หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 6 ล้างแค้น
ตอนที่ 6
ล้างแค้น
“พี่หลิน…..ต้องทำแบบนี้ด้วยหรือขอรับ”หนิงหลงที่กำลังโดนหลินฟานจับมัดติดกับเก้าอี้หันไปมองหลินฟานด้วยท่าทีระแวงอย่างประหลาด นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หนิงหลงรู้สึกว่าหลินฟานน่ากลัวขึ้นมา
“จริงๆก็ไม่ต้องหรอก แต่ศิษย์พี่…..ไม่สิเจ้าอาจจะทนไม่ไหวแล้วหนีไปก็ได้ ข้าก็เลยต้องมัดเอาไว้”หลินฟานตอบคำถามพร้อมพยายามทำท่านิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยามนี้หลินฟานทำตามที่ลั่นวาจาเอาไว้จริงๆ ในเวลาสอนการฝึกฝนพลังวิญญาณให้หนิงหลง หลินฟานจะไม่เรียกหนิงหลงว่าศิษย์พี่ และจะปฏิบัติตนเช่นครูฝึกกับผู้ฝึกสอนเท่านั้น
“หนี? พี่หลินล้อข้าเล่นแล้ว ทำไมข้าต้องหนีด้วย”หนิงหลงเหงื่อตกก่อนจะหันไปมองหลินฟานด้วยท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ่งฟังหลินฟานพูดหนิงหลงก็ยิ่งสงสัยว่าหลินฟานต้องการจะทำอะไรกันแน่
“เคล็ดฝึกฝนพลังวิญญาณที่ข้ากำลังจะสอนให้เจ้านั้นเป็นเคล็ดวิชาลับของตระกูลหลิน มีชื่อว่าร่างเซียนสถิต เป็นเคล็ดวิชาอันดับสามของอาณาจักรมังกรฟ้า แต่ทว่าผู้ฝึกจำเป็นต้องชำระร่างกายให้พร้อมเสียก่อน”หลินฟานว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา เคล็ดร่างเซียนสถิตนั้นว่าด้วยร่างกายที่ใสสะอาดจนเซียนสามารถเข้ามาสถิตในร่างได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงคำเปรียบเปรยเท่านั้น เคล็ดวิชาร่างเซียนสถิตมีกำลังที่รุนแรง ร่างกายของคนธรรมดาไม่อาจฝึกฝนได้ เพราะฉะนั้นก่อนจะฝึกหลินฟานจะต้องทำ 3 สิ่งให้หนิงหลงเสียก่อนนั่นคือ ชำระกระดูก ผสานกล้ามเนื้อ และทะลวงชีพจร ทั้งสามขั้นตอนนี้ใช้พลังวิญญาณด้วยกลวิธีพิเศษเพื่อทำให้ร่างกายของผู้สืบทอดมีคุณสมบัติพร้อมที่จะฝึกเคล็ดวิชาร่างเซียนสถิต แน่นอนว่ามันต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดมหาศาลมากทีเดียว
“หนิงหลง ข้าจะส่งพลังวิญญาณของข้าเข้าไปในตัวเจ้า เตรียมตัวให้พร้อม”หลินฟานว่าพลางแตะมือลงไปบนแผ่นหลังของหนิงหลง โชคดีที่หนิงหลงยังเป็นเด็ก การชำระร่างเลยไม่ยากเย็นอะไรนัก ขอเพียงหนิงหลงทนความเจ็บปวดได้ โอกาสสำเร็จก็มากจนไม่ต้องห่วงอะไร
“เดี๋ยวสิขอรับ พี่หลินท่านยังไม่ได้อธิบายให้ข้าเข้าใจเล……”หนิงหลงยังไม่รู้เรื่องว่าตนจะโดนอะไรแต่ก็สัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่ถึงจะพยายามหนีตอนนี้หนิงหลงก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากเชือกที่มัดเอาไว้อย่างแน่นหนาได้แล้ว
