STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา – ตอนที่ 23 อาจารย์ลูกศิษย์เลื่อนขั้นพร้อมกัน (1)
ณ กลางลานบ้านเล็กลมพัดฝุ่นควันตลบ
เสือป่วยยังมีความน่าเกรงขามหลงเหลืออยู่!
เมื่อหยวนซั่วบันดาลโทสะ คนรอบตัวก็หายสาบสูญ
ส่วนหยวนซั่วในตอนนี้ก็ใช้วิชาคายรับอย่างเต็มที่
ในฐานะปรมาจารย์นักรบฝีมือระดับสูงสุด ในเมื่อหยวนซั่วตัดสินใจแล้วจึงไม่มีความลังเลใดๆ อีก ก่อนลงมือทำอะไรให้คิดไตร่ตรองให้ดี เมื่อถึงเวลาตัดสินใจลงมือทำอะไรจริงๆ ปรมาจารย์นักรบอาวุโสก็มีความเด็ดเดี่ยวจนน่าตกใจไม่แพ้กัน
พลังแสงดาราทะลักเข้าร่างกายอย่างบ้าคลั่ง!
เสียงหัวใจเต้นเร็วระรัวพอให้ได้ยินรางๆ เพราะแม้แต่หลี่ฮ่าวยังได้ยิน
เขาเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย
ทว่าก็แอบรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขากลัว กลัวอะไรกันนะ
กลัวพลังแสงดาราไม่พอใช้!
ถ้าเกิดอาจารย์ดูดซับน้อยเกินไปจนไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ
เขากลัว กลัวว่าพลังแสงดาราในจี้หยกกระบี่จะมีจำกัด ถึงขั้นชั่งใจว่าหากพลังในจี้หยกกระบี่ไม่พอใช้ ไม่รู้ว่าหินมีดจะใช้ได้หรือเปล่า
ส่วนเรื่องที่นำอาวุธสองชิ้นที่เขาใช้งานไม่ค่อยได้ผลมาแลกกับการช่วยให้หยวนซั่วเลื่อนขั้น หลี่ฮ่าวคิดว่าทุกอย่างคุ้มค่า!
ไม่อย่างนั้นสุดท้ายไม่เสียเปรียบให้ฝ่ายเงาโลหิตก็ต้องเสียเปรียบให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลอยู่ดี
นี่เป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด!
ส่วนเขาหลี่ฮ่าวก็แทบไม่ได้ผลประโยชน์จากตรงนี้เลย
……
ในเวลาเดียวกับที่หยวนซั่วกำลังดูดซับพลังแสงดารา
ณ กู่ย่วนเมืองหยิน
นอกลานบ้านเล็ก ในเวลานี้ไม่มีใครอยู่ในระยะร้อยเมตรสักคน
บนดาดฟ้าอาคารเรียนกู่ย่วนที่ห่างไกลออกไป
ตอนนี้กลับมีเงาสองคนปรากฏให้เห็น
ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง หน้าตาดูเลือนรางมองไม่ชัดนัก
“หูฮ่าว นายคิดว่าไง”
หญิงสาวถามประโยคหนึ่ง สายตาทอดมองออกไปไกลแต่ไม่ได้มองหยวนซั่วตรงๆ ทว่ากลับเบี่ยงเบนสายตามองไปทางอื่น
ทางนั้นเหมือนมีกลิ่นปราณโลหิตตลบอบอวลในอากาศเลยทำให้เธอไม่กล้าแอบดูโดยพลการ
“คิดว่ายังไงเหรอ”
ชายหนุ่มอยู่ในชุดเครื่องแบบสีดำ แววตาประกายเหมือนแสงดาวเป็นเส้นๆ ตอบกลับเสียงเบาว่า “ก็ไม่คิดว่ายังไง หยวนซั่วจะถ่ายทอดวิชาลับห้าปาณภูตให้ลูกศิษย์ งั้นก็ถ่ายทอดตามสบาย”
“แค่ถ่ายทอดวิชาลับเท่านั้นจริงเหรอ”
หญิงสาวทำท่าไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด “เสียงดังขนาดนี้ ถ้าจะสอนกลับไปสอนในห้องก็พอ ทำไมต้องเสียงดังกลางลานบ้านขนาดนี้ด้วย…”
“โชว์พลังละมั้ง”
ชายหนุ่มหัวเราะ “เธอก็รู้สถานการณ์ดี เหมือนมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลึกลับคนหนึ่งจับตาดูลูกศิษย์ของเขาอยู่ หยวนซั่วเฉิดฉายมาทั้งชีวิต ปัจจุบันพลังเหนือธรรมชาติผงาดขึ้นมาใหม่แล้วแต่เขาก็ยอมอดทนอยู่นิ่งๆ มาตั้งหลายปี สุดท้ายลูกศิษย์ในสังกัดถูกจับตามองเสียได้ เหตุที่วันนี้เล่นใหญ่อาจเพราะกำลังประกาศศักดาหวังว่าจะทำให้อีกฝ่ายยำเกรงอยู่ละมั้ง!”
“เป็นไปได้เหรอ”
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง “ยุคสมัยของเขา…ผ่านไปแล้ว!”
เมื่อยี่สิบปีก่อนนั้นเป็นยุคสมัยของปรมาจารย์นักรบ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยนั้นอีกแล้ว
ยี่สิบปีก่อนหยวนซั่วเฉิดฉายมีพลังอยู่เหนือใคร กระทั่งเป็นปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยระดับสูงสุดในบรรดานักรบทะลวงร้อยทั้งหลายจนใกล้เลื่อนขั้นสู่นักรบพันยุทธ์อยู่รางๆ ด้วยซ้ำ
บุคคลเช่นนี้ ใครจะไม่ให้ความเคารพยำเกรงกันบ้างเล่า
เมื่อหลายปีก่อนความจริงหยวนซั่วก็ยังมีความน่าเกรงขามอยู่มาก
แต่แล้วเมื่อหนึ่งปีก่อนก็มีนักศึกษาของกู่ย่วนถูกฆ่าตาย ซึ่งความจริงเปรียบเสมือนว่าความน่าเชื่อถือของหยวนซั่วได้ดับสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง
เรื่องที่หยวนซั่วบาดเจ็บคงแพร่สะพัดออกไป รวมถึงเรื่องที่ปราณโลหิตลดฮวบและหัวใจถูกทำลายก็คงหลุดแพร่งพรายออกไปด้วยเช่นกัน
ไม่อย่างนั้นปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยที่อยู่จุดสุดยอดคนหนึ่ง ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั่วไปคงไม่กล้ามีเรื่องด้วย
เมื่อหนึ่งปีก่อนอีกฝ่ายกล้าลงมือสังหารที่กู่ย่วนเช่นนั้น แสดงว่าอีกฝ่ายไม่กลัวหยวนซั่วเลยสักนิด!
บริเวณหน้าผากของหญิงสาวเหมือนมีดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ดวงหนึ่ง แต่เวลานี้กลับทอดมองไกลออกไปอีกครั้งพลางขยับน้อยๆ หยวนซั่ว…ไม่ใช่หยวนซั่วในอดีตอีกแล้ว
ความจริงเธอให้ความสนใจต่อวิชาลับห้าปาณภูตมาก
เธออยากลืมตาดู ดูทุกอย่างที่อยู่หลังม่านปราณโลหิตนั่นให้ทะลุปรุโปร่ง
หยวนซั่ว กำลังถ่ายทอดวิชาลับอยู่หรือกำลังทำอย่างอื่นอยู่กันแน่นะ
วินาทีถัดมาบริเวณหน้าผากของเธอก็ปรากฏแสงประกายพลังแสงดาราวิบวับขึ้นมาชั้นหนึ่ง ชายหนุ่มข้างๆ พูดเสียงนิ่ง “อย่าทำอะไรวู่วาม เรามาเพื่อปกป้องเขา ไม่ใช่หาเรื่องเขา…”
“ไม่เป็นไร!”
