STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 36.4 ครั้งแรกกับการล่าปีศาจ (4)
ตอนที่ 36 ครั้งแรกกับการล่าปีศาจ (4)
ในเวลาเดียวกัน
ณ ทางเหนือของเมือง
เฉินเจียนอยู่ข้างหน้า หลิวเยี่ยนอยู่ข้างหลัง หลี่ฮ่าวอยู่ตรงกลาง
ทั้งสามคนเคลื่อนไหวพร้อมกัน ขับรถคันเล็กๆ มุ่งหน้าสู่นอกตัวเมืองอย่างรวดเร็ว
ในมือของหลิวเยี่ยนถือมีดเล่มเล็กด้วยใบหน้าเย็นชาและตื่นตัวเต็มที่
เฉินเจียนขับรถอยู่ด้านหน้าแต่กลับไม่ค่อยสนใจถนนเบื้องหน้าสักเท่าไร เขาขับพุ่งตรงไปยังเส้นทางนอกเมืองโดยตรงเลย
เสียงระเบิดที่ดังกระหึ่มในเมืองนั่น ความจริงหลี่ฮ่าวเองก็ได้ยินเช่นกัน
ถึงขั้นเห็นเพลิงไฟที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าด้วย!
หัวหน้าแอบจัดอาวุธปืนไฟขนาดใหญ่โจมตีอีกฝ่ายกลางเมืองด้วย เขาหาจุดซ่อนตัวของอีกฝ่ายได้เร็วขนาดนี้ ความจริงก็สร้างความตกใจให้แก่หลี่ฮ่าวอย่างมาก
แต่แล้ว…หลี่ฮ่าวก็รู้ว่าอาวุธปืนไฟไม่ใช่ทุกอย่าง!
นอกจากว่าจะต้องใช้ระเบิดปรมาณูกวาดล้างเมืองจริงๆ…ถ้าอย่างนั้นเมืองหยินก็จะหายไปด้วย ต้องมีชาวบ้านคนธรรมดาบาดเจ็บล้มตายอีกตั้งไม่รู้เท่าไร ข้อนี้ไม่สามารถทำได้แน่นอน
นอกเสียจากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะถูกโจมตีตามจุดเปลี่ยวร้างนอกเมือง หากอยู่ในเมือง อาวุธปืนไฟจะส่งผลเสียมากกว่า!
ทีมล่าปีศาจเองก็ไม่ใจเหี้ยมพอถึงขั้นใช้ระเบิดกวาดล้างเมืองจนทำให้คนล้มตายนับไม่ถ้วน
ขณะที่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็ว พลันก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นตรงหน้า!
จากนั้นสะพานตรงหน้าก็ถูกระเบิดขาดออกจากกัน!
ภายใต้ความมืดและสายฝนก็มีร่างปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน หลี่ฮ่าวเห็นยังชะงักน้อยๆ…ปรมาจารย์นักรบ!
ใช่แล้ว ไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ
คนที่กำลังยืนขวางพวกเขาอยู่ตรงหน้ากลับเป็นปรมาจารย์นักรบ!
เหตุผลที่ดูออกว่าเป็นปรมาจารย์นักรบเพราะพวกเขามีลักษณะเดียวกับพวกหลิวหลง ซึ่งมีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติแผ่ออกจากตัวจางๆ แต่ไม่ได้อยู่ในส่วนลึกของร่างกาย นี่บ่งบอกว่าพวกเขาเคยซึมซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติมาแล้ว แต่กลับไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ
“หน้ากากผีเหรอ”
รถเทียบจอด หลิวเยี่ยนกับเฉินเจียนลงจากรถอย่างไวเพื่อเตรียมตัวปะทะกับคนพวกนั้น หลิวเยี่ยนมองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างเย็นชา “องค์กรหน้ากากผีเหรอ ดักโจมตีผู้บังคับการตรวจตราของกองตรวจการณ์แบบนี้ คิดว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลมีไว้แค่กินข้าวอย่างเดียวเหรอ”
องค์กรที่โจวเฮ่ออยู่ก็คือองค์กรหน้ากากผี ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ
ครั้งนี้หน้ากากผีก็ส่งตัวปรมาจารย์นักรบมาด้วยเช่นกัน
“ทิ้งหลี่ฮ่าวไว้!”
หนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นมีคนเอ่ยบอกเสียงสูง อาจจะป้องกันไม่ให้จำได้ คนเหล่านี้สวมหน้ากากผีสีดำกันทั้งหมด และเสียงก็ใช่ว่าจะเป็นเสียงของเจ้าตัวจึงฟังดูไม่ค่อยสมจริงนัก
“ได้!”
หลิวเยี่ยนตอบกลับทันควัน ถึงขั้นทำให้คนตรงหน้าชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นหลิวเยี่ยนก็ชักปืนที่เหน็บข้างเอวขึ้นมายิงกราดตรงหน้า
“ไป!”
หลิวเยี่ยนชักปืนยิงขณะเดียวกันก็ฉุดแขนหลี่ฮ่าวหมายจะวิ่งหนีไปด้วย
ตอนนี้ไม่ควรเสียเวลากับพวกเขามากนัก ยิ่งไปกว่านั้น…เธอยังสู้อีกฝ่ายไม่ไหวด้วย
หัวหน้าของฝ่ายตรงข้ามเหมือนจะเป็นปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยคนหนึ่ง!
เกรงว่าปืนจะใช้ไม่ได้ผลกับเขาเท่าไร
เป็นไปตามคาด เมื่อปรมาจารย์นักรบที่สวมหน้ากากผีคนหนึ่งหายตัวไปเพื่อหนีลูกกระสุน จากนั้นก็กางแขนออกราวกับอินทรีตัวผู้ตามไล่ล่าพวกหลี่ฮ่าวไปอย่างว่องไว!
คนอื่นๆ ก็แสดงความสามารถให้เห็นกันรัวๆ ก่อนจะพากันวิ่งไล่ตามไปเช่นกัน!
พวกเขามีภารกิจเดียวคือ…ห้ามหลี่ฮ่าวออกจากเมือง!
แน่นอนว่ามีอีกข้อหนึ่ง ห้ามฆ่าหลี่ฮ่าว ส่วนคนอื่นๆ…ฆ่าทิ้งทั้งหมด!
ความจริงผู้นำหน้ากากผีไม่เข้าใจคำสั่งนี้อย่างมาก แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมีแผนเป็นของตัวเองและไม่มีทางบอกเขาทั้งหมดแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ซักไซ้อะไร รู้เพียงว่าหากทำภารกิจในครั้งนี้สำเร็จ เขาก็จะมีโอกาสดึงพลังสู่ร่างกายถึงสามครั้ง
คนเบื้องบนจะสนองพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติแก่เขาอย่างเพียงพอ หากสามครั้งแล้วยังก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้…ก็ต้องยอมรับว่าตัวเองอับโชค แต่อย่างน้อยก็มีโอกาสมากกว่า ทุกครั้งที่ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยดึงพลังเข้าสู่ร่างกาย พลังลี้ลับเหนือธรรมชาตินั่นต้องใช้หลักสิบถึงหลักร้อยลูกบาศก์เลยทีเดียว
หลิวหลงฆ่าปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยที่มีพลังเหนือธรรมชาติไปหลายคนยังยากจะเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้ คนประเภทเขาก็ยิ่งยาก จึงทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับคนเบื้องบนเท่านั้น
……
หลี่ฮ่าวหอบหายใจอย่างหนักหน่วงพยายามควบคุมเพื่อปรับจังหวะการหายใจ พอคงที่ดีแล้วถึงหนีไปพร้อมกับพวกหลิวเยี่ยน
ถนนที่เต็มไปด้วยดินโคลนเส้นเล็กทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบในเรื่องความเร็ว
ความจริงภายใต้ความมืดมิดเช่นนี้ก็มีข้อดีต่อพวกหลี่ฮ่าวเหมือนกัน อย่างน้อยด้านหลังก็ยากจะตามได้ทัน
“ปังๆ!”
เสียงปืนยิงกราดดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลี่ฮ่าวอดใจอยากด่าคนไม่ได้ ให้ตายเถอะ!
เจ้าพวกนี้เป็นปรมาจารย์นักรบไม่ใช่หรือ
พวกแกใช้ปืนกลแบบนี้…ไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือ
“แกร๊กๆ!”
ด้านหลังโล่เล็กๆ ของเฉินเจียนช่วยกันกระสุนไปไม่รู้เท่าไร เฉินเจียนปกป้องจุดสำคัญบนร่างกายของตัวเองเอาไว้ แล้วใช้ร่างใหญ่บังหลี่ฮ่าว เช่นนี้ก็ช่วยป้องกันไม่ให้หลี่ฮ่าวถูกยิงใส่ได้แล้ว
ต่อให้เป็นแบบนี้ แต่หากไล่ล่ากันต่อไปเกรงว่าพวกเขาจะหาทางออกจากเมืองไม่ได้
หลิวหลงยังไม่ปรากฏตัวจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
อู๋เชากับอวิ๋นเหยาตามไปช่วย ตอนนี้หลิวเยี่ยนแข็งแกร่งที่สุด แต่หล่อนก็ยังไม่ใช่ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อย ทว่าด้านหลังกลับมีปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยวิ่งตามมา
“พี่…”
“หุบปาก!”
หลิวเยี่ยนตวาดเสียงต่ำใส่ว่าห้ามพูด
เวลาหนีเอาตัวรอด การพูดจะทำลายสมาธิได้ง่ายจนเสียจังหวะการหนี หากถูกไล่ตามทันก็แย่ละ
“วางผมลง…ตอนนี้พวกเขาไม่ฆ่าผมหรอก!”
หลี่ฮ่าวหอบหนัก แต่ก็ฝืนพูดไปประโยคหนึ่ง
เขากลัวตาย แต่เขารู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงถูกไล่ตามทันในไม่ช้าก็เร็ว
อีกฝ่ายเป็นแค่ปรมาจารย์นักรบ ไม่เห็นเงาโลหิต ดังนั้นน่าจะยังไม่ฆ่าเขาตอนนี้
ฉะนั้นยังมีโอกาส!
อาจารย์ก็ยังไม่ปรากฏตัว ใช่ว่าจะไม่มีไพ่ใบสุดสักหน่อย
หลิวเยี่ยนกลับไม่สนใจ สายตามีแต่ความบ้าบิ่นกับความเย็นยะเยือก
“เจ้าอ้วน!”
หล่อนตะโกนเรียก เฉินเจียนกับเธอร่วมมือกันหลายครั้ง ดังนั้นไม่ต้องพูดอะไรก็เข้าใจความหมายของหลิวเยี่ยนทันที
จากนั้นหลี่ฮ่าวก็ดูตกตะลึงประมาณหนึ่ง
หลิวเยี่ยนสะบัดเขาออกไป ส่วนเฉินเจียนก็ยกโล่ขึ้นหันกลับไปเอาตัวปะทะกับปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยที่วิ่งตามมา!
หลิวเยี่ยนรีบวิ่งตามไปติดๆ ก่อนจะเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยต่อยหมัดใส่โล่ทีเดียวจนเฉินเจียนต้องเซถอยหลังไปหลายก้าว ทว่าเฉินเจียนไม่ได้เจ็บตัวตรงไหน ทันใดนั้นหลิวเยี่ยนก็วาบตัวหายไปราวกับผีแล้วใช้มีดแทงหมัดของอีกฝ่าย!
เสียงดังพรวด!
มีดสั้นกรีดผ่านจุดที่ไม่ได้สำคัญ เพียงแต่ทิ้งรอยเลือดไว้ตรงกำปั้นของอีกฝ่าย
ปรมาจารย์นักรบทะลวงคนนั้นคิดจะปล่อยหมัดอีกทีเพื่อต่อยหลิวเยี่ยนให้ตายในหมัดเดียว…แต่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกชาไปทั้งแขน!
พริบตาเดียวแขนก็ขึ้นสีดำลามเป็นวงใหญ่ สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าภายใต้หน้ากากเปลี่ยนไปพลางถอยกรูดไปด้านหลัง ใช้มือซ้ายตบมือขวา จากนั้นเลือดก็ทะลักออกมาในปริมาณมากปะปนด้วยเลือดสีดำพุ่งออกมาจากปากแผล
“เธอใช้ยาพิษเหรอ”
ปรมาจารย์นักรบเดือดดาล การใช้ยาพิษมันน่ารังเกียจยิ่งกว่าใช้ปืน
ส่วนหลิวเยี่ยนไม่แม้แต่จะสนใจแล้วเข้ามาขวางทางของอีกฝ่ายไว้ จากนั้นหล่อนก็กระโดดขึ้นคว้าตัวหลี่ฮ่าวมาแล้ววิ่งหนีอีกครั้ง
หลี่ฮ่าวในตอนนี้ก็ตกตะลึงเช่นกัน
หลิวเยี่ยนกับเฉินเจียนใจกล้าไม่น้อย
เวลานี้แล้วยังกล้าตอบโต้อีก
แถมยังสำเร็จด้วย!
สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์นักรบที่สามารถฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้ จากประสบการณ์การต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่หลี่ฮ่าวจะทัดเทียบได้เลย
การไล่ล่าดำเนินต่อไป!
หลี่ฮ่าวในตอนนี้ไม่ได้ขัดขืนอีก ถูกหลิวเยี่ยนลากให้วิ่งหนีแต่หันกลับมามองด้านหลังเป็นระยะๆ เขากำลังคิดว่า…ควรฆ่าเจ้าพวกนี้อย่างไร!
เขาอ่อนแอมากเขารู้ตัวดี แต่เขายิ่งรู้แก่ใจดี…คนพวกนี้รู้ว่าเขาอ่อนแอมากแต่ไม่กล้าฆ่าเขา!
นี่ก็คือความได้เปรียบ!
“พี่ เดี๋ยวใช้ผมเป็นโล่นะ!”
หลี่ฮ่าวโพล่งไปประโยคหนึ่ง หลิวเยี่ยนไม่ปริเสียง กระทั่งไม่รู้ว่าได้ยินในสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่า
พอเฉินเจียนได้ยินเช่นนั้นก็ผุดขึ้นมาแค่ความคิดเดียว หลี่ฮ่าวบ้าไปแล้วเหมือนกัน
นายเป็นโล่หรือ
พวกเขาพอจะเข้าใจความหมายของหลี่ฮ่าว แต่ว่า…ถ้าตัดสินใจผิด แล้วอีกฝ่ายกล้าฆ่านายล่ะจะทำอย่างไร
นายเป็นแค่ไก่อ่อนจะเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของทะลวงร้อยได้หรือ
วินาทีนี้พวกเขาสามคนวิ่งต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต มือสิบสังหารสามคนกำลังคิดว่าจะตอบโต้กลับได้หรือไม่ หากฆ่าปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยคนนั้นไปก็ยังมีสิบสังหารอีกหลายคนตามมาอยู่ดี
อีกอย่างฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วด้วย!
…………………………………………………………………
คอมเม้นต์