STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 24 การแบ่งระดับขั้นพลังเหนือธรรมชาติ สองคนอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนร่วมกัน (1)

อ่านนิยายจีนเรื่อง STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา ตอนที่ 24 การแบ่งระดับขั้นพลังเหนือธรรมชาติ สองคนอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนร่วมกัน (1) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนนี้สองคนอาจารย์ลูกศิษย์กำลังคลุ้มคลั่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ไม่ต้องกังวลแล้ว!

ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว!

อาจารย์ของเราก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์แล้ว บางทีอาจเป็นคนแรกของปรมาจารย์นักรบในยุคปัจจุบัน ลำพังแค่เงาโลหิตมีอะไรน่ากลัวกัน

ส่วนเรื่องที่ตนก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหาร หลี่ฮ่าวกลับไม่ได้คิดอะไรมาก

สิบสังหาร…ก็แค่นั้นแหละ

ในทีมล่าปีศาจทุกคนล้วนอยู่ในขั้นสิบสังหาร ซึ่งแต่ละคนก็ยังดิ้นรนกันอย่างยากลำบากอยู่ดี

หลี่ฮ่าวในตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่าการฝึกวิชายุทธเพียงสามปีแต่ก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารแล้วสื่อถึงอะไร

หยวนซั่วรู้ดีแต่กลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก

เพราะสิบสังหาร อ่อนแอจริงๆ

ยิ่งกว่านั้นนี่เป็นลูกศิษย์ของเขา ต่อให้ไม่ได้ฝึกวิชายุทธเป็นหลัก แต่มีพันยุทธ์ผู้แข็งแกร่งอย่างเขาช่วยนำทาง การเข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

อีกอย่างหลี่ฮ่าวอายุตั้งยี่สิบปีแล้ว

ก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารในวัยยี่สิบปี ความจริงก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเกินจริงอะไร หยวนซั่วยังจำได้ว่าลูกศิษย์ของเพื่อนเก่าคนหนึ่งก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารด้วยวัยเพียงสิบสองปีเท่านั้น นั่นต่างหากที่น่าทึ่ง

แน่นอนว่าลูกศิษย์ของเพื่อนเก่าตนเริ่มเรียนรู้ฝึกฝนเคล็ดวิชามาตั้งแต่เด็ก ใช้ยาวิเศษล้ำค่าชำระล้างกายตั้งแต่สามขวบ แค่จุดนี้หยวนซั่วก็คร้านที่จะพูดถึงแล้ว

อีกอย่างหลี่ฮ่าวก็ใช่ว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากวัตถุภายนอก ไม่เอ่ยถึงพลังแสงดารานี้ การที่เขาดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน

“อาจารย์!”

ตอนนี้หลี่ฮ่าวไม่สนใจเรื่องใดอีกแล้ว เขาเอ่ยเสียงดังลั่นด้วยท่าทีตื่นเต้น “ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ก็มีความเป็นอยู่ไร้เทียมทานในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติเหมือนกันใช่ไหมครับ”

นั่นมันขั้นพันยุทธ์เชียวนะ!

หยวนซั่วยิ้มกว้าง ผ่านไปพักหนึ่งคล้ายว่าเขากำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ถึงเอ่ยเสียงเนือยๆ ว่า “ประมาณนั้น…รอฉันเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้เมื่อไร ฉันก็จะไร้เทียมทานจริงๆ แล้ว!”

“ถ้ายังไม่เข้าล่ะครับ”

หลี่ฮ่าวแอบรู้สึกแปลกใจพิกล แต่ก็ซักไซ้ต่ออีกประโยคหนึ่ง

หยวนซั่วลูบหนวด…แต่กลับพบว่าหนวดหายไปแล้ว พลันก็รู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไร เขาลองครุ่นคิดดูอีกทีถึงพูดกำกวมว่า “พันยุทธ์ก็ยังเป็นยอดฝีมือเหมือนกัน!”

“ยอดฝีมือแค่ไหนเหรอครับ”

หลี่ฮ่าวยังรู้สึกไม่วางใจนัก ทำไมอาจารย์ถึงตอบกำกวมเช่นนี้

หยวนซั่วกระแอมไอทีหนึ่ง วันดี ๆ แบบนี้เธอถามมากไปแล้ว

อารมณ์พลุ่งพล่านเมื่อครู่มลายหายไปแล้ว หยวนซั่วพูดเสียงเรียบอย่างใจเย็นว่า “หลี่ฮ่าว เธอต้องรู้ไว้ว่าพลังเหนือธรรมชาติ ใช่ว่าจะเก่งกาจกันทุกคน! อย่างเช่นคนธรรมดาที่ก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ เริ่มแรกจะมีความสามารถเทียบเท่าสิบสังหาร แต่เวลาผ่านไปสักระยะถึงจะพัฒนาขึ้นเทียบเท่าระดับทะลวงร้อยได้…ส่วนทะลวงร้อย ความจริงก็มีความต่างกันอยู่มาก ต่อให้จะอยู่ขั้นทะลวงเก้าร้อยแต่ก็ยังคงอยู่ในขอบเขตทะลวงร้อย ส่วนทะลวงหนึ่งร้อยก็คือขอบเขตทะลวงร้อยเหมือนกัน!”

หลี่ฮ่าวข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ตอนนี้เขาต้องการที่จะรู้คำตอบเหลือเกินว่าอาจารย์จะเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานได้หรือไม่จึงถามตัดบทไปตรงๆ ว่า “อาจารย์ อาจารย์…เมื่อกี้คงไม่ได้กำลังโม้หรอกนะครับ”

“เหอะ!”

หยวนซั่วหัวเราะดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างมาก

เขาชี้นิ้วขึ้นท้องฟ้า เริ่มแสดงท่าทีโอหังอีกครั้ง “ฉันจะพูดอย่างนี้แล้วกัน จากระดับความสามารถของฉัน ทั่วทั้งมณฑลหยินเยวี่ย คนที่จะเอาชนะฉันได้มีแค่สามถึงห้าคน!”

ทั่วทั้งมณฑลหยินเยวี่ยสามสิบสองเมือง เขาอยู่ในห้าอันดับแรกอย่างนั้นหรือ

หลี่ฮ่าวได้ยินก็ยังรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

มณฑลหยินเยวี่ยใหญ่ขนาดไหน

มีคนมากเท่าไร

เมืองหยินนับว่าเป็นเมืองเล็กที่ล้าหลังมากแล้ว ลำพังแค่เมืองเอกประจำมณฑลอย่างเมืองไป๋เยวี่ยก็มีประชากรอยู่ทั้งหมดสามสิบล้านคนแล้ว!

ส่วนเมืองหยิน มีประชากรหลักล้านคน

เทียบกับเมืองไป๋เยวี่ยแล้วก็แค่หยิบมือเดียวเท่านั้น

เมืองอื่นๆ ที่ขนาดเล็กใกล้เคียงกับเมืองหยิน ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าเมืองไป๋เยวี่ย แต่เมืองเย่ากวงที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ประชากรก็ใกล้จะทะลุหลักสิบล้านแล้ว

ทั่วทั้งหยินเยวี่ยประชากรเกือบจะหลักร้อยล้านด้วยซ้ำ!

ประชากรมากมายขนาดนั้น มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ถมเถไป อาจารย์จะอยู่ในห้าอันดับแรกได้อย่างนั้นหรือ

“อาจารย์ ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ แข็งแกร่งขนาดนี้ แล้ว…”

เขายังพูดไม่จบดีก็ถูกประโยคถัดไปของหยวนซั่วขัดจนเกือบล้มหน้าทิ่ม

“สามถึงห้าคนที่เอาชนะฉันได้ หมายถึงคนที่มีระดับอยู่เหนือกว่าฉันนะ แต่ถ้าดูจากระดับขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติที่มีระดับใกล้เคียงกับฉัน…ก็อาจจะหลายสิบคนละมั้ง!”

หยวนซั่วพูดแก้เก้ออย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าหากเขาก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้ พวกคนที่มีระดับเหนือกว่าเขา แข็งแกร่งกว่าเขา ถึงเวลานั้นใช่ว่าจะเอาชนะเขาได้เสมอไป

หลี่ฮ่าวทำท่าผิดหวังก่อนจะไตร่ตรองดูอีกทีถึงพบว่า แบบนี้ก็เก่งมากเหมือนกันนี่นา!

