หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 32 ต้องไป

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 32 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 32

ต้องไป

 

 

 

 

“ละ แล้วเรื่องของอี้เฟยกับหนิงหลงล่ะ”หลังจากแก้ไขข้อเข้าใจผิดของภรรยาเรียบร้อยแล้ว หยางเยี่ยนเหว่ยก็เริ่มถามเรื่องที่ภรรยาของตนกลับไปหาข้อมูลมาทันที เพราะเรื่องของอี้เฟยนั้นสำคัญกับพวกเขามาก แม้จะได้ผ้าคลุมของหนิงหลงช่วยเอาไว้ แต่ก็เป็นเพียงการนำผ้ามาปิดปากแผลเท่านั้น หากไม่มีเสื้อคลุมผืนนั้นก็ยังไม่ถือว่ารักษาอาการของบุตรสาวได้ ส่วนหนิงหลงที่ช่วยสร้างเสื้อคลุมให้ยังไงก็ต้องตอบแทนให้ได้

 

“ตอนแรกข้าเข้าใจผิดมาตลอด เพราะคิดว่าพลังไฟของอี้เฟยเป็นไฟชนิดชั่วร้ายก็เลยพยายามหาทางรักษาจากพลังธาตุไฟที่ผิดปกติของคนในอดีตมาตลอด”เซียงเซียนตอบพลางมองไปทางห้องของบุตรสาวด้วยท่าทีอ่อนโยน เพราะพลังของอี้เฟยระเบิดออกมาจนควบคุมไม่ได้ นางก็เลยคิดว่าไฟของอี้เฟยน่าจะส่งผลร้ายกับนางจนได้เห็นสีที่แท้จริงของมัน

 

“แต่เพราะสีของมันเป็นสีทองข้าก็เลยลองไปสอบถามท่านพ่อดู…ท่านบอกว่าไฟสีทองมีเพียงสามชนิดเท่านั้น ซึ่งอย่างแรกเป็นเพลิงของมังกรทองราชาแห่งเหล่ามังกรไฟไม่มีทางที่มนุษย์จะครอบครองได้ ส่วนชนิดที่สองและสามคือเพลิงที่ชื่อ เพลิงศักดิ์สิทธิ์ และ เพลิงสุริยันทอแสง ซึ่งเป็นพลังธาตุไฟที่หายากทั้งคู่”เซียงเซียนเล่าเรื่องที่ได้ฟังมาจากบิดาของตนให้หยางเหยียนเหว่ยฟังอย่างละเอียด โดยไฟ เพลิงสุริยันทอแสงนั้นเป็นเพลิงที่แปลกและหาได้ยาก แต่ถึงชื่อจะดูดีแค่ไหนแต่คำว่าสุริยันทอแสงนั้นเป็นคำที่ใช้เปรียบเปรยพลังของผู้มีไฟชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี ไฟของผู้มีพลังธาตุของเพลิงสุริยันทอแสงจะมีไฟสีเหลืองทองดูแล้วอบอุ่น แต่เพราะเป็นสีของดวงตะวันยามเย็นที่ทอแสงอ่อนๆออกมาจนเป็นสีเหลืองทองเท่านั้น มันก็เลยไร้พลังเมื่อเทียบกับพลังไฟปกติ ซึ่งไฟชนิดนี้ไม่ใช่ไฟที่อี้เฟยมีอย่างแน่นอน เพราะพลังไฟของอี้เฟยรุนแรงกว่าคนปกติเสียอีก แถมนางยังควบคุมไม่ได้ด้วย

 

“เช่นนั้น….ไฟของอี้เฟยก็คือเพลิงศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ”หยางเยี่ยนเหว่ยถามพลางมองไปทางภรรยาของตนเองด้วยท่าทีประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่าพลังของอี้เฟยจะเป็นของหายากเช่นนี้

 

“เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น…..โชคดีจริงๆที่นางเป็นลูกของพวกเรา”หยางเซียงเซียนถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีโล่งอก ไม่ใช่เพราะดีใจที่อี้เฟยมีพลังเช่นนี้ แต่เพราะโล่งใจที่นางเป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักธาตุไฟอันดับ 1 แห่งอาณาจักรผลาญสุริยันต่างหาก ผู้มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นหาได้ยากยิ่ง เพราะไฟศักดิ์สิทธิ์มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆมากมายที่เป็นคุณต่อผู้ใช้และคนรอบข้าง หากนางไม่ได้เป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักธาตุไฟที่ยิ่งใหญ่อย่างหยางเยี่ยนเหว่ยละก็ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีคนพยายามแย่งชิงตัวนางมากแค่ไหน

 

“ถ้าเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นเพลิงที่ส่งผลดีกับอี้เฟย แล้วทำไมนางถึงได้มีอาการเช่นนั้นเล่า”หยางเยี่ยนเหว่ยถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย หากเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นเพลิงที่มีคุณกับผู้ใช้ ทำไมนางถึงควบคุมไม่ได้ล่ะ

 

“บางที…สาเหตุน่าจะมาจากอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไฟของนาง”เซียงเซียนตอบกลับมาด้วยท่าทีครุ่นคิด เพราะก่อนหน้านี้พวกตนคิดมาตลอดว่าอี้เฟยน่าจะควบคุมพลังไม่ได้ หรือไม่ก็เพราะพลังธาตุของนางเป็นพลังที่มีปัญหา แต่พอสวมเสื้อคลุมของหนิงหลงก็ทำให้เห็นแล้วว่าทักษะควบคุมเพลิงของอี้เฟยนั้นสูงกว่าที่ควรจะเป็นเสียอีก แถมไฟของอี้เฟยก็เป็นเพลิงศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เช่นนั้นตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาก็พยายามรักษาอาการของบุตรสาวผิดไปตลอดเลยงั้นหรือ

 

“หรือว่าร่างกายของนางจะผิดปกติ…..”หยางเยี่ยนเหว่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เสนอความคิดเห็นออกมา หากไม่ใช่ที่ทักษะควบคุมหรือพลังธาตุ เช่นนั้นแล้วก็คงเป็นเพราะร่างกายส่วนอื่นมีปัญหากระมัง

 

“แต่….พวกเราก็เชิญหมอมาตรวจอาการของอี้เฟยแล้วนี่นา ท่านก็ไม่พบอะไรผิดปกติไม่ใช่หรือ”แม้จะสรุปได้แบบนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยก็ยังคาใจอยู่ดี ไม่ใช่ว่าพวกตนละเลยการตรวจสอบร่างกายของบุตรสาวเสียหน่อย ตั้งแต่พบอาการของนางแรกๆหยางเยี่ยนเหว่ยก็เชิญหมอที่รู้จักมาช่วยดูอาการของอี้เฟยแล้ว แต่ก็ไม่พบอาการผิดปกติอะไรแม้แต่น้อย เพราะแบบนั้นพวกตนถึงได้เชื่อว่าเป็นเพราะทักษะควบคุมไฟของนางหรือไม่ก็พลังธาตุของนางไม่ใช่หรือ

 

“เพราะงั้นท่านพ่อก็เลยเชิญหมอเทวดามาที่บ้านตระกูลหงแล้วยังไงล่ะ”เซียงเซียนตอบออกมาด้วยท่าทียิ้มๆ หมอธรรมดาตรวจได้เพียงร่างกายภายนอกเท่านั้น แต่สายอาชีพนี้เองก็มีเหล่าหมอที่ฝึกฝนพลังวิญญาณเช่นกัน หมอเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้ถึงเส้นชีพจรวิญญาณเลยทีเดียว

 

“จริงงั้นหรือ…..แต่ทำไมถึงเชิญไปที่บ้านตระกูลหงล่ะ”หยางเยี่ยนเหว่ยถามพลางกะพริบตาถี่ๆเหมือนจะไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ถ้าให้มารักษาอี้เฟยก็ควรเรียกหมอมาที่สำนักเพลิงบัญญัติสิ

 

“นั่นเพราะ…..เรื่องของหลานหนิงหลงยังไงล่ะ”เซียงเซียนตอบพลางหัวเราะออกมา สามีของนางไม่ถูกกับพ่อตาเท่าไหร่ เพราะแบบนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยเลยไม่ชอบไปเยี่ยมบ้านตระกูลหงซึ่งเป็นบ้านเกิดของเซียงเซียนเอาซะมากๆ

 

“ข้าเล่าเรื่องของหลานหนิงหลงให้ท่านพ่อฟังแล้ว ท่านบอกว่าจะให้หนิงหลงเข้าไปในห้องผนึกอสูรได้”เซียงเซียนตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ ไม่นึกเลยว่าท่านพ่อจะใจกว้างเช่นนี้

 

“หะ…ห้องผนึกอสูรนั่นห้ามคนนอกเข้าไป….จริงสิหลานหนิงหลงเป็น……”หยางเยี่ยนเหว่ยแสดงท่าทีตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงห้องผนึกอสูร เรื่องนี้ต้องย้อนความไปถึงความสัมพันธ์ของตระกูลหงกับราชวงศ์เวยเลยทีเดียว เพราะตระกูลหงนั้นหากพูดให้ชัดๆก็มีฐานะไม่ต่างจากตระกูลหลินของ หลินฟาน เลย ตระกูลหงเป็นตระกูลที่ครอบครองพื้นที่แห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ห้องผนึกอสูร เอาไว้ มีเพียงคนของตระกูลหงเท่านั้นที่ทราบวิธีเข้าไปและออกมา โดยห้องผนึกอสูรแห่งนี้ว่ากันว่าเป็นห้องที่ปกคลุมไปด้วยพลังธาตุไฟที่พิเศษอย่างมาก ขอเพียงเข้าไปฝึกฝนในห้องนั้นย่อมทำให้พลังธาตุของผู้เข้าไปแข็งแกร่งขึ้นได้ ส่วนที่ทำไมถึงเหมือนตระกูลหลินนั้นก็เพราะผู้ที่จะเข้าไปได้มีเพียงคนของตระกูลหงและราชวงศ์เวยเท่านั้น ทำให้ตระกูลหงและราชวงศ์เวยมีพลังธาตุไฟแข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปนั่นเอง ซึ่งมันก็เหมือนวิชาร่างเซียนสถิตที่ตระกูลหลินครอบครองอยู่ มันมีไว้เพื่อทำให้ราชวงศ์แข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง

 

“หลานหนิงหลงเป็น…….หลานชายของท่านพ่อ เพราะแบบนี้หลานหนิงหลงก็มีสิทธิ์เข้าไปในห้องผนึกอสูรมากกว่าท่านที่แอบเข้าไปเมื่อหลายสิบปีก่อนเสียอีก”เซียงเซียนหันมาเหล่มองสามีของตนเองด้วยใบหน้ายิ้มๆเสียอย่างนั้นเล่นเอาหยางเยี่ยนเหว่ยได้แต่ถอนหายใจออกมา สาเหตุที่หยางเยี่ยนเหว่ยไม่ถูกกับพ่อตาไม่ใช่เพราะเรื่องธรรมดาอย่างการเอาบุตรสาวเขามาแต่งงานด้วยหรอก แต่เป็นเพราะหยางเยี่ยนเหว่ยที่เป็นบุตรชายของเจ้าสำนักเพลิงบัญญัติในตอนนั้นเกิดรู้เรื่องห้องผนึกอสูรเข้าให้ ก็เลยแอบเข้าไปในเขตของตระกูลหงเพื่อหวังเพิ่มพลังธาตุของตัวเอง แต่แทนที่จะแอบเข้าไปฝึกวิชาเฉยๆหยางเยี่ยนเหว่ยดันเข้าไปพบหญิงสาวคนหนึ่งเข้า ทำให้นอกจากฝ่าฝืนกฎของตระกูลหงแล้วยังบังอาจขโมยหัวใจบุตรสาวของท่านเจ้าตระกูลไปเสียอีก

 

“ระ เรื่องมันนานแล้วน่า”หยางเยี่ยนเหว่ยเกาแก้มเขินๆก่อนจะหลบสายตาของเซียงเซียนไปทางอื่น ตอนนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยแทบจะต้องหนีเอาตัวรอดจากตระกูลหงไปอาณาจักรอื่นเสียด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะหยางเยี่ยนเหว่ยเป็นบุตรชายเจ้าสำนักเพลิงบัญญัติละก็เขาคงโดนฆ่าตายเพื่อป้องกันความลับของตระกูลหงไปแล้ว ผลสรุปสุดท้ายที่หยางเยี่ยนเหว่ยได้แต่งงานกับเซียงเซียนและเกี่ยวดองกับตระกูลหงอย่างเป็นทางการนั้นเป็นผลสรุปที่ดีที่สุดเท่าที่หยางเยี่ยนเหว่ยจะทำได้แล้วจริงๆ

 

“คิกๆ…..ถึงท่านพ่อจะโกรธ แต่ข้าไม่โกรธหรอกนะ เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นท่านก็ไม่ได้พบกับข้าน่ะสิ”เซียงเซียนหัวเราะก่อนจะทิ้งตัวลงมาซบไหล่หยางเยี่ยนเหว่ยเบาๆ ก็จริงต่อให้หยางเยี่ยนเหว่ยย้อนกลับไปได้ วันนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยก็จะทำแบบเดิมอีกแน่ๆ

 

“งั้น…..ข้าต้องไปที่บ้านตระกูลหงจริงๆสินะ”หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ไปบ้านตระกูลหงทีไรพ่อตาต้องบ่นเขาเช้าเย็นทุกทีเลย

 

“ก็ท่านพ่อบ่นอยากเจออี้เฟยนี่นา แล้วท่านก็อยากเจอหลานหนิงหลงด้วย”เซียงเซียนตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีมีความสุข ท่านพ่อเองก็ไม่ชอบขี้หน้าหยางเยี่ยนเหว่ยจริงๆนั่นล่ะ แต่ท่านก็รักอี้เฟยกับเหลียนฟางมาก นางไปเยี่ยมเหลียนฟางกี่ครั้งท่านก็บ่นถึงแต่อี้เฟยตลอดเลย ตอนนี้เหลียนฟางสามารถอยู่กับอี้เฟยได้แล้ว ท่านเองก็คงอยากเจอหลานสาวทั้งสองเช่นกัน

 

.

 

.

 

.

 

“หยุนจู เจ้ายังไม่นอนอีกงั้นเหรอ”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งเรือนรับรองของสำนักเพลิงบัญญัติ เวยอิงอินที่หลับไปเพราะดื่มมากเกินไปหน่อยกลับตื่นขึ้นมากลางดึกเสียอย่างนั้น แต่ยามที่นางลืมตาตื่นขึ้นมานางกลับพบว่าเวยหยุนจูหลานสาวของนางยังนั่งอยู่ที่ริมระเบียง แถมเอาแต่มองมีดเล่มหนึ่งไม่วางตาเสียอย่างนั้น

 

“เอ๊ะ…..ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าทำให้ท่านน้าตื่นหรือเจ้าคะ”เวยหยุนจูชะงักนิดหน่อยก่อนจะวางมีดเอาไว้ที่ข้างตัว นางเพียงแค่คิดอะไรนิดหน่อยเท่านั้นไม่คิดว่าท่านน้าจะตื่นขึ้นมาตอนนี้

 

“มีดเล่มนั้นมีอะไรงั้นหรือ ข้าเห็นเจ้ามองมันเขม็งเลย”อิงอินถามพลางลุกขึ้นไปดูมีดที่หลานสาวนั่งมองอยู่ มีดเล่มนี้ก็เป็นมีดระดับกลางที่ราชวงศ์เวยสั่งทำเป็นจำนวนมากไม่ใช่หรือ ของแบบนี้ในกำไลมิติของคนราชวงศ์เวยต่างมีสำรองไม่ต่ำกว่าคนละร้อยสองร้อยเล่มทั้งนั้น

 

“จริงๆแล้วมีดเล่มนี้ข้าปาใส่น้องหนิงหลงเจ้าค่ะ ดูเหมือนเขาจะใช้ค้อนรับเอาไว้ตรงปลายของมันก็เลยบิ่นไป”เวยหยุนจูตอบพลางยื่นมีดในมือให้เวยอิงอินได้ดู

 

“บิ่น? ไม่เห็นมีรอยแบบนั้นเลยนี่นา”เวยอิงอินยกมีดขึ้นมาส่องกับแสงจันทร์เพื่อตรวจสอบมีดที่หยุนจูยื่นมาให้  แต่ไม่ว่าจะดูอย่างไรมีดเล่มนี้ก็ไม่ต่างจากมีดเล่มอื่นๆเลย

 

“จริงๆแล้ว….น้องหนิงหลงขอมีดเล่มนั้นไป แล้วก็นำมันมาคืนให้ข้าเจ้าค่ะ แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าเขาซ่อมมันให้แล้ว”หยุนจูตอบออกไปตามตรงเพราะอีกฝ่ายเป็นน้าของตน นางไม่คิดว่าจะต้องปิดบังอะไรกับท่านน้าอยู่แล้ว

 

“หืม…”เวยอิงอินที่เหมือนจะยังไม่สร่างเมามองมีดนั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนท่าทีไปทันที เด็กนั่นซ่อมแซมอาวุธวิเศษได้งั้นหรือ ไหนจะเสื้อคลุมที่ไม่ทราบว่าโผล่มาได้อย่างไรอีก รวมถึงหอกแทงตะวันที่หายไปจากคลังของสำนักเพลิงบัญญัติด้วย เรื่องนี้ท่าทางน่าสนใจดีไม่ใช่หรือไง…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด