STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 25-3 พึงพอใจอย่างมาก (3)
ตอนที่ 25 พึงพอใจอย่างมาก (3)
พวกเขาสองคนคุยต่อกันอีกครู่หนึ่ง หลี่ฮ่าวถึงวางสายไป
สีหน้าสงบเรียบนิ่ง
ไร้ซึ่งความเคร่งเครียดเป็นกังวลเหมือนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ฝีมือการแสดงใช้ได้แฮะ ถึงแม้หลิวหลงจะกำลังช่วยตนอยู่ก็จริง แต่หลี่ฮ่าวยังต้องทำความเข้าใจเรื่องพลังลี้ลับเหล่านี้อีกมาก และต้องได้รับมันมากกว่านี้ด้วย
คนขี้เหนียวอย่างหลิวหลงนั่นบอกว่าหากเขาทำภารกิจสำเร็จโดยการลอบสังหารเงาโลหิตได้ เขาก็จะให้รางวัลเป็นพลังลี้ลับสองสามลูกบาศก์แก่ตน…แต่หลี่ฮ่าวไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะปริมาณออกจะน้อยไปสักหน่อย
เหลือก็คือเหลือ ในเมื่อเหลือก็หมายความว่าไม่เหมาะสมกับคนอื่น เช่นนั้นสู้เอามาให้เขาลองดูดซับดูยังดีกว่า
ส่วนเรื่องปริมาณการดูดซับที่จำกัดของแต่ละคน ดูดซับไปมากไม่ใช่ผลดี แต่หลี่ฮ่าวไม่ได้มีสถานการณ์เช่นนั้น พลังแสงดาราคือตัวช่วยที่จะช่วยลดแรงกระแทกของพลังลี้ลับได้ดีที่สุดแล้ว
“เปิดโปงหวังหมิงให้ได้ ไม่ว่าหวังหมิงจะมีสถานะใด แต่ความปลอดภัยต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว”
“นอกจากนี้ยังได้พลังลี้ลับมาอีกสองลูกบาศก์ด้วย ก็ไม่เลวนี่นา”
“อีกประเด็นหนึ่งก็คือทำให้สายตาของทุกคนพุ่งเป้าไปที่กระบี่นั่น ความลับที่จี้หยกของเราจะถูกเปิดโปงก็เป็นไปได้น้อยมากแล้ว”
หลี่ฮ่าวคาดการณ์ดูแล้ว จากนั้นก็นึกพอใจในการแสดงของตนไม่น้อย
แน่นอนว่าหากเทียบกับอาจารย์แล้วอาจจะแย่กว่าสักหน่อย
อาจารย์จัดการเจ้าหมอนั้นจนอาการปางตาย แต่อีกฝ่ายกลับยังคิดหาวิธีรักษาแผลให้เขาเพราะกลัวเขาตาย
หากเทียบกันเช่นนี้แล้ว หลี่ฮ่าวรู้สึกว่าตนยังต้องเรียนรู้จากอาจารย์อีกมาก นี่ต่างหากที่เรียกว่าตัวอย่าง
พลังลี้ลับสองลูกบาศก์ อาจารย์คงไม่เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“ภารกิจอันหนักหน่วงกับเส้นทางข้างหน้าที่อีกยาวไกล!”
……
หลี่ฮ่าวกลับไปที่ห้องอาหารส่วนตัว
สมแล้วที่หวังหมิงเป็นคนมีเงิน เพราะมีเพียงพวกเขาทานกันสามคนแต่หวังหมิงกลับสั่งอาหารไปตั้งสิบกว่าอย่าง อาหารบางอย่างหลี่ฮ่าวยังไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนด้วยซ้ำ หากเทียบกับหวังหมิงแล้วหลี่ฮ่าวค้นพบว่าความจริงตนก็เป็นแค่ยาจกคนหนึ่งเท่านั้น
ระหว่างทานอาหาร ฉับพลันเฉินน่าก็เอ่ยด้วยท่าทีลึกลับว่า “เสี่ยวหมิง นายเป็นคนไป๋เยวี่ย แต่นั่นเป็นเมืองใหญ่เชียวนะ นายบอกความจริงมาซะดีๆ ว่านายมาเมืองหยินครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
หวังหมิงผงะไป หลุดเผยไต๋ไปแล้วหรือ
ไม่หรอกมั้ง!
ครั้นเห็นท่าทีเช่นนี้ของเขาเฉินน่าก็ทำสีหน้าเข้าใจในทันที ทว่าพอเห็นสีหน้างงงวยของหลี่ฮ่าวเช่นนั้นก็ถอนหายใจเอ่ย “หลี่ฮ่าวนายนี่นะ อย่างไรเสียก็เป็นถึงนักศึกษาของกู่ย่วนแต่กลับไม่เข้าใจความสำคัญที่แฝงอยู่ในนั้นเลย! ฉันได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว นายรู้ไหมว่าเมืองหยินของเราอาจจะต้องเลือกคนเพื่อไปเมืองไป๋เยวี่ยล่ะ!”
หลี่ฮ่าวเอ่ยอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำอะไรเหรอ ฝึกอบรมหรือว่าเลื่อนขั้น?”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นแหละ!”
เฉินน่ามองหวังหมิงแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้าถอนหายใจ “นายไม่รู้แต่เสี่ยวหมิงอาจจะรู้ก็ได้! ทุกๆ สิ้นปีกองตรวจการณ์เมืองหยินมักจะมีพวกเด็กวัยหนุ่มสาวบางส่วนหายตัวไปเมืองไป๋เยวี่ยเพื่อร่วมการคัดเลือกสักครั้ง! หากสำเร็จก็อาจจะกลายเป็น…เหมือนบุคคลในตำนาน!”
เวลานี้หวังหมิงถึงลอบพรูลมหายใจ เขาเข้าใจแล้ว
นี่ก็คือการคัดเลือกผู้พิทักษ์รัตติกาลอย่างไรล่ะ!
ทำเอาเขาตกอกตกใจหมด นึกว่าหลุดเผยไต๋ไปแล้วจริงๆ
หลี่ฮ่าวย่อมรู้อยู่แล้วว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลจะเลือกคนบางกลุ่มในเมืองหยินไปเข้าร่วมการดึงพลังเข้าสู่ร่างกายเช่นกัน
ส่วนอัตราความสำเร็จก็คือหนึ่งในร้อย
เรื่องนี้หลิวหลงเคยเอ่ยถึงมาก่อน
เห็นได้ชัดว่าเฉินน่าเข้าใจผิด หล่อนเข้าใจว่าหวังหมิงมาจากไป๋เยวี่ยก็เพราะการแข่งขันในเมืองไป๋เยวี่ยมีความกดดันสูง ดังนั้นเลยมาเอาโควตาของเมืองหยินแทน
หลี่ฮ่าวยังแสร้งทำทีไม่เข้าใจเหมือนเคย “เฉินน่า พี่พูดถึงเรื่องอะไรกัน บุคคลในตำนานงั้นเหรอ”
“บอกแล้วว่านายไม่เข้าใจหรอก! น่าเสียดาย…หลี่ฮ่าว ความจริงนายลองไปหาอาจารย์ของนายดูได้นะ เสี่ยวหมิงพอจะรู้เรื่องนี้บ้างใช่ไหมล่ะ?”
หวังหมิงพยักหน้ายิ้มกล่าว “พอรู้บ้างนิดหน่อยครับ”
“ฉันว่าแล้วไง!”
เฉินน่าเอ่ยอย่างได้ใจ คนในเมืองใหญ่อย่างพวกนายมีจิตใจคับแคบกันมาก! เสี่ยวหมิง ตอนนายอยู่เมืองไป๋เยวี่ย นายเคยเจอบุคคลในตำนานนั้นตัวจริงไหม?”
บุคคลในตำนาน…
หวังหมิงพูดไม่ออก เขาขบคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจพูดอยู่สองประโยค ในเมื่อตอนนี้หล่อนเข้าใจว่าตนมาแย่งโควต้าที่นี่แล้ว หากไม่เข้าใจอะไรเลยก็คงไม่มีใครเชื่อ
“เคยก็เคยเจออยู่หรอก แต่ไม่เคยทำความรู้จักลึกซึ้งอะไรด้วย”
ครั้นเห็นหลี่ฮ่าวทำสีหน้าเหมือนเข้าใจ หวังหมิงก็รู้เลยว่าเจ้าหมอนี่คงรู้เรื่องอะไรมาจากหลิวหลงบ้างพอควร คิดๆ ดูแล้วเขาคงพูดอะไรมากไม่ค่อยได้ และพูดโกหกไม่ได้ด้วยเช่นกัน
“ความจริงคนพวกนั้นก็เป็นแค่กลุ่มคนธรรมดาที่มีพลังเหนือธรรมชาติ ซึ่งความจริงก็เป็นส่วนหนึ่งของกองตรวจการณ์เช่นกัน เพียงแต่มีจำนวนไม่มากนัก ทุกปีจะเลือกคนบางส่วนเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือก จากนั้นถึงจะดึงเข้าองค์กรครับ!”
หลี่ฮ่าวนึกแปลกใจอยู่บ้างแต่ก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ถ้านายพูดเช่นนี้ เหมือนฉันเองก็รู้รายละเอียดคร่าวๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนฉันเคยได้ยินอาจารย์เกริ่นถึงเรื่องนี้อยู่ครั้งหนึ่ง! แต่ว่าวันนี้…วันนี้ฉันเพิ่งเจอคนประเภทนี้ที่บ้านอาจารย์มา! ฉันกลัวว่าถ้าพูดออกไปจะไม่มีใครเชื่อ แต่จริงๆ มีผู้ชายคนหนึ่งบินได้ด้วย…ฉันยังนิ่งตะลึงงันไปเลย! เสี่ยวหมิง ถ้าอยู่ในเมืองไป๋เยวี่ยคนประเภทนี้คงเป็นบุคคลที่มีฝีมือลำดับต้นๆ เลยใช่ไหมล่ะ?
เขาคอยสอดส่องดูท่าทีหวังหมิงไม่วางตา
เรื่องทางฝั่งหยวนซั่ว หวังหมิงน่าจะรู้แล้ว ดังนั้นเลยไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
เขาก็แค่อยากดูว่าหวังหมิงจะมีท่าทีเช่นไรกับหูฮ่าว
เคารพนับถือ? โกรธแค้น? หรือความรู้สึกอื่นๆ กันนะ?
แบบนี้ก็คงพอชี้วัดสถานะและพลังที่แท้จริงของเขาได้
ซึ่งนี่ก็คือความฉลาดของหลี่ฮ่าว
ตามที่เขารู้มาหูฮ่าวเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติขั้นจันทราทมิฬ หากอิงตามที่อาจารย์บอกหูฮ่าวก็ไม่ใช่คนแข็งแกร่งมากอะไร เพียงแต่มีพลังพิเศษก็เท่านั้น แต่ถ้าในขั้นจันทราทมิฬนับว่าเขายังเป็นมือใหม่อยู่
หากประลองกับหลิวหลงคงมีความเป็นไปได้ที่จะถูกหลิวหลงซัดจนหงาย
แล้วหวังหมิงผู้นี้ล่ะ?
ในเมื่อผู้พิทักษ์รัตติกาลส่งเขามาตามสืบแบบลับๆ หลิวหลงฝีมือก็อย่างที่เห็น แต่เขาไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนี้จะฝีมือแข็งแกร่งกว่าหลิวหลงไหมนะ?
หวังหมิงกลับไม่ได้สนใจประเด็นนี้นัก พอได้ยินเช่นนั้นเลยอมยิ้มกล่าว “บุคคลฝีมือดีเหรอ สำหรับพวกเราแล้วพวกเขาล้วนเป็นบุคคลฝีมือดีกันทั้งนั้นแหละครับ! หากบินได้…ย่อมต้องเก่งมากอยู่แล้ว! แต่ถ้าบอกว่าเจออีกฝ่ายอยู่กับอาจารย์ของพี่ ผมกลับรู้สึกว่าเขาคงไม่ได้เก่งกาจมากมายอะไร ไม่เช่นนั้นอาจารย์ของพี่คงแนะนำให้พี่รู้จักแล้ว อาจารย์ของพี่แนะนำเขาให้รู้จักไหมละครับ?
“เปล่าเลย”
“งั้นก็ตามนั้นแหละครับ”
หวังหมิงคลี่ยิ้มกว้าง
หลี่ฮ่าวก็พยักหน้าพลางนึกเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าหูฮ่าวอะไรนั่นมีสถานะเทียบกับเจ้าหมอนี่ไม่ได้
เจ้าหมอนี่สถานะสูงกว่าเขา บางทีพลังที่แท้จริงก็อาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาด้วยก็ได้
ไม่ถึงขั้นสุริยะพราย แต่ในขั้นจันทราทมิฬอาจจะถือว่าฝีมือเก่งกาจไม่เบา
เวลานี้หวังหมิงยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าต่อให้เขาแทบไม่ได้พูดอะไรเลย แต่คำพูดไม่กี่คำนั้นกลับบ่งบอกภูมิหลังของตัวเขาเองจนหมดเปลือกแล้ว
……
หลังจากทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่ง ทุกคนก็ต่างอิ่มเอมพึงพอใจ。
หวังหมิงเล่าเรื่องน่าสนใจในเมืองไป๋เยวี่ยให้ฟังไม่น้อย ขณะที่หลี่ฮ่าวและเฉินน่าเองก็เล่าถึงปัญหาในห้องเก็บแฟ้มคดีที่พึงระวังให้ฟังเช่นกัน เฉินน่าไม่รู้สึกอะไร แต่หลี่ฮ่าวกลับรู้สึกว่าตนได้เก็บเกี่ยวอะไรไปไม่น้อยเลย
ส่วนผลเก็บเกี่ยวที่มากที่สุดก็คือหวังหมิงไม่รู้ตัวเลยว่าตนได้หลุดเผยไต๋บอกสถานะของตัวเองออกมาแล้ว แถมยังบอกอีกว่าวันมะรืนอาจมาทำงานสายหน่อยเพราะมีผู้ใหญ่คนหนึ่งจะมาเยี่ยมเขาที่เมืองหยิน
พอพูดจบ หลี่ฮ่าวก็สนใจเรื่องนี้ขึ้นมาทันที
ผู้ใหญ่อย่างนั้นหรือ!
เป็นผู้ใหญ่จริงๆ หรือเป็นผู้กล้าในหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลกันแน่?
ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะส่งคนที่แข็งแกร่งกว่ามาเมืองหยินแล้วเหรอ?
หรือว่านี่เป็นการปฏิบัติการอย่างลับๆ เพียงแต่น่าเสียดายเพราะดันมาเจอคนโง่อย่างหวังหมิง โชคดีที่หลี่ฮ่าวไม่ใช่คนเลวอะไร เพราะเขาเป็นดั่งราชทูตที่เห็นแก่ความยุติธรรม มิเช่นนั้นเจ้าหมอนี้คงถูกคนซัดตายเพราะหลุดเผยความลับออกมาแล้ว
ก่อนกลับหลี่ฮ่าวตบบ่าหวังหมิงพร้อมเอ่ยแสดงความเป็นห่วงไม่กี่ประโยค
ความจริงเขาก็แค่รู้สึกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเบื้องหน้าก็เหมือนจะไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไร
เพราะสมองไม่ค่อยจะฉลาดเอาเสียเลย!
โง่ทึ่มจะตายไป แต่ดันคิดว่าตัวเองฉลาดมากเสียอย่างนั้น
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ…ก็แค่นี้แหละ ศิลปะการป้องกันตัวอาจจะเก่งกว่าแต่กลับไม่ค่อยมีสมองเท่าไร เขาไม่ได้รู้สึกกดดันมากเท่าที่หลิวหลงเคยกดดันเขาแล้ว
หลี่ฮ่าวที่ขี่จักรยานจากไป เวลานี้เขากลับไม่ได้รู้สึกกลัวผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
กลับบ้าน!
เขาถือโอกาสตอนที่ไม่มีใครเห็นหยิบหินมีดออกมา ไม่รู้ว่าเจ้านี่จะใช้แช่น้ำดื่มได้ไหมนะ
พลังแสงดาราของจี้หยกกระบี่สุดยอดไม่เบา แล้วหินมีดล่ะ?
จะเป็นพลังแสงดาราเหมือนกัน หรือจะเป็นพลังอื่นนะ?
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวกลับแอบตั้งตารอคอยอยู่บ้าน
ณ หน้าประตูร้านอาหาร
หวังหมิงมองหลี่ฮ่าวที่จากไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ ตอนที่หลี่ฮ่าวเผยสีหน้าเหมือนลูกพี่ใหญ่ก่อนกลับเมื่อครู่ชวนให้เขารู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตาก็มิปาน ทำทีเหมือนตนโง่มากเสียอย่างนั้น เจ้าหมอนี่เห็นเขาเป็นพนักงานใหม่ในห้องเก็บแฟ้มคดีแล้วจริงเหรอ?
“ดูท่าทางนักศึกษาของกู่ย่วนเมืองหยินก็ไม่เห็นจะฉลาดกว่าคนอื่นสักเท่าไรเลย!”
หวังหมิงส่ายศีรษะ หลี่ฮ่าวนะหลี่ฮ่าว นายควรจะรู้ว่าอันตรายของนายมีมากกว่าที่นายจินตนาการไว้เสียอีก
บางทีอาจเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติขั้นสุริยะพรายที่อยากสังหารนายด้วยซ้ำ!
“ยังดี อย่างน้อยก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่ามาถึงแล้ว จากนั้นก็แอบกระทำการอย่างลับๆ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นสุริยะพรายก็สามารถบุกโจมตีแก้ปัญหาได้เหมือนกัน!
หวังหมิงพึงพอใจอยู่ไม่น้อย รอคนผู้นั้นมาถึง แค่ตนรายงานเรื่องกระบี่ที่เห็นวันนี้สักหน่อยก็ถือว่ามีความดีความชอบแล้ว
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวและหวังหมิงต่างพึงพอใจกันทั้งคู่ หลังจากทานข้าวด้วยกันมื้อหนึ่งทั้งสองก็รู้สึกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาลึกซึ้งขึ้นมาบ้างแล้ว
……………………………………………………………
คอมเม้นต์