“อ๊ากกกกก”ทันทีที่หลินฟานเริ่มทำการชำระ ความรู้สึกเจ็บปวดก็ไหลผ่านมือของหลินฟานเข้ามาที่กระดูกสันหลังของหนิงหลง ความรู้สึกแรกราวกับกระดูกทั่วร่างกำลังโดนป่นจากภายในก่อนจะเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเหมือนกระดูกกำลังงอกออกมาใหม่เลย ความเจ็บปวดยามนี้ราวกับกระดูกกำลังเสียดแทงกล้ามเนื้อจากภายในไม่มีผิด เหมือนกับมีมีดงอกในร่างแล้วกำลังกรีดกล้ามเนื้อด้านในเลย แต่ความเจ็บปวดของขั้นตอนนี้ไม่ใช่แค่นั้น หลังจากทำการชำระกระดูกเสร็จ หลินฟานก็เริ่มทำการผสานกล้ามเนื้อทันที
พริบตาที่เริ่มทำการผสานกล้ามเนื้อ ความรู้สึกของหนิงหลงก็ราวกับถูกโยนเข้ากองเพลิง ความรู้สึกร้อนไปทุกรูขุมขนเช่นนี้บางทีการโดนเผาทั้งเป็นยังสบายเสียกว่า แม้ร่างกายจะไม่ได้ไหม้จริงๆแต่มันก็แสบร้อนไปทั้งตัว แถมขั้นตอนการชำระกระดูกก็ยังไม่ได้จบลง ตอนนี้ราวกับหนิงหลงกำลังงอกร่างใหม่ขึ้นมาจริงๆไม่มีผิด
“ขั้นตอนสุดท้าย จะเจ็บขึ้นหน่อยนะ อดทนหน่อย”หลินฟานว่าพลางมองร่างของหนิงหลงที่เริ่มนิ่งไปแล้ว ตอนนี้ความเจ็บปวดของ 2 ขั้นตอนแรกน่าจะเริ่มทุเลาแล้ว แต่ขั้นตอนที่เจ็บปวดที่สุดคือขั้นที่ 3 นี่ล่ะ การฝืนทะลวงชีพจรปกติแล้วใช้เวลาเป็นสิบๆปีเพื่อจะทะลวงจุดชีพจรจุดหนึ่ง แต่ด้วยเคล็ดวิชาลับของตระกูลหลิน ขอเพียงอดทนเอาไว้ได้ก็สามารถทะลวงจุดชีพจรได้อย่างรวดเร็ว ส่วนจะทะลวงได้เท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้ลงมือ แต่ทว่า…..
“ยังมีเจ็บกว่านี้อีกหรือขอรับ ข้าไม่ไหวแล้วนะขอรับ”หนิงหลงว่าพลางหายใจหนักๆออกมา ยามนี้ร่างของหนิงหลงเต็มไปด้วยเหงื่อหลังจากผ่าน 2 ขั้นตอนแรกมาได้ แต่ถึงหลินฟานจะบอกให้ทำใจเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย แต่ไม่ว่าจะรอนานขนาดไหน หลินฟานก็ไม่ลงมือเสียที
“เสร็จแล้วล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว”หลินฟานปล่อยมือออกมาแผ่นหลังของหนิงหลงช้าๆด้วยใบหน้างงๆราวกับกำลังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ปกติแล้วเส้นชีพจรวิญญาณของมนุษย์ปกติจะตีบเล็กและมีจุดชีพจรปิดตันตามแต่ละจุด เพราะต้องทะลวงจุดชีพจรเหล่านั้นหลินฟานก็เลยต้องส่งพลังวิญญาณของตนเข้าไปขยายและทะลวงจุดชีพจรเหล่านั้น แต่เมื่อครู่หลินฟานส่งพลังวิญญาณเข้าไปกลับพบว่าในร่างของหนิงหลงนั้นไม่มีจุดชีพจรที่ปิดตันอยู่เลย แถมขนาดเส้นชีพจรยังกว้างกว่าคนปกติมาก เส้นชีพจรเช่นนี้เป็นเส้นชีพจรในฝันที่แม้แต่วิชาลับของตระกูลหลินก็ไม่มีทางสร้างขึ้นมาได้ ประกอบกับกระดูกและกล้ามเนื้อที่หลินฟานชำระให้แล้วร่างของหนิงหลงยามนี้จึงสมบูรณ์พร้อมจนน่าอิจฉาเลย
“พี่หลิน ตระกูลท่านทำแบบนี้กับลูกหลานทุกคนเลยหรือเปล่าขอรับ”หนิงหลงถามพลางเอนตัวพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีเหนื่อยๆ หลินฟานบอกว่านี่เป็นเคล็ดวิชาลับของตระกูลหลิน เช่นนั้นแล้วตระกูลหลินก็ฝึกวิชาแบบนี้กันทุกคนเลยงั้นหรือ
“ใช่แล้วขอรับ นอกจากพวกสะใภ้ที่แต่งเข้าบ้านมาภายหลัง คนตระกูลหลินล้วนผ่านการฝึกฝนเช่นนี้ทุกคนขอรับ”หลินฟานตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีภูมิใจ เพราะแบบนี้ตระกูลหลินเลยเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งมากตระกูลหนึ่ง เพราะแบบนี้องค์จักรพรรดิถึงได้ไม่อยากประหารคนตระกูลหลินและหาทางรอดให้หลินฟานนั่นเอง
“ตระกูลท่านช่างเป็นคนใจยักษ์ใจมารจริงๆ”หนิงหลงว่าพลางเบ้ปากเล็กน้อย ต้องใจร้ายขนาดไหนกันถึงได้สร้างความเจ็บปวดให้ลูกหลานตัวเองขนาดนี้ตั้งแต่เด็ก
“เอ๊ะ แต่เพราะทำแบบนี้ทุกคนถึงได้แข็งแรงนะขอรับ เหมือนราชสีห์ที่ผลักลูกตัวเองตกจากหน้าผาไงขอรับศิษย์พี่”หลินฟานยิ้มร่าออกมาด้วยท่าทีเคยชิน ท่านพ่อของหลินฟานก็พูดแบบนี้เหมือนกัน มันถือเป็นเกียรติของตระกูลหลินเชียวนะ
“ตกหน้าผายังจะเจ็บน้อยกว่านี้อีก”หนิงหลงว่าพลางมองสำรวจไปตามร่างกายของตนเอง ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่แต่เหมือนผิวของหนิงหลงจะผ่องขึ้น แถมบาดแผลเก่าๆที่เกิดจากการฝึกฝนตีเหล็กก็ยังหายไปอย่างกับเรื่องโกหกแนะ
“แต่ก็เจ็บแค่ขั้นตอนนี้เท่านั้นล่ะขอรับ ศิษย์พี่อดทนได้ยอดเยี่ยมมากเลยขอรับ”หลินฟานว่าพลางปลดเชือกให้หนิงหลงเป็นอิสระ หลังจากผ่านการชำระร่างกายแล้วร่างของหนิงหลงก็จะพร้อมสำหรับการฝึกเคล็ดวิชาร่างเซียนสถิตแล้ว และต่อไปในภายภาคหน้าต่อให้ฝึกวิชาอะไร ร่างของหนิงหลงก็จะพร้อมสำหรับวิชาเหล่านั้นโดยไม่ได้รับผลเสียอย่างแน่นอน
.
.
.
“เอ่อ….ศิษย์พี่ขอรับ นี่ไม่ได้เอาคืนกันใช่หรือเปล่าขอรับ”หลังจากจบการฝึกพลังวิญญาณกับหลินฟาน ในช่วงบ่ายก็ถึงเวลาฝึกฝนวิชาตีเหล็กของหลินฟานเสียที แต่แทนที่อาวุโสหมิงซานจะมาฝึกฝนให้กลับกลายเป็นหนิงหลงเป็นผู้เข้ามาฝึกสอนแทนเสียอย่างนั้น
“เปล่านี่ขอรับ ข้ามีอะไรให้เอาคืนพี่หลินด้วยงั้นหรือ”หนิงหลงตอบพลางเอาปลอกแขนโลหะมามัดเอาไว้กับแขนของหลินฟาน แม้จะดูภายนอกเหมือนปลอกแขนที่หนาไปสักหน่อย แต่ภายในมันคือโลหะที่หนักกว่าโลหะปกติหลายเท่า แค่มัดมันเอาไว้กับแขนก็ทำให้รู้สึกหนักอึ้งแล้ว
“ไม่ๆ นี่มันเป็นการเอาคืนแน่ๆขอรับ”หลินฟานว่าพลางมองหนิงหลงที่กำลังมัดปลอกแขนโลหะใส่แขนของหลินฟาน พอใส่สองข้างแล้วมันแทบจะยกแขนไม่ขึ้นแนะ
“พี่หลินท่านคิดไปเองแล้ว อาจารย์สั่งว่าให้พี่หลินสวมปลอกแขนเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อเพิ่มกำลังแขนขอรับ”หนิงหลงว่าพลางเดินเข้าไปหยิบแผ่นโลหะมาเพิ่มเพื่อติดเอาไว้บนบ่าของหลินฟานเหมือนเป็นเกราะไหล่ แต่เท่านั้นยังไม่พอหนิงหลงยังเอาชุดเกราะเหล็กที่ไม่ทราบไปเอามาจากไหนมาสวมทับให้หลินฟานอีกต่างหาก เล่นเอาตอนนี้หลินฟานเหมือนกำลังสวมเกราะเพื่อเตรียมออกรบเลย แต่เกราะนี่มันหนักเกินไปแล้ว ไม่ใช่เกราะที่คนธรรมดาจะใส่ได้เสียด้วยซ้ำ
