งเกี่ยวกับเมืองนี้อย่างแน่นอนเพราะมันจะเป็นการเปลืองกำลังโดยใช้เหตุ แม้เมืองนี้จะมีสถานีรถไฟใต้ดินใช้ลำเพียงกำลังพลก็ตาม แต่พวกซอมบี้นั้นไม่ใช่มอนสเตอร์ที่จะต่อสู้ด้วยสภาพภูมิประเทศ กับมอสเตอร์ชนิดสถานที่แคบอาจทำให้เราได้เปรียบ แต่สำหรับซอมบี้นั้นไม่ใช่
เพราะพวกซอมบี้นั้นจะกรูกันเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน พวกมันไม่รู้จักการถอยหรือการหนี ทำการต่อสู้กับพวกซอมบี้นั้นเผาผลาญแรงใจและแรงกายเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่อะไรทหารหน่วยสองหน่วยจะจัดการได้
ดังนั้นการออกจากเมืองนี้ไปในทันทีจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่าการอดทนรออยู่อย่างไร้ความหมาย แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขานั้นจะเลือกเส้นทางไหน ลู่หมิงไม่สามารถบังคับพวกเขาได้อยู่แล้ว
หลังจากจัดการเรื่องหน้าต่างเสร็จ ลู่หมิงก็กลับมาที่ห้องพร้อมกับส่งข้อมูลของเมืองไห่ผิงในปัจจุบันให้กับจางเจียเฉิง เพราะนั่นคือข้อตกลงเล็กๆที่เขาได้ตกลงเอาไว้กับจางเจียเฉิง เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษระดับสูงที่จางเจียเฉิงมอบให้
โดยที่ลู่หมิงจะทำการส่งข้อมูลของเมืองแต่ละเมืองที่เขาทำการเดินทางผ่านให้กับจางเจียเฉิงเพื่อบอกเล่าถึงสถานะการณ์ของโลกภายนอกให้กับจางเจียเฉิงได้รับรู้ และให้ทางกองทัพวางแผนช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในแต่ละเมือง
ลู่หมิงนอนลงบนเตียงพร้อมกับคิดเล็กน้อยเกี่ยวกับสถานะการณ์ของเขาในตอนนี้
“ดูเหมือนฉันจะต้องเข้าไปในตัวเมืองจริงๆ”
คอมเม้นต์