หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 46 ไม่ส่งคืน

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 46 ไม่ส่งคืน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร

ตอนที่ 46 ไม่ส่งคืน

 

“เอาล่ะ ผ่อนลมหายใจแล้วผ่อนคลายเข้าไว้”น้ำเสียงใจดีของหลินฟานพร้อมรอยยิ้มแสนอ่อนโยนของเจ้าตัวดังอยู่ด้านหลังหยางอี้เฟยพร้อมฝามือที่กําลังแตะอยู่บนแผ่นหลังของนางเพื่อทําการรักษาอาการเส้นชีพจรวิญญาณพิการที่นางมีตั้งแต่กําเนิด แต่ทว่าการรักษานั้นเสร็จสิ้นไปนานแล้วแต่ที่หลินฟานยังรั้งหยางอี้เฟยเอาไว้เป็นเดือนๆและทําการรักษาหลอกๆต่อไปก็เพราะต้องการให้ผู้ครองพลังธาตุเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้สนิทสนมกับเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรมังกรครามมากขึ้นเท่านั้น แต่หลินฟานก็ไม่ได้หลอกให้นางอยู่ที่อาณาจักรมังกรครามเฉยๆ แต่ทุกครั้งที่ทําการรักษาหลินฟานจะแอบช่วยบํารุงรักษาเส้นชีพจรวิญญาณของหยางอี้เฟยทุกครั้ง แม้จะไม่ได้ดีเหมือนการทะลวงจุดชีพจรให้ แต่ก็ทําให้ในอนาคตนางจะสามารถทะลวงจุดชีพจรด้วยตัวเองได้ง่ายขึ้น ถือเป็นสิ่งช่วยเหลือที่หลินฟานมอบให้น้องสาวของหนิงหลงก็ไม่ผิด

 

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านราชครู” หลังจากรักษาเสร็จ หยางอี้เฟยก็หันมาประสานมือคารวะให้หลินฟาน เพียงแต่หลินฟานกลับสังเกตได้ว่าใบหน้าของเด็กสาวยามนี้ไม่ร่าเริงเสียเท่าไหร่

 

“เจ้าดูแปลกๆนะ เข้ากับองค์หญิงไม่ได้งั้นหรือ” หลินฟานถามด้วยท่าทีสงสัย ด้วยข้ออ้างมากมายอย่างความสะดวกในการรักษาหรือฝึกฝนวิชา ทําให้หลินฟานสามารถแนะนําให้หยางอี้เฟยเข้าไปพักในส่วนที่พักขององค์หญิงได้ ทําให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกนางน่าจะได้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ เลยทีเดียว

 

“เปล่าเจ้าค่ะ องค์หญิงดีกับข้ามาก เหมือนพี่สาวคนหนึ่งเลยเจ้าค่ะ”อี้เฟยตอบพลางยิ้มบางๆออกมา แต่ถึงนางจะยิ้มก็ยังมีความรู้สึกกังวลบางอย่างลอดออกมาอยู่ดี

 

“ หรือว่าเจ้ากังวลเรื่องอื่นงั้นหรือ” หลินฟานถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย อย่างน้อยไม่ใช่เรื่ององค์หญิงก็ดีไป แต่เด็กอย่างหยางอี้เฟยยังกังวลเรื่องอะไรอีกกันแน่

 

“จริงๆแล้ว…พี่หนิงหลงไม่ได้ส่งจดหมายมาถึงข้าเลยเจ้าค่ะ” หยางอี้เฟยก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะมองไปทางท่านราชครูหลินด้วยท่าที่ลังเล แต่หลินฟานบอกว่าตนเองก็รู้จักหนิงหลงเช่นกัน อี้เฟยก็เลยสามารถบอกเรื่องกังวลใจเรื่องนี้ให้หลินฟานฟังได้ แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม แต่หนิงหลงสัญญากับนางว่าพอกลับไปถึงบ้านในอาณาจักรเก้าเมฆาพี่หนิงหลงจะส่งจดหมายมาหานางนี่นา แต่ถึงตอนนี้กลับไม่มีจดหมายเลยสักฉบับนางก็เลยกังวลว่าพี่หนิงหลงจะลืมนางไปแล้วหรือไม่……….

 

“เจ้าเองก็ด้วยงั้นเหรอ” หลินฟานไม่ได้มีท่าที่จะทํากับความกังวลเล็กๆของอี้เฟยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามหลินฟานกลับรู้สึกกังวลเสียมากกว่า

 

ปกติแล้วหลินฟานจะส่งจดหมายให้หนิงหลงเดือนละครั้งผ่านอสูรปักษาที่ฝึกให้จดจําพลังวิญญาณของหนิงหลงได้ ซึ่งตามปกติหนิงหลงจะเขียนจดหมายตอบกลับมาทางอสูรปักษาตนนั้นแล้วมันก็จะบินกลับมาโดยใช้เวลา 4 หรือ 5 วัน แล้วแต่สภาพอากาศ แต่ถึงตอนนี้อสูรปักษาตนนั้นก็ยังไม่กลับมา

 

ระยะทางระหว่างอาณาจักรมังกรครามกับอาณาจักรเก้าเมฆาไม่ใช่น้อยๆ โอกาสที่อสูรปักษาจะโดนอสูรตนอื่นหรือมนุษย์ที่เข้าใจผิดเล่นงานก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่หนิงหลงก็ไม่ติดต่ออะไรมาเลยทําให้หลินฟานรู้สึกกังวลอยู่ในใจ วันนี้ได้ยินว่าหนิงหลงสัญญากับอี้เฟยว่าจะส่งจดหมายมาหา แต่ก็ไม่ได้ส่งมาหลินฟานก็ยิ่งเกิดความสงสัยเข้าไปใหญ่

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก น้องหนิงหลงน่าจะยุ่งอยู่เท่านั้นเอง พอเขาว่างก็น่าจะส่งจดหมายมาหาเจ้าแน่ๆ” หลินฟานว่าพลางยิ้มบางๆออกมา แต่ในใจกลับหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกก็อย่างที่หลินฟานคิดเอาไว้บางทีอสูรปักษาของตนอาจจะประสบอุบัติเหตุอะไรบางอย่าง ส่วนหนิงหลงก็อาจจะยุ่งอยู่กับท่านอาวุโสหมิงซานจนไม่ได้ส่งจดหมายเท่านั้น แต่เรื่องมันจะบังเอิญแบบนั้นจริงๆงั้นหรือ ยิ่งคิดเท่าไหร่หลินฟานก็ยิ่งไม่สบายใจราวกับมีสัญญาณอะไรบางอย่างบอกตนเองว่ามันไม่ปกติเลย

 

“ท่านหยางเยี่ยนเหว่ย ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาท่านขอรับ” หลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกหลายวัน หลินฟานก็เก็บความรู้สึกกังวลเอาไว้ไม่ไหว เขาตัดสินใจเข้าไปพบหยางเยี่ยนเหว่ยบิดาของหยางอี้เฟยเพื่อปรึกษาเรื่องของหนิงหลง เพราะท่านหยางเยี่ยนเหว่ยเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ทราบที่อยู่ของอาวุโสหมิงซานอยู่แล้ว

 

“เจ้าว่าอะไรนะ…” หยางเยี่ยนเหว่ยได้ยินคําขอร้องของหลินฟานก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เรื่องที่หนิงหลงไม่ส่งจดหมายมาหาอี้เฟยตามสัญญาเรื่องนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยทราบแล้ว แต่ก็เพิ่งจะได้ทราบว่าหนิงหลงไม่ได้ส่งจดหมายกลับมาให้หลินฟานด้วยก็ตอนนี้นี่เอง

 

“ข้า….อยากให้ท่านเดินทางไปที่บ้านของท่านอาวุโสหมิงซานขอรับ” หลินฟานตอบพลางจ้องมองหยางเยี่ยนเหว่ยอย่างจริงจัง จากการสืบข่าวของท่านอาวุโสหมิงซานตอนที่ตนโดนเนรเทศ หลินฟานได้ทราบเรื่องของหยางเยี่ยนเหว่ยมาบ้างก็เลยสามารถไว้ใจให้หยางเยี่ยนเหว่ยเดินทางไปบ้านท่านอาวุโสหมิงซานได้ ตอนนี้หลินฟานไม่สามารถปลีกตัวไปจากอี้เฟยได้ แม้จะรักษาเสร็จไปแล้วแต่หลินฟานก็อ้างไปว่าต้องใช้เวลารักษานานกว่านี้ แม้จะเป็นแค่คําลวงแต่เพราะแบบนั้นหลินฟานก็ต้องอยู่ที่วังร่วมกับอี้เฟยและองค์หญิงไปพักใหญ่ๆไม่อาจเดินทางไปถึงอาณาจักรเก้าเมฆาเพื่อไปพบอาวุโสหมิงซานได้ในตอนนี้

 

เช่นนั้นแล้วก็มีเพียงท่านหยางเยี่ยนเหว่ยเท่านั้นที่สามารถเดินทางไปยังบ้านของท่านอาวุโสหมิงซานและตรวจสอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนิงหลงหรือไม่ แต่หลินฟานก็ยังกังวลอยู่นิดหน่อยว่าท่านหยางเยี่ยนเหว่ยจะยอมเดินทางไกลขณะบุตรสาวกําลังรักษาตัวอยู่กับตนหรือไม่ หลินฟานทราบแต่เพียงว่าหนิงหลงเข้าไปฝึกในสํานักเพลิงบัญญัติและได้รู้จักกับพวกหยางเยี่ยนเหว่ยเท่านั้น แม้อี้เฟยจะมองหนิงหลงเป็นเหมือนพี่ชาย แต่หลินฟานไม่ทราบว่าหยางเยี่ยนเหว่ยคิดอย่างไรกับหนิงหลง เพราะเรื่องที่หนิงหลงเป็นคนขอร้องให้หลินฟานช่วยเหลืออี้เฟยก็ไม่ได้รู้ถึงหยางเยี่ยนเหว่ยด้วย เขาจะยอมช่วยเหลือเด็กที่รู้จักกันคนหนึ่งหรือไม่

 

“ไม่ใช่ ข้าถามเจ้าว่าหลานหนิงหลงไม่ได้ตอบจดหมายเจ้ามานานแค่ไหนแล้ว” หยางเยี่ยนเหว่ยเมินคําขอร้องของหลินฟานไปทันทีก่อนจะมุ่งเน้นประเด็นไปที่เรื่องการตอบจดหมายแทน หากที่หลินฟานเล่าเป็นจริงเช่นนั้นแล้วหนิงหลงก็ไม่ได้ติดต่อใครเลยทั้งๆที่มีอสูรปักษาบินไปหาถึงที่งั้นหรือ

 

“ตั้งแต่เมื่อสี่เดือนก่อนขอรับ” หลินฟานตอบพลางมองท่าทีกังวลของหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยท่าที่ประหลาดใจ เขาทําท่าที่เหมือนคนในครอบครัวหายไปเลย

 

“ตั้งแต่…พวกข้าแยกทางกับหนิงหลงเลยสินะ” หยางเยี่ยนเหว่ยครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะแสดงท่าที่กังวลออกมา เขาไม่คิดหรอกว่าหนิงหลงจะไม่ติดต่อมาหาอี้เฟยเลย เพราะตอนแยกทางกัน อี้เฟยร้องไห้งอแงไม่ยอมแยกกับหนิงหลงตั้งขนาดนั้น ไม่มีทางที่หนิงหลงจะตัดสัมพันธ์กับพวกตนง่ายโดยไม่เกิดเรื่องอะไรแน่ๆ

 

“ได้..ข้าจะเดินทางไปอาณาจักรเก้าเมฆาโดยด่วน ท่านราชครูฝากบุตรสาวของข้าด้วยขอรับ” หยางเยี่ยนเหว่ยรับปากด้วยท่าที่หนักแน่นอย่างมาก เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นทั้งตนเองและคนในครอบครัวจะต้องเสียใจมากแน่ๆ

 

“ท่านหยางเยี่ยนเหว่ย…ฝากด้วยนะขอรับ” หลินฟานกําหมัดแน่นก่อนจะมองหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยท่าที่คาดหวัง ถ้าเขาสามารถออกไปได้ด้วยตนเองคงดีกว่านี้ แต่เห็นท่านหยางเยี่ยนเหว่ยมุ่งมั่นจะช่วยเหลือขนาดนี้หลินฟานก็โล่งใจ

 

การเดินทางด้วยรถม้าไปยังอาณาจักรเก้าเมฆานั้นกินเวลาหลายวัน ต่อให้เป็นหยางเยี่ยนเหว่ยที่สามารถเดินทางผ่านเส้นทางอันตรายได้อย่างหายห่วงก็ตาม แต่กว่าจะเดินทางมาถึงหมู่บ้านที่อาวุโสหมิงซานและหนิงหลงอาศัยอยู่ก็เกือบสิบวันเข้าไปแล้ว เพียงแต่แม้หยางเยี่ยนเหว่ยจะใช้เวลาวันเดียวในการเดินทางมันก็ไม่ทันแต่อย่างไร เพราะสิ่งที่หยางเยี่ยนเหว่ยได้พบหลังจากเดินทางมาถึงบ้านของท่านอาวุโสหมิงซานก็คือสภาพบ้านที่ถูกเผาจนวอดวายเท่านั้น

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” หยางเยี่ยนเหว่ยใจหายวาบทันทีที่เห็นสภาพบ้านของท่านอาวุโสหมิงซาน ส่วนตัวบ้านโดนไฟเผาจนเหลือแต่ขี้เถ้า โรงตีเหล็กที่ควรจะมีเตาหลอมเองก็เหลือเพียงซากเตาเท่านั้น

 

“มีการต่อสู้…”หยางเยี่ยนเหว่ยมองไปตามเศษซากที่ยังเผาไม่หมดก่อนจะไล่สายตาไปรอบๆเพื่อคลําหาเบาะแสที่จะช่วยบอกตนได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สภาพข้าวของในโรงตีเหล็กเหมือนมีการต่อสู้เกิดขึ้น แถมยังมีร่องรอยของการใช้กําลังปะทะกันที่หลังบ้านอีกต่างหาก เช่นนั้นที่บ้านของท่านอาวุโสโดนเผาเช่นนี้ต้องไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน แต่ระหว่างกําลังคิดว่าท่านอาวุโสหมิงซานจะต่อสู้กับใครอยู่นั้น หยางเยี่ยนเหว่ยก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตรงหลังบ้าน

 

ที่หลังบ้านของท่านอาวุโสหมิงซานมีหลุมศพหลุมหนึ่งถูกทําเอาไว้ง่ายๆพร้อมปักป้ายวิญญาณเขียนชื่อเอาไว้ว่า นายช่างหมิงซานอีกด้วย

 

สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ท่านอาวุโสหมิงซานตายแล้วงั้นเหรอ แล้วทําไมถึงมีแต่ป้ายหลุมศพของท่านอาวุโสไม่มีหลุมศพของหนิงหลง แล้วใครเป็นคนขุดหลุมศพ แล้วใครเป็นคนสังหารท่านอาวุโสกัน แล้วหนิงหลงเล่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ คําถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของหยางเยี่ยนเหว่ยจนสภาพรอบข้างราวกับจะหมุนติ้วจนควบคุมไม่อยู่

 

“จริงสิ…ค้อนสดับทศทิศ” หยางเยี่ยนเหว่ยหันหลังมองไปที่ตัวบ้าน สาเหตุที่ท่านอาวุโสหมิงซานไม่ยอมย้ายไปไหนก็เพราะไม่อาจตัดใจจากค้อนสดับทศทิศได้ ค้อนนั่นทั้งหนักและทนไฟไม่มีทางโดนไฟเผาแน่ๆ แม้แต่ในโรงตีเหล็กอุปกรณ์ของท่านอาวุโสหมิงซานยังมีหลายชิ้นที่ไม่ได้โดนไฟเผาไปเลย แต่ตั้งแต่เข้ามาตรวจสอบหยางเยี่ยนเหว่ยยังไม่เห็นค้อนสดับทศทิศเลย

 

โครม!!

 

“ไม่มีจริงๆด้วย” หยางเยี่ยนเหว่ยจําได้ไม่แม่นนักว่าค้อนสดับทศทิศวางเอาไว้ตําแหน่งไหน แต่เขาใช้พลังของตนผลักเศษซากตัวบ้านออกไปเป็นวงกว้างก็ยังไม่พบค้อนที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังยกไม่ขึ้นแต่อย่างไร

 

ท่านอาวุโสยกค้อนไม่ได้แล้ว หนิงหลงเองก็ยังไม่น่าจะยกขึ้นเช่นนั้นแล้วคนที่ทําเรื่องพวกนี้ต้องเป็นคนที่สามารถยกค้อนสดับทศทิศขึ้นได้ คนแบบนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยสามารถนับได้ด้วยนิ้วมือเสียด้วยซ้ำ และยิ่งเป็นคนที่มีความแค้นต่อท่านอาวุโสหมิงซานด้วยแล้ว ยิ่งแยกออกมาได้ไม่ยากเข้าไปใหญ่

 

เคร๊ง!!

 

“………………”ระหว่างตรวจสอบรอบๆอยู่ๆหยางเยี่ยนเหว่ยก็โดนโจมตีจากด้านหลัง เพียงแต่หยางเยี่ยนเหว่ยสัมผัสได้ก่อนว่าอีกฝ่ายโจมตีเข้ามาก็เลยเรียกดาบเพลิงบูรพาออกมาป้องกันเอาไว้ได้ แต่ใครกันที่มาโจมตีหยางเยี่ยนเหว่ยกันแน่….

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด