ปล้นสวรรค์ – บทที่ 138 คุณเป็นใครกัน
SPH:บทที่ 138 คุณเป็นใครกัน
“แฮก… แฮก …กระบวนท่าที่ยี่สิบห้าฉันเหนื่อยแล้ว!”
“…กระนวบท่าที่สามสิบ …แฮก …ไม่ไหวๆ ร่างกายฉันร้อนไปหมดแล้ว!”
“เย่หยู่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันกําลังร่ายรําอยู่บนกองไฟเลย!” ทําไมถึงได้ร้อนอย่างนี้เนี่ย”
“กระบวนท่าที่สามสิบสี่ ใกล้จะครบแล้ว อีกนิดเดียว!”
เย่หยู่ได้เห็นท่าทางของฮันเสี่ยเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ฮันเสวี่ยน่ากลัวเกินไปแล้ว! เธอเกือบจะทันเขาได้แล้ว!
เย่หยู่เริ่มสงสัยเกี่ยวเรื่องที่การสอนกระบวนท่าออกกําลังกายให้กับฮันเสวี่ย และเป็นไปตามคาดเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาจริงๆ!
“อํา เหนื่อยมาก! ในที่สุดเราก็ทําสําเร็จแล้ว!”
ฮันเสวี่ยยืนพักอยู่กับที่ เธอยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ไหลออกมาไม่หยุดพร้อมกับถามเย่หยู่ว่า “เย่หยู่กระบวนท่าของฉันเป็นยังไงบ้าง”
หน้าและชมเธอว่า “ไม่เลวเลยล่ะ เธอเกือบจะจับฉันได้อยู่แล้ว!”
เมื่อฮันเสวี่ยได้ยินดังนั้น ภายในใจของเธอก็เปี่ยมไปด้วยความสุข ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เธอตอบเขาว่า “ดีมาก!”
“แสดงว่าความสามารถของฉันในด้านศิลปะการต่อสู้ก็ใช้ได้ที่เดียวเลยนะเนี่ย!”
ส่วนคนที่ยื่นใกล้ๆพวกเขาอย่างซิงเหมิงและหยางเฟิงหวูได้แต่กลอกตาไปมา ไม่เลว? ใช้ได้เลยทีเดียว!
แปะ แปะ!
เม็ดฝนเริ่มหยดลงมากระทบกับพื้น
เย่หยู่เงยหน้าขึ้นไปมองเมฆครึ้มบนท้องฟ้าที่เริ่มก่อตัวหนาขึ้นเรื่อยๆ
แปะ! แปะ!
แปะ! แปะ!
เม็ดฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จากเม็ดฝนที่หยดลงมาทีละเม็ดได้เปลี่ยนเป็นสายฝน
“ฮวา!”
และแล้วฝนก็ตกลงมาอย่างรวดเร็ว
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
หลังจากเย่หยู่พูดจบ เขาก็หันไปจับมือฮันเสียและนําเธอวิ่งออกไปจากสนาม
“ลุงโจว ออกรถเลยค่ะ!”
ฮันเสวี่ยตบเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของเธอก่อนที่จะเข้าไปในรถแล้วพูดกับโจวฮ่าวที่นั่งอยู่บนที่นั่งฝั่งคนขับรถ
วึบ! * * * *
โจวฮ่าวขับรถออกจากโรงเรียนท่ามกลางสายฝน
ในขณะที่พวกเขาอยู่ระหว่างทางเย่หยู่ได้ขับรถตามพวกเขามาตั้งแต่ต้น
ขณะที่เขากําลังนั่งอยู่บนเบาะสบายๆของรถสปอร์ตเขาได้เปิดเพลงสบายๆฟังไปพร้อมๆกัน จู่ๆคิ้วของเย่หยู่ก็ค่อยๆย่นขึ้น
“มีบางอย่างผิดปกติ!”
จู่ๆเย่หยู่ก็รู้สึกเหมือนคนที่คล้ายจะเป็นลม มิหนําซ้ำเขายังรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกําลังมองดูเขาอยู่จากที่ไหนสัก
“เหยาเจนเทียน!” หยุดฮันเสวี่ยและคนอื่นๆเอาไว้ อย่าปล่อยให้พวกเขาไปต่อ!
“เกิดปัญหาขึ้นแล้ว!”
“รับทราบ นายท่าน!”
ทันทีที่เหยา เจนเทียนพูดจบประโยครถสปอร์ตได้เร่งความเร็วขึ้นจนตามโจวฮ่าวที่ขับรถคันข้างหน้าได้ทัน
“เย่หยู่ เป็นอะไรเหรอ?”
ฮันเสวี่ยลดระดับกระจกรถลง เธอถามเย่หยู่ด้วยความงนงง
ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาไม่หยุดนั้นเย่หยู่ได้มองไปรอบๆท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่มืดสนิทแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกับเธอว่า “มีคนกําลังมา!”
กึก! กึก!
รองเท้าคล็อกที่กระทบกับพื้นทําให้เกิดเสียงดังก้องไปทั่วท้องถนน
ตรงหน้าของเย่หยู่ปรากฏคนผู้หนึ่ง เขาคนนั้นสวมรองเท้าที่ทําจากไม้และสวมเสื้อคลุมผ้าลินินหลวมๆ ดาบยาวที่อยู่ในฝักถูกคาดไว้ที่เอวของเขาฝนที่กําลังตกอยู่ทําให้เขารู้สึกแปลกเพราะมันไม่ได้ตกลงบนเสื้อผ้าของคนคนนั้น
“ถูกต้อง!” สัญชาตญาณของนายทําให้ฉันทิ้งจริงๆ!”
เสียงของคนที่มีอายุเปล่งออกมาผ่านสายฝนด้วยความภูมิใจและหายไปในอากาศ
“คุณเป็นใครกัน”
เย่หยู่เปิดประตูและลงจากรถสปอร์ต เขามองไปทางคนที่มีอายุมากกว่าตัวเองที่กําลังแผ่รังสีอันตรายออกมา
“คนคนนั้นหัวเราะออกมา เขาโค้งตัวเล็กน้อย” ผู้อาวุโสคนนี้มาที่นี่เพื่อตามหาของบางอย่างจากเพื่อนตัวน้อยยัง
” มาจากสํานักเหรอ” แสงระยิบระยับแวบขึ้นมาในดวงตาของเย่หยู่” ชางกวนเชิงเป็นคนแบบไหนเนี่ย”
เหมือนมีแสงสาดส่องเข้ามาในดวงตาของชาง กุยมั่นน้ำเสียงของเขาฟังดูเย็นชาเล็กน้อย
“ว่ากันตามตรงก็ชายแก่กับหลานชายที่ไร้ประโยชน์นั่นละ!”
เย่ยหัวเราะ” ดูเหมือนว่าคุณจะที่นี่เพื่อหา13 เข็มของสํานักปีศาจสินะ”
แปะ แปะ!
ชางกุยจือปรบมือสองสามครั้งจู่ๆก็ปรากฏร่างนักรบที่คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 10 คน คนเหล่านั้นสวมเสื้อผ้าสีดําสนิทกําลังล้อมอยู่รอบๆเขา
“ถูกต้อง แต่น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสคนนี้คงไว้ชีวิตนายไม่ได้!
ชิ้ง
ทันทีที่ชายคนนั้นพูดจบนักรบชุดดําทุกคนที่ล้อมอยู่รอบตัวเขาก็ชักดาบออกมาจากฝักเกิดแสงสว่างวาบท่ามกลางสายฝน
ปัง!
ทันใดนั้นฮันเสวี่ยได้เปิดประตูรถยนต์เพื่อป้องกันเย่หยู่” คุณไม่มีทางทําร้ายเหยูได้หรอกนะ!”
คนขับรถโจวฮ่าวได้ผลักประตูให้เปิดออกแล้วเดินลงมาจากรถ เขามองไปที่ชางจือฉวนด้วยสายตาที่เอาจริงเอาจริง
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ดาบฉีที่อยู่กับคุณนั้นทรงพลังมากแสดงว่าคุณเป็นนักต่อสู้รุ่นแรกขั้นหก! ”
ชางกุยจือมองไปที่โจวฮาวด้วยสายตาขุ่นเคืองและพยักหน้าชื่นชม
“โอ้จริงๆแล้วเขาเป็นถึงนักต่อสู้ขั้นสี่สร้างกระดูก!”
“ แต่น่าเสียดายศิลปะการต่อสู้ที่นายเล่าเรียนมาคงจะไม่ได้ใช้มันอีกแล้ว!”
โจวฮ่าวหันหน้าไปทางเย่หยู่และรีบพูดกับเขาว่า” คุณชายเย่ ผมจะพยายามถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด รบกวนคุณชายพาคุณหนูฮันไปจากที่นี้ด้วยครับ!”
หลังจากโจวฮ่าวพูดจบแล้ว เขาได้ก้าวไปข้างหน้าในทันที โดยไม่ได้รอการตอบกลับจากเย่หยู่
เขาเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของชางกุยจือ
ตุ้ม!
โจวฮ่าวกําหมัดขึ้นและต่อยไปที่แผงอกของคนตรงหน้าเขา
แกล้ง!
ร่างกายของชางกุยจือไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิดเขาขยับนิ้ว ที่จับอยู่ที่ดาบที่อยู่ตรงเอวของเขาและซักมันออกมาจากฝัก
ในทันที
ฉีก!
ใบมีดแหลมคมได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของโจวฮ่าวราวกับว่ามีลูกกระสุนปืนยิงทะลุผ่านโจวฮ่าวไป
ชางกุยจือกําลังมองดูโจวฮ่าวที่ถูกเขากระแทกจนล้มหงายหลังลงไปและหัวเราะออกมาอย่างน่ารังเกียจ “ขยะ!”
กร๊อบ! * * * *
กระดูกหน้าอกของโจวฮ่าวแตกหัก ร่างกายเขาได้ล้มลงกองอยู่บนพื้นเลือดสีแดงไหลออกมาจากปากของเขา
“ลุงโจว!”
ฮันเสวี่ยรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอกรีดร้องออกมาทั้งน้ำตาหลังจากนั้นก็วิ่งเข้ามาช่วยโจวฮ่าวอย่างรวดเร็ว
“แค่ก!” โจวฮ่าวพยายามฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งให้ได้ เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา” คุณชายเย่หยู่รีบพาคุณหนูฮันเสียไปจากที่นี่เถอะครับ!”
เย่หยู่ยื่นมือออกไปวางบนหน้าอกของโจวฮ่าวเขาสะบัดนิ้วอยู่สักครู่ จู่ๆกระดูกส่วนที่หักอยู่ของโจวฮ่าวเริ่มประสานกันจนกลับมาอยู่ในสภาพที่ปกติ”ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกเขาไม่มีทางทําอะไรผมได้!”
“ฮันเสวี่ยพาลุงโจวไปที่รถฉันเดี๋ยวนี้!”
เย่หยู่ตบเข้าไปที่ไหล่ของฮันเสวี่ยอย่างเบามือและกระซิบกับเธอ
“อื้อ!”
ฮันเสวี่ยหันมามองเหยู่ด้วยความกังวล เธอกัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อยและช่วยพยุ่งโจวฮาวไปที่รถสปอร์ตที่จอดอยู่
“เหยาเจนเทียนจงคุ้มครองปกป้องพวกเขาเดี๋ยวนี้!”
เย่หยู่ตบเข้าไปที่ประตูรถและพูดออกมาเบา ๆ
“ปิ๊บ”
เหยาเจนเทียนส่งเสียงร้องแสดงให้เห็นว่าเขารู้แล้ว
ชางกุยจือยกมือขึ้นมาประสานไว้บริเวณหน้าอก เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วตะโกนออกไปว่า “ไป! ลากมันออกมา!”
เมื่อพวกเขาได้ยินนักต่อสู้ชุดดําที่ยืนอยู่รอบๆเขาปฏิบัติตามคําสั่งในทันที พวกเขาได้พุ่งตัวไปทางเย่หยู่โดยเร็ว
พรึบ! * * * *
เย่หยู่แกว่งนิ้วของเขาและพลังดาบแห่งสายฟ้าถูกส่งออกไปในทันที
ชุดดําของนักต่อสู้ที่สวมใส่อยู่ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
“อย่าปล่อยให้ขยะมาถ่วงเวลาเลยน่า คุณลงมือเองเลยสิ”
เหล่าลูกศิษย์ของชางกุยจือทําตัวไม่ถูกในขณะที่เขามองดูเสื้อผ้าสีดําของนักต่อสู้ที่ฉีกขาดด้วยพลังของดาบนั่น เขาพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ “นี่คือออร่าดาบ! ไม่ไม่ใช่!”เห็นได้ชัดว่าเป็นนักต่อสู้ระดับสองกลั่นโลหิต นายใช้ออร่าดาบได้ยังไง!”
สายตาของชางกุยจือกําลังลุกเป็นไฟในขณะที่จ้องมองไปทางเย่หยู่ เขาพูดด้วยความกระหายว่า “มันต้องเป็นวิชาลับ!” มีแค่วิชาลับเท่านั้นที่ทําแบบนี้ได้!”
“ทุกคนถอย!” ชางกุยจือสั่งให้นักต่อสู้ชุดดําถอยกลับมาตั้งหลักจู่ๆร่างกายที่เที่ยวแห้งดูเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงของ เขาก็ค่อยๆอวบขึ้น “คราวนี้ให้ผู้อาวุโสคนนี้จัดการเอง!”
“วาดดาบใส่มันซะ!” ชางกุยจือถือดาบของตัวเองแล้วเหวี่ยงมันในทันที ออร่าดาบที่แหลมคมถูกฟาดออกมา
เย่หยู่ให้ความสนใจกับคนที่มาจากสํานักเสมอเพราะสุดยอดทักษะการคํานวณชั้นสูงของเขาได้เปิดใช้งานแล้ว ทําให้เขาสามารถอ่านทิศทางของดาบได้อย่างง่ายดาย
พรึบ!
เขาเอียงตัวไปทางด้านข้างเล็กน้อย ออร่าดาบได้พุ่งไปทางด้านข้างของเย่หยู่ผ่านเขาไปถูกรถที่เคยมีฮันเสวี่ยนั่งอยู่ในนั้น
ปัง!
ชิ้นส่วนเหล็กของรถถูกผ่าเป็นสองส่วนเนื่องจากพลังของดาบทิพย์ และพลังของมันทําให้เกิดรอยแตกลึกลงบนพื้นอีกด้วย
“ ทักษะดาบของคุณไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยนะ!”
เย่หยู่คลี่ยิ้มออกมาและพูดเบาๆว่า
ชางกุยจือตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ” อวดดี!”
ดาบลมปรานและเลือดรอบตัวเขาพรั่งพรูออกมากระแส พลังงานภายในร่างกายได้แล่นผ่านขึ้นไปบนฟ้า
ไอน้ำที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าระเหยหายไปลอยเคว้งคล้ายกับควัน
กลุ่มนักต่อสู้ชุดดํายืนล้อมรอบตัวเขา
สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเคารพเมื่อพวกเขามองไปที่ชางกุยจือ”คุณคู่ควรกับการได้เป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่โดยแท้จริง!” ดาบลมปราณและเลือดเป็นเหมือนควันที่ลอยขึ้นไปในอากาศฉันสงสัยว่าใครจะเทียบมันได้!”
“ถูกต้องแล้วผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ก้าวเข้าสู่ขั้นเข้าสู่แก่นแท้ เมื่อสามปีก่อน! นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสํานักของเรา!
“ฮ่าฮ่า นี่เป็นการต่อสู้ครั้งแรกที่ผู้อาวุโสได้เป็นนักต่อสู้ระดับเข้าสู่แก่นแท้ ใช้เด็กคนนี้เป็นเครื่องสังเวย การปลดปล่อยเขานั้นง่ายนิดเดียว!”
“ฉันไม่เชื่อว่านักต่อสู้ระดับสองกลั่นโลหิตจะสามารถใช้ การโจมตีนั้นได้หลายครั้ง!”
“ ใช่แล้วพวกเราไม่สนและไม่มีทางหลงกลเขาเด็ดขาด!”
“เฮ้อ…นั่นก็เป็นเพราะผู้อาวุโสในตระกูลนั้นเป็นคนรอบคอบมากก็แค่เด็กเหลือขอคนนึง ถ้าเราเริ่มโจมตีล่ะก็ เราก็จะสามารถจับเขาในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้! “
คอมเม้นต์