Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke – บทที่ 11 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (11)
บทที่ 11 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (11)
อาจารย์สาวรีบมองไปยังซูอี้อี้ เห็นหน้าผากที่บวมแดงของซูอี้อี้ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน เธอขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถาม “ซูอี้อี้ ใครเป็นคนผลักเธอ?”
ซูอี้อี้แอบปรายตามองไปยังฉีเซิงด้วยท่าทางหวาดกลัว ก่อนเธอจะส่ายหัว “ไม่มีค่ะ ไม่มีใครผลักหนู หนูล้มลงไปเอง”
แค่มองเพียงแวบเดียวคนที่เป็นอาจารย์ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ‘ปกปกความผิด’ “อย่ามาโกหก บอกมาว่า ใครเป็นคนผลักเธอ?”
ซูอี้อี้ในสายตาของอาจารย์สาวคนนี้คือ เด็กสาวแสนดีที่เข้ากับได้ทุกคน ในขณะที่เด็กสาวคู่กรณีนั้นกลับนิสัยตรงข้าม เป็นแค่เด็กสาวที่ชอบเก็บตัวและเข้ากับสังคมไม่ได้ เธอเคยเห็นซวีเฉิงเยว่นั่งรถหรูออกไปข้างนอกหลายครั้ง และกลับมาพร้อมกับข้าวของแบรนด์ตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่บ่อยครั้ง ‘เหอะ เด็กนักเรียนแบบนี้ฉันเห็นมานักต่อนักแล้ว’
ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรที่จิตใต้สำนึกของเธอจะเอนเอียงเข้าข้างซูอี้อี้มากกว่า
“ไม่ใช่นะคะ มันเป็น……….” ซูอี้อี้ยังคงพยายามที่จะอธิบาย
“อี้อี้ ทำไมเธอต้องช่วยปกปิดความผิดให้ยายนี่ด้วยล่ะ? อาจารย์คะ หนูกับเซี่ยหนิงเป็นพยานได้ ซวีเฉิงเยว่เป็นคนที่ผลักอี้อี้คะ”
เซี่ยหนิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นฉีเซิงยังยืนทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เธอจึงพยักหน้ารับคำพูดของอันอันทันที
“เธอชื่ออะไร?” อาจารย์สาวมองไปยังฉีเซิง เธอแสดงทัศนคติอย่างชัดเจนแล้วว่า เธอเชื่อคำพูดของอันอัน และท่าทางอันหวาดกลัวของซูอี้อี้อย่างสนิทใจ
“ซวีเฉิงเยว่” ฉีเซิงจ้องมองไปยังซูอี้อี้ด้วยสายเจือขบขัน แววตานั่นทำให้ซูอี้อี้รู้สึกไม่สบายใจนัก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อไตร่ตรองดูดีแล้วซูอี้อี้คิดว่าซวีเฉิงเยว่ไม่มีหลักฐานที่จะช่วยให้เธอดิ้นหลุดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ ความกังวลของเธอจึงค่อยๆสงบลง
“นักศึกษาซวีเฉิงเยว่ ความผิดสำหรับการทะเลาะวิวาทกับนักศึกษาคนอื่น จนเป็นเหตุทำให้นักศึกษาคนนั้นได้รับบาดเจ็บ โทษของเธอคือการที่จะต้องกวาดพื้นทางเดินทั้งหมดของหอพักเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ เธอมีอะไรจะคัดค้านไหม? ”
“คุณเชื่อเรื่องที่พวกเธอเล่าเพียงแค่ฝ่ายเดียวหรอค่ะ?” ฉีเซิงเลิกคิ้วขึ้น ‘อาจารย์คนนี้ฟังความแค่ข้างเดียวก็จะสั่งลงโทษฉันแล้ว เธอตั้งใจที่จะช่วยซูอี้อี้รังแกฉันชัดๆ’
สีหน้าของอาจารย์มืดครึ้มลงอย่างเห็นได้ชัด เธอแค่คิดจะหาเรื่องลงโทษซวีเฉิงเยว่สักหน่อย แต่ยายเด็กบ้านี่กลับจับไต๋เธอได้
“ในห้องมีพยานยืนอยู่ตั้งสองคน เธอยังอยากจะพูดอะไรแก้ตัวอีก? ฉันจะพูดกับเธอไว้ตรงนี้เลยนะ ในฐานะนิสิตนักศึกษาเธอควรจะประพฤติตัวให้เหมาะสมกับคำๆนี้ ไม่ใช่มัวแต่เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระ เธอคิดว่าการที่เธอทำอย่างนั้นมันจะทำให้เธอประสบความสำเร็จในชีวิตหรอ? เธอคิดว่าจากอีกามันจะเปลี่ยนไปเป็นหงส์ได้อย่างงั้นเหรอ?”
สีหน้าของฉีเซิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “คุณหมายความว่าอะไร?”
“เธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตัวเธอกำลังทำอะไรอยู่ ยังมีหน้าจะไปถามคนอื่นอีกเหรอ?” อันอันเอ่ยเยาะ
ซูอี้อี้แสดงสีหน้าโศกเศร้า แต่สายตากับทรยศ ในแววตาของเธอมันประกาศอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นผู้ชนะ ‘ต่อให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงแล้วยังไงล่ะ? คนเยอะขนาดนี้ พูดกันปากต่อปากไปเรื่อยๆ ใครยังจะมาสนอีกว่าเรื่องไหนเรื่องจริง เรื่องไหนเรื่องหลอก ชื่อเสียงของเธอได้ป่นปี้แน่!’
คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังมุงอยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์และอันอัน ต่างก็เริ่มพากันซุบซิบเสียงเบา
“สองสามวันก่อน ฉันเพิ่งเห็นหล่อนขึ้นไปนั่งบนรถปอร์เช่ บางครั้งก็เห็นรถมาจอดรับเธอที่หน้าประตูมหาลัย เธอคิดว่าหล่อนจะเป็นเด็กเสี่ยจริงไหมล่ะ?”
“ถึงฉันจะไม่เห็นกับตา แต่ก็ได้ยินคนอื่นเมาท์เกี่ยวกับเรื่องหล่อนกันให้แซ่ด”
“ฉันไม่เคยได้ยินเลยว่าบ้านหล่อนมีฐานะ”
“ถ้าหล่อนเป็นคุณหนูจริง หล่อนจะมาอยู่หอพักทำไมล่ะ ทำไมไม่ไปอยู่หอเอกชนข้างนอก? อย่าไปโง่หน่อยเลยน่า ดูซะก่อนว่าลูกคนรวยคนไหนบ้างที่ไม่มีรถขับเป็นของเอง?”
“หล่อน….คงไม่ได้ไปเป็นเมียน้อยของใครหรอกน่ะใช่ไหม?”
แน่นอนว่าอาจารย์สาว ได้ยินทุกคำพูดที่นิสิตคนอื่นๆกำลังซุบซิบกัน แต่เธอกลับไม่ห้ามปรามแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเธอถึงขั้นเอ่ยกับซวีเฉิงเยว่ว่า “นิสิตซวีเฉิงเยว่ การกระทำของเธอแสดงถึงจริยธรรมอันต่ำตม ฉันจะรายงานเรื่องนี้ต่อทางมหาวิทยาลัยให้ทางมหาวิทยาลัยลงโทษเธอตามกฎ”
“ถ้าหากเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ เธอก็ไม่ควรทำตัวอย่างนี้เสียตั้งแต่แรก” อันอันเอ่ยสับทับด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
“ฉันขอคืนประโยคนั้นให้กับเธอ” ฉีเซิงหมุนตัวและก้าวเท้ากลับไปยังโต๊ะอ่านหนังสือของเธอ เธอหยิบของชิ้นหนึ่งที่วางอยู่บนนั้นขึ้นมา “ต้องขอโทษด้วยนะ พอดีฉันเพิ่งได้ของเล่นใหม่มา บังเอิญว่าเจ้านี่เนี่ย สามารถเก็บบันทึกภาพและเสียงได้เป็นชั่วโมงๆเสียด้วยสิ ไป…พวกเราไปที่ห้องทำงานของท่านอธิการบดีกันเถอะ ไปให้ท่านตัดสินว่าใครกันแน่ที่เป็นคนถูกหรือเป็นคนผิด”
ซูอี้อี้หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ‘หล่อนอัดสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ทั้งหมดจริงๆหรอ? พวกเราพูดว่าเธอเป็นคนผลักฉันล้ม ทั้งๆที่อันอันเป็นคนทำ ถ้าเธอได้พบกับท่านอธิการบดีพร้อมกับเทปนั่น ชื่อเสียงของฉันต้องถูกทำลายจนป่นปี้แน่ๆ!! ไม่…ฉันยอมให้เธอเอาหลักฐานไปหาท่านอธิการบดีไม่ได้!’
ฉีเซิงดูราวกับว่าจะตัดสินใจถี่ถ้วนดีแล้ว เธอจึงสาวเท้าเดินไปที่ทางออกของห้อง “อาจารย์รีบเดินสิคะ เราต้องรีบไปที่ห้องทำงานของท่านอธิการกันนะคะ เมื้อกี้คุณเพิ่งจะป้ายสีฉัน แต่ฉันเชื่อว่าท่านอธิการต้องให้ความเป็นธรรมกับฉันได้แน่”
“เฉิงเยว่ เธออย่าทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ไปเลยนะ” ซูอี้อี้รีบยื้อฉีเซิงไว้
“เรื่องเล็กอย่างงั้นหรอ? พวกเธอสามคนรวมหัวกันใส่ร้ายฉัน แล้วยังจะอาจารย์คนนี้อีก เธอป้ายความผิดให้ฉันหน้าตายเฉย นี่หรือ…เรื่องเล็กที่เธอว่า?”
“เฉิงเยว่….ฉัน….” ตอนนี้อันอันก็อยากจะจบเรื่องนี้อย่างสันติด้วยเช่นกัน เธอคาดไม่ถึงว่าฉีเซิงจะอัดภาพเหตุการณ์ไว้ทั้งหมด เปรียบเทียบการทะเลาะตบตีกัน กับ การใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นและทำลายชื่อเสียงคนอื่น การใส่ร้ายป้ายสีและทำลายชื่อเสียงคนอื่นดูจะร้ายแรงมากกว่า นี่อาจจะทำให้เธอโดนไล่ออกได้
อาจารย์สาวเองก็ลังเลด้วยเหมือนกัน เธอไม่ได้มีหลักฐานว่าฉีเซิงเป็นเมียน้อยของใคร แต่เธอกลับกล่าวหาฉีเซิงผู้เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไปแล้ว ด้วยเหตุผลข้อนี้ก็สามารถทำให้เธอถูกไล่ออกได้แล้ว อาจารย์สาวจึงรีบเดินไปขวางประตูทางออก
“นิสิตซวีเฉิงเยว่ คุณไม่จำเป็นต้องไปรบกวนท่านอธิการด้วยเรื่องแค่นี้ก็ได้ ในเมื่อคุณเป็นคนผลักนิสิตซูอี้อี้ ถ้าอย่างนั้นคุณก็แค่ขอโทษนิสิตซูอี้อี้เสีย แล้วฉันจะทำเป็นลืมเรื่องทั้งหมดนี้เอง”
ฉีเซิงไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดกับอาจารย์ผู้ไร้ความผิดชอบอีก เธอคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาก่อนจะกดโทรออก “ทนายหวัง ช่วยมาที่มหาลัยของฉันหน่อย ใช่…ที่หอพัก รีบมาเดี๋ยวนี้”
ฉีเซิงวางสาย คราวนี้แทนที่เธอจะหาทางออกจากห้อง เธอกลับดึงเก้าอี้ออกมานั่งแทน
ใบหน้าของอาจารย์กลายเป็นสีเขียว ‘หล่อนถึงกลับก้าโทรเรียกทนาย!’
บรรดานิสิตนักศึกษาที่มุงอยู่ด้านนอกมองหน้ากันและกัน ‘โอ้…ดูเหมือนว่าเรื่องจะประหลาดเข้าไปทุกที!’
คนที่สามารถรักษาความสงบแล้วต่อสายหาทนายได้ทันทีขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเสี่ยของเธอมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ก็อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้เป็นเด็กเสี่ยตั้งแต่แรก
ทนายความหวัง มาถึงที่หมายอย่างรวดเร็ว เขาแทรกตัวผ่านบรรดานิสิตหญิง ความรู้สึกภายในใจของเขา ณ ตอนนี้แสดงออกได้เพียง ( ̄ △  ̄;) นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าผ่านมวลบุพผาชูช่อนับหมื่นนับแสนน่ะ
หลังจากที่แทรกตัวเข้ามาอย่างกล้าหาญ ทนายความหวังก็ใช้นิ้วดันแว่นตาที่เลื่อนหลุดออกมาจากดั้งจมูกของเขาให้กลับเข้าที่ ก่อนจะเข้ามาหาฉีเซิง “คุณหนูซวี”
ผู้คนที่มุงอยู่ภายนอกต่างตกตะลึง ‘มีทนายความ มาจริงๆด้วยล่ะ…..’
ฉีเซิงพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะส่งของที่อยู่ในมือของเธอให้กับเขา เธอใช้น้ำเสียงเรียบๆตามปกติเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาฟัง
ทนายความหวังดันแว่นขึ้น หลังจากที่คิดไม่นานเขาก็หันไปกล่าวกับอาจารย์สาวและพวกของซูอี้อี้ “นิสิตทั้งสามท่านนี้พยายามที่จะใส่ความลูกความของผมว่าเป็นคนผลักนิสิตท่านนี้จนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ ตามประมวลกฎหมายของสาธารรัฐประชาชนจีนได้กำหนดไว้ว่า จากการกระทำผิดในลักษณะเช่นนี้ผู้กระทำมีสิทธิ์ถูกจำคุกอย่างน้อย5 วัน หรือ อย่างมาก 10 วัน ส่วนอาจารย์ท่านนี้ได้ทำการใส่ร้ายป้ายสีให้ลูกความของผมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง……”
แน่นอนว่าพวกซูอี้อี้ไม่มีทางที่จะรู้ข้อกฎหมายดีไปกว่าทนายความ ขณะนี้พวกเธอจึงทำได้เพียงแค่ยืนหน้าซีด คิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
ระหว่างที่พวกเธอกำลังยืนฟังทนายร่ายยาวอยู่นั้น อธิการบดีก็ปรากฏตัวขึ้นในที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ขนาดทนายความยังถูกเรียกตัวมาแล้ว นับประสาอะไรกับอธิการบดี เขาจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ยังไง?
“อย่ามามุงกันอยู่ตรงนี้ ออกไปซะ กลับห้องของพวกเธอไปได้แล้ว” เมื่อมาถึงเขาก็รีบเอ่ยปากไล่ฝูงชน ให้สลายตัวกันออกไปทันที
อธิการบดีผู้ซึ่งเพิ่งจะได้รับข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ไม่รีรอที่จะกล่าวตำหนิอาจารย์ผู้ก่อเหตุทันที ก่อนจะไล่เธอออกต่อหน้าฉีเซิง นอกจากนี้เขายังรีบกว่าขอโทษฉีเซิงด้วยท่าทางที่เสียใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะทางฝ่ายเขาเป็นฝ่ายผิด ต่อให้อธิการบดีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ถ้ามีข่าวลือเกี่ยวกับ อาจารย์ใส่ความนิสิตนักศึกษาแพร่ออกไป ข่าวนี้ย่อมต้องส่งผลต่อภาพลักษณ์ของทางมหาวิทยาลัยแน่นอน
ในส่วนของซูอี้อี้และพรรคพวก อธิการบดีได้นำตัวพวกเธอออกจากห้องไปพร้อมเขา ก่อนจะออกไปเขาได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะต่อฉีเซิงว่าเธอจะต้องได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจกับการตัดสินใจของเขาแน่นอน
เพียงแค่ก้าวพ้นเขตตึกหอพักนักศึกษาที่เกิดเหตุ อธิการบดีก็ตะคอกใส่หน้าของอาจารย์ผู้ซึ่งเป็นคนวิ่งมารายงานเรื่องนี้กับเขาทันที “ฉันบอกพวกนายหลายครั้งแล้วใช่ไหม ว่าให้ท่องจำให้ดีๆว่าใครล่วงเกินไม่ได้! แล้วเป็นยังไง? ครั้งนี้โชคดีว่าเป็นซวีเฉิงเยว่ ถ้าครั้งหน้าเป็นเสี่ยวเหว่ยล่ะจะทำยังไง? คราวนี้ล่ะมหาวิทยาลัยไปพลิกคว่ำพลิกงายแน่!!”
อาจารย์คนที่ถูกตะคอกรู้สึกขมขื่นในใจยิ่งนัก ‘ทำไมพวกเราต้องพยายามจำคนประเภทเสี่ยวเหว่ยด้วย? คนประเภทนั้นแสดงตัวราวกับว่ามีคำว่า ‘ฉันเป็นลูกคนรวย’ ติดอยู่บนหน้าผากอย่างงั้น คนแบบนั้น พวกเรายังต้องพยายามจำด้วยหรือ!!’
คอมเม้นต์