หญิงสาวยังคงข่มความสงสัยลงไม่ได้ ดวงตาที่สามตรงหน้าผากเบิกโพลง
ชายหนุ่มย่นคิ้วน้อยๆ “ระวังจะโดนปราณโลหิตจู่โจมเข้านะ…”
หญิงสาวยิ้มทีหนึ่งไม่พูดอะไร
ปราณโลหิตจู่โจมหรือ
ห่างกันหลายร้อยเมตรเนี่ยนะ
ปรมาจารย์นักรบ…เก่งกาจมากหรือไร
หญิงสาวอายุยังไม่มากนัก หล่อนเพิ่งเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้ไม่นานและเคยเห็นปรมาจารย์นักรบระดับสิบสังหารมาบ้าง เจ้าพวกนั้นอ่อนแอยิ่งกว่าอะไร!
ส่วนปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยหล่อนเคยพบเจออยู่คนหนึ่ง แต่เขาไปประจำที่กองบัญชาการใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาล เขาผู้นั้นเป็นคนที่ค่อนข้างถ่อมตัวนอบน้อม เมื่อเห็นผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ให้ความเกรงอกเกรงใจถึงขั้นทำตัวต่ำต้อยกว่า
ยุคสมัยของปรมาจารย์นักรบ จบลงแล้ว!
ตำนานปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยในวันวาน แต่ตอนนี้ก็แค่นี้แหละ
ยิ่งไปกว่านั้นหยวนซั่วยังบาดเจ็บอีกด้วย
หล่อนก็แค่ขอดูแวบเดียวเอง ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
หญิงสาวไม่ฟังคำเตือนแต่เลือกจะลืมตาแล้วยิ้มเอ่ยว่า “หูฮ่าว งานของเราก็คือต้องรับผิดชอบคอยเฝ้าสังเกตสถานการณ์ให้ดีป้องกันไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับศาสตราจารย์หยวนซั่ว ฉันแค่กำลังทำตามหน้าที่ ใครจะรู้กันล่ะว่าหลี่ฮ่าวนั่นกำลังคิดวางแผนฆ่าศาสตราจารย์หรือเปล่า”
หาข้ออ้างและไม่กลัวถูกคาดโทษแต่อย่างใด
หูฮ่าวขมวดคิ้วแล้วไม่พูดอะไรอีก
เพราะความหวังที่หยวนซั่วจะได้เลื่อนขั้นดับสลายเลยพลอยทำให้กองบัญชาการใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่ได้ให้ความเคารพนับถือต่อหยวนซั่วมากเท่าแต่ก่อนอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นหยวนซั่วก็แก่ลงแล้วจริงๆ ขณะนี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านตามรอยอารยธรรมโบราณคนอื่นๆ อยู่เหมือนกัน
ตำแหน่งสถานะของหยวนซั่ว ความจริงกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำลงไม่หยุด
“เธอระวังตัวหน่อย ปรมาจารย์นักรบตัวฉกาจก็ยังน่ากลัวมากอยู่ดี…”
“ฉันรู้!”
หญิงสาวพูดขัดคำเขา ดวงตาที่สามเบิกโพลง
ณ ตอนนี้เธอเห็นแล้ว
เห็นหยวนซั่วที่อยู่หลังม่านปราณโลหิตนั่นแล้ว
วินาทีนั้นเองเธอเห็นดวงตาหนึ่งคู่ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาท เต็มไปด้วยความเดือดดาล เต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งที่ถูกเหยียดหยาม
นั่นเป็นดวงตาที่มองทะลุหัวใจคนได้ มองทะลุทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้!
“อาจหาญนัก!”
“ลักลอบดูวิชาลับของฉัน อยากตายหรือไง!”
ตอนนั้นเองหยวนซั่วก็ก้าวทะยานขึ้นฟ้าทีเดียวเหมือนนกกำลังโบยบิน!
เคล็ดวิชาวิหคที่เหมือนไก่ตัวน้อยกำลังกระพือปีกแสนน่าเกลียดในอดีต ตอนนี้กลับปรากฏโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้าหลี่ฮ่าวเป็นครั้งแรก
กางสองแขนออกเป็นปีกแล้วทะยานขึ้นฟ้าไป!
หยวนซั่วจับได้ว่าอีกฝ่ายกำลังลอบมองเขาอยู่!
เขาเลยโกรธเข้าแล้ว!
ไฟโทสะที่สั่งสมมาตลอดหลายปีพลั่งพรูออกมาในคราวเดียว เขากลายร่างเป็นวิหคเหินกระโดดอยู่กลางอากาศ สองแขนขยับโบกไปมา ท่วงท่าอาจไม่สวยงามนักแต่กลับว่องไวจนน่าตกใจ!
หยวนซั่วกระโดดออกไปร้อยเมตรในพริบตาเดียว
เท้าจรดพื้นเบาๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง!
เขาไม่สามารถบินกลางอากาศได้โดยตรงแต่แรงกระโดดกลับดีจนน่าตกใจ จากนั้นเจ้าตัวก็ถีบดันตัวกระโดดออกไปไกลอีกร้อยเมตรในพริบตา
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เขาก็ก้าวกระโดดไปถึงสองสามร้อยเมตรแล้ว
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้หลี่ฮ่าวยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยิ่งไม่ทันตั้งตัวมากกว่า
เร็ว!
เร็วอย่างที่เทียบไม่ได้!
หยวนซั่วที่ฝึกเคล็ดวิชาห้าปาณภูตสำเร็จก็แทบจะเก่งรอบด้านไปเสียหมด
ต่อมาเขาก็ถีบดันตัวกระโดดขึ้นไปอีกครั้งจนแทบสูงระดับเดียวกับตึก ซึ่งอย่างน้อยก็ราวๆ สามสิบเมตรได้
ส่วนชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่บนตึกใหญ่ต่างหน้าถอดสี
หูฮ่าวรีบเอ่ยปาก “ผู้เฒ่าหยวน…”
“กรรซ์!”
เสียงพยัคฆ์ร้องกดทับทุกอย่างเอาไว้!
พลั่ก!
หูอื้อ!
หูฮ่าวมีเลือดไหลออกทางรูทวารทั้งเจ็ด พลันก็รู้สึกเหมือนหูหนวกไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น วินาทีนี้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติบางอย่างทะลักออกมาเลยทำให้เขาไม่มีเวลามาอธิบายอีกต่อไป
ส่วนผู้หญิงคนนั้น ตั้งแต่ดวงตาที่สามเบิกโพลงก็เหมือนสูญเสียพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไปแล้วมหาศาล
อีกทั้งยังอายุยังน้อยและประสบการณ์ยังน้อย ดวงตาที่สามในตอนนี้ถึงได้ปวดอย่างรุนแรง หล่อนยังไม่ทันตั้งตัวดี กระทั่งยังไม่ทันหลับตาลงด้วยซ้ำ แม้แต่ดวงตาทั้งสามก็เจอหมัดเข้าให้พร้อมกันด้วย!
“ลักลอบดูวิชาลับของฉัน ใจกล้านักนะ!”
“สังหาร!”
รังสีสังหาร พลังพิฆาต ปราณโลหิต…
ดวงตาทั้งสามของหญิงสาวเต็มไปด้วยเลือด มีเพียงสีเลือดแดงชาดพุ่งกระจายออกมา
ตุบ!
วินาทีถัดมาก็เกิดเสียงดังสนั่น
หยวนซั่วปล่อยหมัดออกไปพร้อมเสียงเอ็นกระดูกที่ดังสนั่น ดุจเสียงฟ้าร้องคำรามที่ระเบิดแตกตัวท่ามกลางความว่างเปล่า
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องแหลมดังแว่วมา ดวงตาทั้งสามของหญิงสาวเลือดทะลักออกมาพร้อมกับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติในปริมาณมาก
“บทลงโทษตักเตือนเล็กน้อย ถือว่าเห็นแก่ที่แกเพิ่งเคยทำผิดเป็นครั้งแรก จะไว้ชีวิตแกแล้วกัน!”
คอมเม้นต์