ผู้กล้าที่ระดับฝีมือสูสีกัน มณฑลกว้างใหญ่อย่างหยินเยวี่ยก็เหมือนจะมีไม่มากหรือเปล่า

ในเมื่ออาจารย์ไม่เคยก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติมาก่อน แกร่งได้ขนาดนี้ก็น่าทึ่งมากแล้ว

“อาจารย์ ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ ก้าวสู่ระดับขั้นพันยุทธ์ง่ายมากเหรอครับ”

“ง่ายอย่างนั้นเหรอ”

หยวนซั่วหัวเราะ “ไม่ง่ายเท่าไร แต่ง่ายกว่าปรมาจารย์นักรบมากโข! อธิบายอย่างนี้แล้วกัน พลังเหนือธรรมชาติก็แบ่งระดับขั้นเหมือนกัน พลังเหนือธรรมชาติที่มีระดับเทียบเท่าพันยุทธ์ ในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติเรียกกันว่าขั้นสุริยะพราย! ผู้กล้าในขอบเขตขั้นสุริยะพรายมีความสามารถเทียบเท่าพันยุทธ์ในขอบเขตปรมาจารย์นักรบ! ส่วนทั่วทั้งหยินเยวี่ย คนที่อยู่ขั้นสุริยะพรายมีไม่น้อย แทบจะมีขั้นสุริยะพรายประจำอยู่ตามแต่ละเมืองใหญ่”

“แต่ถ้าจะบอกว่าง่าย หากเปรียบเทียบกับอย่างอื่น อย่างน้อยก็ง่ายกว่าขอบเขตปรมาจารย์นักรบ…”

เขาถอนหายใจเสียงเบาทีหนึ่งแล้วส่ายหน้ากล่าว “หากพูดถึงปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ บางทีฉันอาจจะเป็นคนสุดท้ายในรอบยี่สิบปีนี้แล้ว!”

ยี่สิบปีก่อนอาจจะมี

แต่ตอนนี้เขาไม่เคยได้ยินใครพูดถึงมาก่อน บางทีอาจยังมีอยู่ หากไม่เก็บตัวก็คงรอโอกาสอยู่เงียบๆ ว่าจะเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้หรือไม่ หรือจะก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติไปตรงๆ เลยดี

ส่วนจะอยู่ในหยินเยวี่ยหรือไม่นั้นเรื่องนี้คงไม่จำเป็น เขาไม่ออกจากหยินเยวี่ยมาหลายปีแล้วจึงไม่รู้เรื่องโลกภายนอกเท่าไร

ในเวลานี้หลี่ฮ่าวก็จำชื่อนี้เอาไว้

ขั้นสุริยะพราย!

ในบรรดาผู้กล้าที่มีพลังเหนือธรรมชาติซึ่งอยู่ระดับเทียบเท่าพันยุทธ์ ล้วนเป็นผู้กล้าขอบเขตพันยุทธ์ที่ถูกขนานนามว่าเทพเซียนแห่งพื้นพิภพ ท่ามกลางพลังเหนือธรรมชาติก็ใช่ว่าจะไร้เทียมทานเสมอไป ในหยินเยวี่ยก็มีราวนับสิบคนได้

แล้วเงาโลหิตอยู่ในระดับไหนกันนะ

หลี่ฮ่าวกลัวว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้อาจารย์เลยถามประโยคหนึ่ง “อาจารย์ครับ อาจารย์ก้าวสู่พันยุทธ์แล้วจะจัดการผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ฆ่าเสี่ยวหย่วนได้ไหมครับ แล้วถ้าอีกฝ่ายมีสังกัดองค์กรมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่มาก แบบนั้นจะสามารถจัดการได้ไหมครับ”

“เข้าไปพูดกันข้างในเถอะ!”

หยวนซั่วกวาดตามองข้างนอกแวบหนึ่งแล้วกดเสียงให้เบาลงเอ่ย “เข้าไปหลบข้างใน เกิดการเปลี่ยนแปลงมากพอตัว อยู่เงียบๆ หน่อยแล้วกัน!”

หลี่ฮ่าวเข้าใจในทันที จากนั้นทั้งสองก็เดินมุ่งหน้าไปยังลานเล็กๆ ของตัวบ้านแห่งนี้

……

ในห้องรับแขกกลิ่นอายสไตล์โบราณ พื้นที่ห้องกว้างขวาง

พอเดินเข้าตัวบ้านไป หยวนซั่วกลับไม่ได้รีบร้อนที่จะสนทนากับหลี่ฮ่าว แต่เดินไปตรงหน้ากระจกส่องกระจกก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจถึงกลับไปที่ห้องรับแขก

ดูท่าทางหลงตัวเองไม่เบา

หลี่ฮ่าวถือซะว่ามองไม่เห็นแล้วกัน

“ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ฆ่าจางหย่วน เท่าที่ฉันดูไม่ถือว่าอ่อนแอ แต่…ก็คงไม่แข็งแกร่งอะไรมาก!”

หยวนซั่วพูดวิเคราะห์ “ถ้าแข็งแกร่งมาก จางหย่วนคงไม่มีโอกาสเดินออกจากหอพักได้แต่ถูกไฟครอกตัวจนไหม้เป็นเถ้าถ่านไปอย่างเงียบๆ ทว่าเขาเดินออกมาได้ เช่นนั้นแสดงว่าคนที่ฆ่าเขา หรือกระทั่งพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างมีอยู่อย่างจำกัด!”

“แน่นอนว่าไม่สามารถตัดสินได้ว่าอีกฝ่ายอ่อนแอมาก วางแผนมาได้สิบกว่าปีย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ตอนนี้แค่ต้องดูว่าอีกฝ่ายลงมือเพราะองค์กรหรือเพราะเรื่องส่วนตัว”

หลี่ฮ่าวคิดๆ แล้วก็ตอบ “น่าจะเป็นองค์กร!”

“ไหนว่ามาสิ”

หยวนซั่วมองไปยังหลี่ฮ่าวเหมือนกำลังทดสอบ

หลี่ฮ่าววิเคราะห์กล่าว “ผมสัมผัสลองรื่องดา่าเขา กจากหอพักได้แต่ทีตัวตนของอีกฝ่ายได้จากนอกบ้านของจางหย่วน เรียกว่าเฝ้าจับตาดูด้วยซ้ำ! แถมผมยังพบว่าเคยมีคนสะกดรอยตามผมตอนอยู่ด้านนอกกองตรวจการณ์ ขับรถมา อาจจะเป็นคนธรรมดา แต่ก็อาจจะเป็นคนที่สะกดรอยตามเช่นกัน”

“ตัวการหลักที่วางแผนคงไม่ใจกล้าพอถึงเอาแต่ติดตามเฝ้าดูผมอยู่ไม่ห่าง แต่นั่นไม่จำเป็นเลยในเมื่อผมอ่อนแอมากขนาดนี้”

“ดังนั้นอีกฝ่ายต้องไม่ใช่แค่คนเดียว แต่รายละเอียดมีกี่คน มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติกี่คน ผมตัดสินไม่ได้”

พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองหยวนซั่ว “อาจารย์ครับ แล้วจะตัดสินว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนั้นอ่อนแอหรือแข็งแกร่งยังไงเหรอ”

“ตัดสินยาก”

หยวนซั่วตอบตรงๆ “ปรมาจารย์นักรบก็เหมือนกัน! หากเธอไม่แสดงมุมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมา ความจริงก็ยากจะตัดสินความสามารถที่แท้จริงได้ เรื่องความสามารถ ต้องลงมือถึงจะตัดสินมาตรฐานได้อย่างถูกต้อง”

“ส่วนเครื่องวัดพลังเหนือธรรมชาติอะไรนั่น เหลวไหลทั้งเพ!”

หยวนซั่วทำท่าหยามเหยียด “ของพรรค์นั้น ฉันก็มีส่วนช่วยเหมือนกัน มีประโยชน์อยู่บ้างแต่ใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก! อย่างเช่นปรมาจารย์สุริยะพรายท่านหนึ่ง เขาสามารถย่อพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของตัวเองได้ ลดการกระจายของพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติลงได้ แต่สิ่งที่เธอตรวจเจออาจเป็นเพียงคลื่นพลังเหนือธรรมชาติอ่อนๆ แล้วเธอจะตัดสินความสามารถของเขาได้เช่นไรล่ะ”

มันก็ใช่แฮะ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด