STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 24-2 การแบ่งระดับขั้นพลังเหนือธรรมชาติ สองคนอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนร่วมกัน (2)

อ่านนิยายจีนเรื่อง STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา ตอนที่ 24-2 การแบ่งระดับขั้นพลังเหนือธรรมชาติ สองคนอาจารย์ลูกศิษย์วางแผนร่วมกัน (2) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลี่ฮ่าวนึกถึงดวงตาของตนเพราะมันแตกต่างจากคนอื่น เขาสามารถมองเห็นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ แล้วแบบนี้เขาจะสามารถตัดสินได้จากพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติที่เห็นไหมนะ

พอนึกถึงเรื่องนี้หลี่ฮ่าวก็เอ่ยถามอย่างร้อนใจอีกครั้งว่า “อาจารย์ครับ แต่ละระดับขั้นของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะมีความเข้มข้นของพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติในร่างกายต่างกันใช่ไหมครับ”

“ถามไร้สาระ แน่นอนอยู่แล้วสิ!”

หยวนซั่วพยักหน้า “พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติยิ่งแกร่ง ยิ่งเข้มข้นมากเท่าไรก็ยิ่งเก่งกาจมากเท่านั้น! แน่นอนว่ายังไม่ได้พิจารณาจากสถานการณ์ต่อสู้หรือตอนใช้งานจริง เช่นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติท่านหนึ่ง เขาถนัดด้านการรักษา บางทีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอาจจะแกร่งมาก แต่ใช่ว่าจะเอาชนะคนที่อ่อนแอกว่าเขาได้ นี่ยังต้องดูความสามารถเฉพาะบุคคลด้วย”

เข้าใจแล้ว!

“แล้วพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติในแต่ละระดับ มีจุดแตกต่างตรงไหนบ้างครับ”

หลี่ฮ่าวแปลกใจ “ผมเคยเห็นกระจกครอบผลึกเหมันต์อันหนึ่งของทีมล่าปีศาจ เจ้านั่นช่วยทำให้เห็นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ แบบนี้แล้วเท่ากับว่าพลังลี้ลับเหนือธรรมชาตินั้นๆ มีสภาวะที่ต่างกัน ระดับขั้นที่ต่างกัน ความสามารถที่ต่างกัน”

“แน่นอนสิ!”

นี่ก็เป็นความสามารถเฉพาะตัวของหยวนซั่ว กระจกครอบผลึกเหมันต์เขาเป็นผู้ค้นพบเอง แม้แต่วิธีที่ย้อมพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเขาก็มีส่วนร่วมในการคิดค้นเช่นกัน

เขาพยักหน้ากล่าว “งั้นยังไม่พูดถึงคนที่แกร่งกว่าฉันในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติแล้วกัน เราเปรียบกับปรมาจารย์นักรบก็พอ ตอนที่เพิ่งก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติถ้าปรากฏให้เห็นได้ก็จะเหมือนแสงดารา นี่คือที่มาของชื่อปรมาจารย์แสงดารา! ความจริงปรมาจารย์แสงดาราไม่ได้เหมารวมผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั้งหมด แต่หมายถึงระดับขั้นที่หนึ่ง แค่ทุกคนชินกับการเรียกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติว่าเป็นปรมาจารย์แสงดาราก็เท่านั้น!”

ปรมาจารย์แสงดารา!

ระดับขั้นที่หนึ่งอย่างนั้นเหรอ!

หลี่ฮ่าวรีบถามต่อ “หมายความว่า ปรมาจารย์แสงดาราก็แค่ขอบเขตสิบสังหารเท่านั้นเองเหรอครับ”

รู้สึกว่า…อ่อนแอจัง!

เราขั้นสิบสังหารแล้วด้วยซ้ำ!

“คงจะประมาณนั้นละมั้ง! แน่นอนว่าทุกคนมีความถนัดต่างกัน ความจริงถ้าลงมือต่อสู้กันจริงๆ ก็ยากจะตัดสินได้ว่าใครอ่อนแอกว่าใครแกร่งกว่า”

“ระดับขั้นที่สองของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เวลานั้นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติคงจะสว่างมากกว่าหน่อย เหมือนแสงตอนดาวเต็มฟ้า ระดับขั้นนี้ถูกเรียกว่าปรมาจารย์จันทราทมิฬ!”

หลี่ฮ่าวทำหน้าจริงจังคอยตั้งใจฟัง

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนอธิบายเรื่องขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติให้เขาฟัง ก่อนหน้าทีมล่าปีศาจไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้เลยเพราะพวกเขาต่างยังไม่ก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ

แม้หยวนซั่วก็ยังไม่ก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติเหมือนกัน แต่เขากลับมีความเข้าใจเรื่องพลังเหนือธรรมชาติอย่างมาก

เพราะเขาก็ทำงานสายนี้อยู่แล้ว!

“แสงดารา จันทราทมิฬ สุริยะพราย…คงพอๆ กับสิบสังหาร ทะลวงร้อย พันยุทธ์หรือเปล่า”

“แต่จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกทั้งหมด!”

ถึงหยวนซั่วจะยังไม่อยากยอมรับแต่ตอนนี้ก็ยังปริปากเอ่ยว่า “ในแง่ระดับขั้นเดียวกัน นอกจากปรมาจารย์ขั้นพันยุทธ์แล้ว ไม่อย่างนั้นสถานการณ์โดยทั่วไปก็คงเอาชนะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในระดับเดียวกันไม่ได้”

“ทำไมล่ะครับ”

หลี่ฮ่าวคาดไม่ถึง ทำไมล่ะ ก็อยู่ในระดับเดียวกันไม่ใช่เหรอ

หยวนซั่วหัวเราะ ทำท่าระอาใจหน่อยๆ “พูดแบบนี้แล้วกัน ปรมาจารย์นักรบ โจมตีได้ด้วยหลักฟิสิกส์! ส่วนพลังเหนือธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับฟิสิกส์แล้ว ยกตัวอย่างสองคนข้างนอกเมื่อกี้แล้วกัน ผู้ชายหนึ่งในนั้นบินได้…เช่นนั้นเขาอาจจะเพิ่งเข้าสู่จันทราทมิฬได้ไม่นาน! ตอนนี้ฉันเป็นพันยุทธ์แล้ว แต่ถ้าเขาเตรียมตัวล่วงหน้าแล้วบินค้างอยู่กลางอากาศไม่ลงมาเช่นนั้น…เธอว่า ฉันควรทำยังไง”

“อาจารย์ก็บินได้เหมือนกัน!”

“…”

หยวนซั่วเริ่มเอือมระอาขึ้นมาจริงๆ แล้ว “ฉันบินไม่ได้ สิ่งที่ฉันทำเรียกว่าอาศัยแรงกระโดด ฉะนั้นจะค้างอยู่นานไม่ได้ ขอแค่เขาไม่สูญเสียพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไปจนสิ้นก็จะยังสามารถบินได้ตลอด มันไม่เหมือนกัน!”

ฉับพลันก็เอ่ยติดโอ้อวดว่า “แน่นอนว่าถ้าฉันอยากฆ่าเขาก็เป็นแค่เรื่องหมัดเดียวเท่านั้น! ต่อให้เขาบินได้ก็เปล่าประโยชน์ มาถึงระดับขั้นพันยุทธ์แล้ว ปรมาจารย์นักรบย่อมมีพลังวิเศษบางอย่าง ดังนั้นปรมาจารย์นักรบมีแค่ระดับขั้นพันยุทธ์ ถึงจะเทียบเคียงกับสุริยะพรายของอีกฝ่ายได้! ส่วนระดับขั้นที่อยู่ก่อนหน้านี้จะอ่อนแอกว่าหน่อย”

หลี่ฮ่าวไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ทำได้แค่เชื่อเท่านั้น

พอเขานึกถึงสองคนข้างนอกก็อดพูดไม่ได้ว่า “ก็เท่ากับว่าสองคนข้างนอกเมื่อกี้อาจจะเก่งกว่าหัวหน้าหลิวทั้งคู่เลยเหรอครับ”

พลังเหนือธรรมชาติ…น่ากลัวเหลือเกิน!

จากที่มองไกลๆ เมื่อครู่ สองคนนี้ยังอายุน้อยทั้งคู่เลยนี่นา

อีกอย่างหลิวหลงพร่ำฝึกวิชายุทธมานับสิบปีกลับสู้เด็กหนุ่มสาวสองคนนั้นไม่ได้

“ไม่เลย!”

หยวนซั่วส่ายหน้า “หลิวหลงอายุสี่สิบกว่าปี ฝึกวิชายุทธมายี่สิบสามสิบปี ไม่ว่าจะด้วยประสบการณ์หรือเจอเหตุการณ์ที่ผ่านมามากกว่าพวกเขาเยอะ สองคนนี้ถ้าสู้กับหลิวหลงโอกาสที่ตายมีมากกว่า!”

มิน่า!

มิน่าหลิวหลงถึงบอกว่า ถ้าเขาจัดการไม่ได้ ต่อให้ทางเมืองหยินมีผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์

เงาโลหิตมีความสามารถระดับไหนนะ

หลี่ฮ่าวย้อนนึกคิดอยู่ครู่หนึ่ง บนตัวเงาโลหิตเหมือนไม่มีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอะไร

เช่นนี้แล้ว…เงาโลหิตไม่มีระดับขั้นหรือ

คนที่อยู่เบื้องหลังเงาโลหิตต่างหากที่มีระดับขั้นใช่ไหมนะ

แต่เราไม่เห็นตัวตนใครที่อยู่เบื้องหลังพวกมันเลยสักคน!

เขานึกถึงอีกคนที่เคยเจอเหมือนกัน หวังหมิง!

พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของหวังหมิงเขาก็เคยเห็น มันสว่างมาก สว่างกว่าที่อยู่บนตัวหลิวหลงเสียอีก หรือว่าหวังหมิงก็อยู่ระดับจันทราทมิฬเหมือนกันนะ

ส่วนสุริยะพราย คงยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก

จากที่อาจารย์พูด ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในระดับขั้นสุริยะพรายมีไม่มาก บางทีทั้งเมืองหนึ่งอาจมีแค่คนเดียวและยังไม่รวมเมืองเล็กอย่างเมืองหยิน อีกอย่างฝีมือของสุริยะพรายก็ทัดเทียมสูสีกับปรมาจารย์พันยุทธ์ ความจริงหลี่ฮ่าวพอจะสัมผัสความแข็งแกร่งของอาจารย์ได้เมื่อครู่แล้ว

หวังหมิงด้อยกว่ามากอย่างชัดเจน

‘หวังหมิงคนนั้น บางทีอาจเป็นปรมาจารย์จันทราทมิฬ ไม่ต่างจากสองคนข้างนอกเมื่อครู่เท่าไร…’

ผู้พิทักษ์รัตติกาลที่อยู่ระดับขั้นจันทราทมิฬสามคนโผล่มาเมืองหยิน สองคนคอยปกป้องอาจารย์ อีกคนคอยแฝงตัวอยู่ในที่ลับ ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็เหมือนจะให้ความสำคัญอยู่ค่อนข้างมาก

นึกถึงตรงนี้หลี่ฮ่าวก็รีบเอ่ยว่า “ห้องเก็บแฟ้มคดีของกองตรวจการณ์มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาใหม่คนหนึ่ง อาจจะเป็นปรมาจารย์จันทราทมิฬ!”

“หืม”

หยวนซั่วชะงักน้อยๆ ไม่รู้ว่าหลี่ฮ่าวรู้ได้อย่างไรเลยไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มกล่าวว่า “น่าสนใจ เห็นทีคนที่ฆ่าจางหย่วนจะไม่ธรรมดา! ผู้พิทักษ์รัตติกาลน่าจะรู้ ถึงขั้นเดาสถานะอีกฝ่ายได้ ถึงได้ทำอะไรระมัดระวังตัวแบบนี้…”

“อาจารย์ ผมยังไม่มั่นใจเท่าไร อีกฝ่ายคือคนที่อยู่เบื้องหลังคดีฆ่าจางหย่วนหรือเปล่า”

“คงไม่ขนาดนั้น!”

หยวนซั่วส่ายหน้าทันที “เธอคิดว่ากองตรวจการณ์เข้าง่ายจริงเหรอ เขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหรือไม่นั้นความจริงกองตรวจการณ์ก็สามารถสืบได้ นี่ก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายเข้ามาอยู่กองตรวจการณ์ คนอื่นไม่ว่า แต่ผู้อำนวยการของพวกเธอต้องรู้แน่ๆ! รู้แน่ๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์! นอกจากว่าผู้อำนวยการของพวกเธอก็กลายเป็นพวกเดียวกันไปแล้ว ไม่อย่างนั้นหมอนั่นต้องเป็นคนของผู้พิทักษ์รัตติกาลแน่นอน!”

หลี่ฮ่าวถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง ยังดี เพราะเขากลัวเหลือเกินว่าจะเป็นคนของเงาโลหิต

สองอาจารย์ลูกศิษย์คุยกันอีกสักพัก

ถึงตอนนี้หยวนซั่วจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เรื่องอื่นไม่ว่า แต่กระบี่เล่มนั้นของเธอ…รักษาไว้ให้ดีละ!”

เมื่อกี้เขาคืนจี้หยกกระบี่ให้หลี่ฮ่าวไปแล้ว

เขาดูดซับไปมากจนตัวเองก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะยังดูดซับพลังได้อีก นี่มันออกจะเกินความคาดหมายไปหน่อย

เพราะนี่จะมีมากเกินไปแล้ว!

“ครับ”

หลี่ฮ่าวพยักหน้า ตอนนี้เขารู้คุณค่าของจี้หยกกระบี่ขึ้นมาแล้ว

ความจริงก่อนดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของทีมล่าปีศาจ เขาก็พอจะสัมผัสได้

หยวนซั่วคิดๆ แล้วพูดว่า “อีกอย่าง ถึงฉันจะเป็นพันยุทธ์แล้ว แต่คิดจะก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติพัฒนาขึ้นไปอีกก้าว เกรงว่าก็ยังยากมากอยู่ดี ประเด็นสำคัญคือขาดแคลนพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ! ไม่ใช่อย่างที่เธอมี อย่างเธอไม่ได้มีไว้ใช้สำหรับต่อสู้ ของแบบนี้มีไว้เสริมสร้างความแข็งแกร่งของรากฐานร่างกาย ล้ำค่ากว่าพลังแบบนั้นเป็นร้อยเท่า!”

“จากความสามารถของพันยุทธ์อย่างฉัน หากคิดจะก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ ถ้าไม่มีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติสักร้อยถึงพันลูกบาศก์ให้ฉันดูดซับละก็คงยาก!”

หลี่ฮ่าวเริ่มคำนวณอย่างรวดเร็ว

ราคาตลาดมืด หนึ่งลูกบาศก์ใช้เงินหนึ่งล้าน

หากลองคำนวณปริมาณที่อาจารย์ต้องการสักหนึ่งพันลูกบาศก์เพื่อเลื่อนขั้นต้องใช้เงินเท่าไรนะ

พันล้านหรือ

หลี่ฮ่าวกลืนน้ำลาย อย่าเชียวนะ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

อาจารย์น่าจะไม่มีเงินมากขนาดนั้นอยู่แล้ว แม้คิดว่าอาจารย์จะค่อนข้างรวยก็เถอะ

แน่นอนว่าสำหรับหยวนซั่วแล้ว ถ้าสามารถซื้อได้ด้วยเงิน ความจริงคงเป็นเรื่องง่ายดายมาก เพียงแต่การค้าขายในปริมาณมากเช่นนั้น ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่มีทางที่จะไม่รู้ องค์กรอื่นๆ ก็ไม่มีทางที่จะไม่รู้เช่นกัน

วิธีนี้ใช้ไม่ได้!

เขามองหลี่ฮ่าว เงียบไปอึดใจหนึ่งแล้วกล่าว “ตอนนี้ฉันยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผยใบหน้าเพราะฉันยังมีศัตรูเหลืออยู่ ถึงจะไม่อยู่ในหยินเยวี่ย แต่ความสามารถก็ไม่ได้กระจอก! พวกเราเก็บตัวหน่อยจะดีกว่า…”

หลี่ฮ่าวยิ้มขมขื่น เมื่อกี้ยังบอกว่าจะกวาดล้างทั่วใต้หล้าโดยไม่เกรงกลัวสิ่งใดอยู่แหนะ!

คำพูดของอาจารย์ จริงสามส่วนปลอมเจ็ดส่วนตามคาด

หยวนซั่วพูดเสริมอีก “แน่นอนว่าถ้าฉันได้เลื่อนขั้นก็คงได้กวาดล้างโลกจริงๆ หลังจากนี้เธอจะทำอะไรก็ไม่ใช่ปัญหา!”

“ตอนนี้ถ่อมตัวไปก่อนสักระยะ อย่าเพิ่งรีบร้อน!”

หยวนซั่วหัวเราะ “ส่วนอันตรายครั้งนี้ ขอฉันสังเกตการณ์ก่อน…ถ้าอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไปก็ฆ่ามันทิ้งซะ! แต่ถ้าแข็งแกร่งมาก…”

เขาหัวเราะ “ให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นแพะรับบาปแทนแล้วกัน!”

“…”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด