STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 26-2 หินมีด ล่าปีศาจ (2)

อ่านนิยายจีนเรื่อง STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา ตอนที่ 26-2 หินมีด ล่าปีศาจ (2) อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 26 หินมีด ล่าปีศาจ (2)

จากนั้นหลี่ฮ่าวไม่ได้พูดอะไรอีก เขาสาวเท้าเดินมุ่งหน้าขึ้นตึกไป

หินมีดอยู่ในมือเรียบร้อย เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น สองวันมานี้เขาเลยยังไม่ได้เก็บกลับมา

ตอนนี้คนอื่นเองก็ไม่กล้าฟันธงว่าเขาเอาหินมีดไปหรือเปล่า

กระทั่งหลิวหลง บางทีหากเห็นจุดที่ต่างกันตรงห้องครัวนั้น หลิวหลงเองก็คงไม่กล้าฟันธงว่าตัวเขาเป็นคนเอาไปจริงๆ หรือเปล่า

หลี่ฮ่าวเดินขึ้นตึกไปพร้อมพกหินมีดไปด้วย จากนั้นก็ปิดประตูสนิท

……

หินมีดนี้เก็บไว้ในบ้านสุนัขมาได้ระยะหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเก็บไว้ในห้องครัวมาตั้งหลายปี หลี่ฮ่าวนึกรังเกียจอยู่บ้างจึงขัดทำความสะอาดอยู่หลายรอบ

บนโซฟา

หลี่ฮ่าวพินิจมองหินมีดอย่างละเอียดพร้อมขบคิดว่าจะเอาแช่น้ำดีไหม หรือว่าจะดูดซับพลังไปโต้งๆ เลยดีนะ

ใช้วิชาคายรับปาณภูตดูดซับพลังน่าจะได้มั้ง

จี้หยกกระบี่ยังทำได้ หินมีดจะทำไม่ได้เชียวเหรอ?

ส่วนเรื่องอาวุธโลหิตที่อาจารย์เคยเอ่ยถึง เช่นนั้นก็แค่ต้องปลดผนึกก่อน หลี่ฮ่าวไม่ได้ต้องการปลดผนึกหินมีด แต่แค่อยากดูดซับพลังแสงดาราของหินมีดเท่านั้น

“ดูดซับเจ้านั่นคงไม่ต้องใช้เลือดอะไรขนาดนั้นหรอก…ไม่งั้นเจ้าเสือดำกับอาจารย์คงไม่มีทางดูดซับพลังแสงดาราจากจี้หยกกระบี่ได้”

นี่เป็นการวินิจฉัยของหลี่ฮ่าว ส่วนจะถูกหรือไม่นั้นเขาเองก็ไม่กล้ารับประกัน

ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง เวลานี้เขากำลังเกิดข้อกังขา เขากำลังครุ่นคิดว่าพลังในหินมีดจะเหมือนจี้หยกกระบี่ไหมนะ?

หรือจะเหมือนพลังลี้ลับที่หลิวหลงให้ตนกันแน่

จี้หยกกระบี่มีความพิเศษมาก จุดนี้หยวนซั่วพูดอย่างชัดเจน ถือเป็นของล้ำค่าชั้นยอดเลยทีเดียว

“ลองก็รู้แล้ว!”

คิดไปก็เปล่าประโยชน์ หลี่ฮ่าวเป็นกังวลแค่จุดเดียวเท่านั้น ขอแค่ตอนที่ดูดซับพลังเงาโลหิตอย่าโผล่มาก็พอแล้ว

ไม่อย่างนั้นยุ่งยากแน่!

“เสี่ยวหย่วน มีดของนาย ฉันขอใช้ก่อนแล้วกัน ใช้แล้วจะแก้แค้นให้นาย นายอย่าถือสาล่ะ!”

หลี่ฮ่าวแค่นเสียงหัวเราะทีหนี่ง หนึ่งปีแล้ว รอวันตายของนายเวียนมาถึง ฉันจะเอาเงาโลหิตไปสังเวยนายเอง!