“หืม……หนิงหลง ข้าบอกให้ใส่แค่ปลอกแขนไม่ใช่หรือ ทำไมใส่เกราะเพิ่มด้วยล่ะ”หนิงหลงสวมเกราะให้หลินฟานเสร็จ อาวุโสหมิงซานที่เพิ่งเดินออกมาหลังบ้านก็เอ่ยปากทักด้วยท่าทีสงสัย หลินฟานยกค้อนสดับทศทิศได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องฝืนเพิ่มกำลังขนาดนั้นก็ได้ อาวุโสหมิงซานเดิมวางแผนให้หลินฟานเพิ่มกำลังแขนไปเรื่อยๆ ไม่กี่ปีก็น่าจะใช้ค้อนสดับทศทิศได้แล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องฝืนร่างกายด้วยการสวมเกราะหนักเลย
“จริงด้วย ศิษย์พี่นี่ท่านจงใจล้างแค้นข้าชัดๆเลยไม่ใช่หรือขอรับ”หลินฟานได้ยินอาวุโสหมิงซานพูดเช่นนั้นก็หันไปค้อนหนิงหลงทันที เจ้าเด็กนี่เห็นท่าทางเรียบร้อยไร้เดียงสา แต่พอโดนทำให้เจ็บเข้าหน่อยก็มาเอาคืนแบบนี้งั้นหรือ ช่างร้ายกาจจริงๆ
“เปล่านี่ขอรับ ข้าแค่หวังดีให้พี่หลินฝึกฝนกล้ามเนื้อได้โดยเร็วเท่านั้นขอรับ”หนิงหลงตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่มีพิษภัยเสียอย่างนั้นทำเอาหลินฟานถึงกับรอยยิ้มกระตุกขึ้นมาทันที
“เช่นนั้นแล้วทำไมศิษย์พี่ไม่ฝึกกล้ามเนื้อกับข้าบ้างล่ะขอรับ”หลินฟานถามพลางมองไปที่แขนของหนิงหลง ก็จริงที่หนิงหลงท่าทางจะมีกำลังมากกว่าเด็กทั่วไป ระหว่างสวมเกราะให้หลินฟานยังยกโลหะพวกนั้นได้สบายเลย แต่ที่แขนของหนิงหลงนามนี้ไม่ได้สวมอะไรเอาไว้เลย แบบนี้ไม่เอาเปรียบกันเกินไปหน่อยหรือ
“หนิงหลงยังเด็กเกินไป เอาไว้ให้ร่างกายพร้อมก่อนค่อยฝึกกล้ามเนื้อ”อาวุโสหมิงซานเป็นฝ่ายตอบด้วยตนเอง เพราะหากให้หนิงหลงแบกโลหะพวกนั้นทั้งวันร่างกายของหนิงหลงน่าจะพังก่อนได้ฝึกฝนแน่ๆ
“อาจารย์ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านให้ข้าสอนอะไรศิษย์พี่”หลินฟานได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ออกมาเสียอย่างนั้น
“ร่างกายของศิษย์พี่ตอนนี้เอาไปเทียบกับเด็กธรรมดาไม่ได้หรอกนะขอรับ ตอนนี้ข้าชำระกระดูก ผสานกล้ามเนื้อและทะลวงชีพจรให้ศิษย์พี่เรียบร้อยแล้ว ร่างกายของศิษย์พี่ตอนนี้เหมาะกับการฝึกฝนทุกรูปแบบเลยขอรับ ต่อให้แบกน้ำหนักเท่ากับข้าตอนนี้ก็ยังสบาย”หลินฟานจงใจเติมสีใส่ไข่ลงไปเต็มที่เพราะต่อให้ผ่านการฝึกแล้วหนิงหลงก็ยังไม่มีกำลังพอจะแบกโลหะเท่าที่หลินฟานแบกตอนนี้หรอก แต่ที่หลินฟานพูดออกไปเช่นนี้ก็เพื่อเอาคืนหนิงหลงที่เอาของพวกนี้มาให้ตนแบกโดยไม่จำเป็นต่างหาก
“เอ๊ะ อาจารย์…..ข้า”หนิงหลงได้ยินหลินฟานพูดเช่นนั้นก็สะดุ้งโหยงออกมาทันที ปลอกแขนพวกนั้นหนักจะตายขืนให้เขาใส่เดินไปเดินมามีหวังได้แขนหลุดแน่ๆ
“อืม….เช่นนั้นก็ดี ข้าจะตีปลอกแขนขนาดที่เจ้าสวมได้ให้เอง”อาวุโสหมิงซานได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าด้วยท่าทีพึงพอใจ แถมยังเสนอตัวทำปลอกแขนให้หนิงหลงด้วยตัวเองอีกต่างหากทำเอาหนิงหลงได้แต่ยืนเหงื่อตกอยู่ข้างหลัง
“จริงด้วยนะขอรับศิษย์พี่ พรุ่งนี้ข้าจะตั้งใจสอนท่านแบบเต็มความสามารถเลยขอรับ ตอบแทนความใส่ใจที่ท่านมอบให้ข้าในวันนี้ไงล่ะ”หลินฟานพูดด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนตรงกันข้ามกับบรรยากาศที่สื่อออกมาคนละทางเลย
คอมเม้นต์