หลี่ฮ่าวเริ่มใช้ ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ อย่างรวดเร็ว ปรับลมหายใจ นั่งสมาธิ

หลี่ฮ่าววางหินมีดไว้ตรงทรวงอก

จะมีพลังแสงดาราหรือไม่ แค่ลองดูก็รู้แล้ว

วินาทีต่อมาพลังพิเศษก็ไหลทะลักออกมาจากหินมีด

ต้องยอมรับว่า ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ เป็นวิธีดึงพลังเข้าสู่ร่างกายที่สุดยอดที่สุดในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ ส่วนวิธีการดึงพลังเข้าสู่ร่างกายที่หลิวหลงสอนให้เหมือนจะใช้ไม่ได้ผลกับจี้หยกกระบี่และหินมีด

โชคดีที่อาจารย์ถ่ายทอดวิชานี้ให้เขา มิเช่นนั้นหลี่ฮ่าวคงทำได้แค่เอาไปแช่น้ำดื่มเพื่อดูดซับพลังอันเบาบางเหมือนเมื่อก่อน

ปกติหากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่มี ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ เกรงว่าคงดูดซับพลังจากอาวุธเหล่านี้ได้ยาก นอกจากจะค้นพบวิธีการแช่น้ำโดยบังเอิญ แบบนั้นก็พอใช้ได้อยู่บ้าง

ประกายแสงดารา!

ลักษณะไม่แตกต่างจากพลังแสงดาราในจี้หยกกระบี่ หลี่ฮ่าวเบิกตาขึ้น เขาสามารถมองเห็นพลังนี้ได้

“เหมือนกับจี้หยกกระบี่ไม่มีผิด…”

ความคิดนี้เพิ่งวาบเข้ามาในหัว ทันใดนั้นหลี่ฮ่าวก็กระอักเลือดสีสดออกมา!

พลังที่ทั้งแข็งแกร่งและรุนแรงถึงขีดสุดกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายอย่างบ้าคลั่ง!

หลี่ฮ่าวสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที!

พลังลี้ลับ!

นี่ไม่ใช่พลังแสงดารา แต่เป็นพลังลี้ลับ!

ไม่สิ นี่มันบุกทะลวงร่างกายรุนแรงยิ่งกว่าพลังลี้ลับเสียอีก เวลานี้หลี่ฮ่าวรู้สึกทรมาน ทรมานอย่างแสนสาหัสราวกับถูกมีดเชือดเฉือนอย่างไรอย่างนั้น

พลังในหินมีดอัดแน่นไปด้วยแรงทะลวง!

ราวกับแปลงร่างเป็นมีดเล่มใหญ่แล้วดิ้นพล่านไปมาอยู่ในร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง

ครั้งนี้หลี่ฮ่าวสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่หลิวหลงเคยพูดถึงแล้ว มีหลายคนที่ยามดูดซับพลังลี้ลับเส้นเลือดจะระเบิด เพราะพลังลี้ลับบุกทะลวงร่างกายรุนแรงเกินไป

แต่เวลานี้หลี่ฮ่าวรู้สึกถึงความแกร่งกล้า อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าพลังลี้ลับในตอนกลางวันสามเท่า!

“อ๊าก!”

เสียงต่ำร้องขึ้น เส้นเลือดของหลี่ฮ่าวปูดโปน กระทั่งมีเส้นเลือดปริแตก

เขารีบเปลี่ยนท่วงท่า ชั่ววินาทีนั้นเขายกเลิกการดูดซับพลังด้วยวิธีการหายใจ

เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว พลังมีดปริมาณมหาศาลพุ่งทะลักเข้าสู่ร่างกายหลี่ฮ่าวไม่หยุด

เจ็บ!

เจ็บจนหาที่เปรียบไม่ได้

ความจริงหลี่ฮ่าวเคยคาดเดามาก่อนว่าพลังอาจต่างกันและเคยคิดว่าอาจเป็นพลังลี้ลับด้วย แต่ตอนกลางวันเขาดูดซับไปสองลูกบาศก์ซึ่งไม่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขายังก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารแล้ว ดังนั้นจึงแข็งแกร่งกว่าตอนกลางวันมาก

หลี่ฮ่าวเลยรู้สึกว่าตนรับไหว

ทว่าเวลานี้หลี่ฮ่าวกลับรู้แล้วว่าตนคิดผิด

“อ๊าก! “

เขาร้องคำรามเสียงต่ำขึ้นมาอีกครั้ง พลังปริมาณมหาศาลยังคงทะลวงเข้าสู่ร่างกายหลี่ฮ่าวเรื่อยๆ

แรงจู่โจมอันหนักหน่วงทำเอาผิวหนังด้านนอกร่างกายปริแตก

หลี่ฮ่าวค้นพบว่าเขาไร้หนทางจะควบคุมพลังนี้ได้อย่างสิ้นเชิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องดูดซับเลย

“จบกัน…”

หลี่ฮ่าวรู้สึกว่าตัวเองจบเห่แล้ว จากนั้นเหมือนคิดอะไรออกเลยรีบตะเกียกตะกายควานหาจี้หยกกระบี่ด้านข้างมาไว้ในกำมือ จากนั้นก็รีบใช้วิชาคายรับอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่าแสงดาราจะซ่อมแซมต้านทานพลังนี้ได้ไหม

มิเช่นนั้นหลี่ฮ่าวรู้สึกว่าตัวเองคงตายแน่!

เพราะมันแข็งแกร่งมากเกินไป!

“พลั่ก!”

เส้นเลือดเส้นหนึ่งปริแตกพร้อมเลือดที่พุ่งกระฉุดออกมา

นี่เทียบไม่ได้กับพลังในตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง

“เราบุ่มบ่ามเกินไป!”

หลี่ฮ่าวได้สติทันที แต่ไม่ใช่เพราะเส้นเลือดปริแตกเลยทำให้เขาตื่นตระหนก เพียงแต่ได้สติและตำหนิตนเอง

สองวันมานี่ทุกอย่างราบรื่นมาก ถึงแม้เงาโลหิตจะปรากฏตัวเป็นระยะๆ แต่พออาจารย์เลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ก็เหมือนว่าเขาจะประมาทและผ่อนคลายมากเกินไป

จนกระทั่งมาดูดซับพลังของหินมีดโต้งๆ เช่นนี้!

ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจเป็นอาวุธคนละประเภท พลังอาจต่างกัน แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่เป็นไรและคงกำราบจนอยู่หมัด

แต่ความจริงเขาทำไม่ได้เลยสักนิด!

“เราเป็นแค่คนธรรมดาที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาเป็นสิบสังหาร แถมยังอาศัยบุญบารมีของอาจารย์ด้วย ลำพังหวังแค่ตัวเราเอง…หากไม่ดูดซับพลังจี้หยกกระบี่ หลังจากนี้สามปีเราก็อาจจะไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นสิบสังหารด้วยซ้ำ!”

“หลี่ฮ่าว แกลืมไปแล้วเหรอว่าแกเป็นแค่คนธรรมดา! แกต้องระวังแล้วระวังอีก แกลืมความน่ากลัวของเงาโลหิตไปแล้วหรือไง แกลืมไปแล้วเหรอว่าขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติน่ากลัวกว่าที่แกจินตนาการไว้มากแค่ไหน”

เขาสำนึกผิดกับตัวเอง!

เวลานี้เขารีบดูดซับพลังจี้หยกกระบี่อย่างรวดเร็วเพราะหวังว่าจะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ รวมถึงกดทับพลังมีดเอาไว้ด้วย

ครั้งนี้เขาประมาทไปแล้วจริงๆ

“เฮือก!”

หลี่ฮ่าวเปล่งร้องเสียงต่ำแล้วกัดฟันเริ่มใช้วิชาคายรับอย่างเต็มที่

พลังจี้หยกกระบี่อันอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว

กระแสไออุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายในฉับพลัน

พลังมีดที่ไหลเวียนภายในร่างกาย เวลานี้กลับเหมือนน้องชายเจอฤทธิ์พี่ชายก็มิปาน ไม่นานก็สงบลงและไม่ได้ทะลวงร่างกายของหลี่ฮ่าวอีก

เวลานี้จี้หยกกระบี่เริ่มซ่อมแซมเส้นเลือด

เส้นเลือดที่ปริแตกเริ่มค่อยๆ สมานแผลดีขึ้น

อวัยวะภายในที่ถูกพลังมีดทะลวงจนกระเจิดกระเจิงก็เริ่มกลับเข้าที่อย่างรวดเร็ว บาดแผลเริ่มสมานตัวดีขึ้น

หลี่ฮ่าวพรูลมหายใจโล่งอก

เกือบตายแล้วไง

ขนาดระมัดระวังอย่างดี แต่สิ่งสำคัญก็คือเขายังประเมินตัวเองสูงไป

…………………………………………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด