หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 18 หักทิ้ง

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 18 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 18

หักทิ้ง

 

 

 

ตูม

 

เสียงระเบิดจากวิชาฝ่ามือของหยางเซียงเซียนดังสนั่นไปทั่วสำนัก แถมนางยังบุกโจมตีอย่างบ้าระห่ำอีกด้วยเล่นเอาเจ้าสำนักเทพอัคคีต้องรีบเข้าไปขวางเอาไว้ไม่ให้ศิษย์ของสำนักตนได้รับความเสียหาย

 

“บ้าเอ้ย ไหนๆก็จะมาหาเรื่องอยู่แล้ว จัดการพวกศิษย์ของสำนักเพลิงบัญญัติซะ”เจ้าสำนักเทพอัคคีสั่งพลางต้านรับฝ่ามือของหยางเซียงเซียนอย่างยากลำบาก วิชาอาภรณ์ดอกเหมยของนางสร้างความร้อนรอบตัวแถมยังช่วยเพิ่มพลังให้กับวิชาเพลิงอื่นๆด้วย

 

วูบ….

 

ทวนของเจ้าสำนักเทพอัคคีดูดซับเอาเปลวเพลิงของหยางเซียงเซียนเข้าไปก่อนจะเปล่งแสงสีแดงออกมาเป็นระยะๆ ทวนของเจ้าสำนักเทพอัคคีเป็นทวนที่ได้ชื่อว่า ทวนแทงตะวัน เป็นทวนที่สร้างขึ้นเพื่อสังหารผู้ใช้วิชาเพลิงโดยเฉพาะ เพราะตัวมันดูดซับเพลิงได้ทำให้วิชาเพลิงของศัตรูลดทอนความเสียหายลง แต่เดิมเจ้าสำนักเทพอัคคีเตรียมทวนแทงตะวันมาเพื่อเล่นงานหยางเยี่ยนเหว่ยโดยเฉพาะเลย

 

วูบ…..เปรี้ยง

 

แม้จะดูดซับเพลิงได้ แต่พลังเพลิงของหยางเซียงเซียนก็ไม่ใช่ธรรมดา สร้อยคอของนางเป็นหินแร่ที่มีคุณสมบัติธาตุไฟ ลำพังตัวมันก็เสริมสร้างพลังธาตุไฟให้เจ้าของอยู่แล้ว ยิ่งประกอบกับการจัดเรียงอัญมณีชิ้นอื่นๆเพื่อเสริมสร้างความสามารถของสร้อยคอด้วยแล้วยิ่งทำให้ผู้สวมใส่ยิ่งสามารถใช้พลังธาตุไฟได้มากขึ้นหลายเท่าตัว

 

กึก….กึก……กึก…..

 

ทวนแทงตะวันของเจ้าสำนักเทพอัคคีสั่นอยู่นานกว่าจะดูดซับเพลิงของหยางเซียงเซียนได้หมด แต่ท่าทางหยางเซียงเซียนจะไม่ได้เสียพลังไปเท่าไหร่เลย ไม่ใช่แค่สร้อยคอเท่านั้นพลังวิญญาณแต่เดิมของนางก็สูงมากทำให้นางเหมือนภูเขาไฟที่มีพลังมากมายมหาศาลเกินกว่าจะรับมือได้เลย

 

“ท่านแม่ เท่มากเลยเจ้าคะ”ทางด้านหลังของสำนักเพลิงบัญญัติ หยางอี้เฟยบุตรสาวของหยางเซียงเซียนที่กำลังหลบอยู่ด้านหลังบิดามองมารดาของตัวเองด้วยดวงตาเป็นประกาย มารดาของนางเป็นคนกล้าหาญและเก่งกาจ ในสายตานางนั้นมารดาเป็นคนที่เท่ที่สุดแล้ว

 

“อี้เฟย เจ้าถอยไปก่อนนะ พ่อต้องลงมือบ้างแล้ว”หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางถือดาบเพลิงบูรพาเดินออกไปบ้าง เขาหยิบดาบออกมาแล้วจะไม่ลงมืออะไรเลยก็คงไม่ได้สินะ

 

เปรี้ยง

 

หยางเยี่ยนเหว่ยไม่พูดพร่ำทำเพลงวาดดาบเพลิงบูรพาเข้าใส่ทวนของเจ้าสำนักเทพอัคคีเข้าอย่างจัง ก่อนหน้านี้เจ้าสำนักเทพอัคคีโดนหยางเซียงเซียนไล่ต้อนจนเสียจังหวะไปแล้ว หยางเยี่ยนเหว่ยจะฟันใส่ร่างของมันก็ทำได้ไม่ยาก แต่เพราะเป็นคนอาณาจักรเดียวกันหยางเยี่ยนเหว่ยเลยไม่อยากให้นองเลือด แต่มาหาเรื่องสำนักของตนก็ต้องได้รับการสั่งสอนกลับไป เพราะงั้นแล้วหยางเยี่ยนเหว่ยเลยเล็งไปที่ทวนแทงตะวันแทน

 

“เจ้า….”ทันทีที่หยางเยี่ยนเหว่ยฟันดาบลงมาบนทวนของเจ้าสำนักเทพอัคคี ฝ่ายเจ้าสำนักเทพอัคคีก็กัดฟันกรอดด้วยท่าทีเจ็บใจ การประลองของเขากับหยางเยี่ยนเหว่ยในงานประลองวัดฝีมือก่อนหน้านี้ผลออกมาห่างกันไม่มาก แต่พอถือดาบเพลิงบูรพาในมือหยางเยี่ยนเหว่ยกลับมีกำลังมหาศาลจนน่าตกใจ แถมดาบเพลิงบูรพายังกำลังส่งความร้อนจัดเข้าใส่ทวนแทงตะวันอีกต่างหาก

 

กึด….

 

ใบดาบสีส้มแดงของดาบเพลิงบูรพากดเข้าไปในเนื้อเหล็กของด้ามทวนจนด้ามทวนเปลี่ยนสีเหมือนโดนความร้อนจัดจนเนื้อโลหะเริ่มเปลี่ยนรูป ทวนแทงตะวันสร้างขึ้นมาจากโลหะที่สามารถดูดซับเปลวเพลิงได้อย่างยอดเยี่ยม มันเลยกลายเป็นทวนสำหรับสังหารผู้ใช้วิชาธาตุไฟได้อย่างดี แต่นอกจากจะรับความร้อนจากดาบเพลิงบูรพาไม่ได้แล้ว มันยังทำท่าจะโดนละลายอีกด้วย

 

ฟุบ…..

 

 

ราวกับทวนแทงตะวันจะไม่สามารถทานทนความร้อนที่ดาบเพลิงบูรพาปล่อยออกมาได้ พริบตานั้นทวนแทงตะวันก็โดนตัดทิ้งเป็นสองท่อนเสียแล้ว

 

“………..”เจ้าสำนักเทพอัคคีมองทวนแต่ละท่อนในมือทั้งสองข้างของตนเองด้วยใบหน้าซีดเผือด อย่างที่บอกทวนเล่มนี้ยืมมาจากตระกูลอ้าวเพื่อชิงตำแหน่งสำนักธาตุไฟอันดับ 1 มาจากสำนักเพลิงบัญญัติ ตระกูลอ้าวเพียงให้ยืมเท่านั้นไม่ได้มอบมันให้เจ้าสำนักเทพอัคคีเลย การทำมันพังก็เท่ากับว่าเจ้าสำนักเทพอัคคีต้องเป็นผู้รับผิดชอบ….

 

 

“เจ้า หยางเยี่ยนเหว่ย เจ้าสารเลว”อาวุธในมือพัง เจ้าสำนักเทพอัคคีโกรธจัดจนแทบจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด หากต้องหาเงินมาชดใช้ละก็ เงินในคลังของสำนักเทพอัคคีจะพอหรือไม่ก็ยังไม่ทราบเลย

 

เปรี้ยง

 

เจ้าสำนักเทพอัคคีที่กำลังโกรธจัดยังไม่ทันได้โจมตีก็โดนหยางเซียงเซียนพุ่งเข้ามาโจมตีเสียก่อน ระดับราชาสวรรค์ 2 คนสู้กับระดับราชาสวรรค์ 1 คน ผลมันก็ออกมาชัดเจนอยู่แล้วไม่ต้องพูดเรื่องทื่หยางเซียงเซียนมีสร้อยคอระดับตำนาน และหยางเยี่ยนเหว่ยมีดาบระดับราชันด้วยเลย ท่าทางผลของเจ้าสำนักจะไม่ต้องสงสัยแล้ว

 

“ชิ….จัดการพวกศิษย์ซะ อย่างน้อยวันนี้สำนักเพลิงบัญญัติก็ต้องเสียหายบ้าง”ลูกสะใภ้ของเจ้าสำนักเทพอัคคีว่าพลางสั่งให้คนในสำนักโจมตีเหล่าศิษย์ของสำนักเพลิงบัญญัติทันที ตอนนี้เจ้าสำนักเทพอัคคีกำลังปะทะกับหยางเยี่ยนเหว่ยอยู่ แม้อาวุธของหยางเยี่ยนเหว่ยและหยางเซียงเซียนจะเหนือกว่า แต่ในระดับศิษย์นั้นฝ่ายสำนักเพลิงบัญญัติกลับไม่มีอาวุธวิเศษเลย

 

เปรี้ยงๆๆ ตูม….

 

 

เสียงปะทะของเหล่าศิษย์และอาวุโสของสำนักที่ยกกันมาของทั้งสองฝ่ายดังสนั่นไปทั่ว แต่พอเริ่มปะทะกันทั้งหมดจริงๆ ฝ่ายสำนักเพลิงบัญญัติก็เริ่มมีท่าทีเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด แม้เจ้าสำนักอย่างหยางเยี่ยนเหว่ยจะมีอาวุธระดับราชัน แต่เหล่าศิษย์ต่างไม่มีอาวุธวิเศษอะไรเลย พวกเขาอาศัยฝีมือตนเองปะทะกับศิษย์ฝ่ายตรงข้ามอย่างเสียเปรียบเท่านั้น

 

“บุกมันเข้าไป ทำให้พวกมันรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลอ้าวซะ”สะใภ้ตระกูลอ้าวว่าพลางเรียกกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากกำไลมิติของตน ที่ศิษย์สำนักเพลิงบัญญัติเสียเปรียบครั้งนี้จะบอกว่าเป็นเพราะบารมีของตระกูลอ้าวก็ไม่ผิดอะไร แม้จะไม่ใช่ตระกูลผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ แต่ก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยมาก ถึงกับติดอาวุธให้เหล่าศิษย์ในสำนักได้ขนาดนี้ก็ต้องยอมรับจริงๆ

 

“ตายซะ….”สะใภ้ตระกูลอ้าวถือกระบี่ระดับตำนานชี้มาทางกลุ่มศิษย์ด้วยท่าทีหยิ่งผยอง แม้นางจะอยู่เพียงระดับเงินขั้นที่ 5 แต่ถือกระบี่ระดับตำนานทำให้นางสามารถใช้วิชาออกมาได้หลายต่อหลายครั้งทำให้เหล่าศิษย์ระดับล่างเสียกระบวนกันบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นถ้าถึงมือหลี่ซานจงหรือหว่านจือ แม้นางจะถือกระบี่ระดับราชันก็ไม่ทำให้นางเอาชนะพวกเขาได้หรอก แต่ทว่า…

 

“ฮ้าๆ หลี่ซานจง เจ้าฝีมือตกลงหรือไงกัน”เสียงหัวเราะของศิษย์คนหนึ่งในสำนักเทพอัคคีกำลังหัวเราะอย่างสะใจหลังจากไล่ต้อนหลี่ซานจงได้สำเร็จ ยามนี้ศิษย์ระดับสูงต่างโดนคู่แค้นในงานประลองครั้งก่อนของตนเองตามเล่นงานจนไม่สามารถเข้าไปช่วยศิษย์ทั่วไปได้เลย แม้แต่หว่านจือเองก็โดนคู่ประลองของตนใช้อาวุธวิเศษพยายามไล่จู่โจมเช่นกัน

 

“หึหึ….พวกเจ้าคิดผิดแล้วที่มาเข้าสำนักจนๆอย่างสำนักเพลิงบัญญัติ”สะใภ้ตระกูลอ้าวหัวเราะออกมาก่อนจะมองไปทางเหล่าศิษย์ของสำนักเพลิงบัญญัติ ก่อนจะไปหยุดเข้าที่หนิงหลงพอดี หนิงหลงดูภายนอกไม่ได้เก่งกาจอะไร เหมือนศิษย์ใหม่ทั่วๆไปมากกว่าทำให้สะใภ้ตระกูลอ้าวเห็นแล้วก็คิดจะเข้าไปเล่นงานทันที

 

“น้องหนิงหลง ระวัง”หว่านจือเห็นหนิงหลงโดนจ้องเล่นงานก็คิดจะเข้าไปช่วย แต่เพราะโดนประกบคู่อยู่ก็เลยไม่สามารถทำอะไรได้เลย

 

“ตายซะ….”สะใภ้ตระกูลอ้าวยิ้มกว้างก่อนจะชูกระบี่เข้าใส่หนิงหลงเพื่อจะเล่นงาน แต่น่าเสียดายกระบวนท่าของนางช้ากว่าหลี่ซานจงมาก ไม่ต้องเทียบกับหลินฟานที่เป็นครูฝึกของหนิงหลงเลย พริบตาเดียวหนิงหลงก็มองกระบวนท่าของนางออกพร้อมถือค้อนเตรียมจะโจมตีกลับแล้ว

 

จริงสิ….หนิงหลงไม่ถนัดวิชาต่อสู้เท่าไหร่ แต่มีเรื่องหนึ่งที่หนิงหลงถนัดมาก นั่นคือการประเมินอาวุธของคู่ต่อสู้ ด้วยความสามารถของช่างตีเหล็กที่หนิงหลงมีสามารถมองกระบี่ในมือของนางเพียงครู่เดียวก็ระบุข้อเสียของมันออกมาได้ทันที

 

วูบ…

 

หนิงหลงรวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ที่ค้อนก่อนจะเพิ่มความร้อนของค้อนขึ้นจนค้อนเปล่งแสงสีแดงออกมาแทนที่จะลุกเป็นไฟ นี่คือผลของการศึกษาอาวุธมานานแรมปีและผลของการคิดค้นของหนิงหลงเอง วิชาค้อนกระบวนท่าทำลายกระบี่…

 

เคร๊ง

 

ภาพเบื้องหน้าสะใภ้ตระกูลอ้าวทำเอานางเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พริบตาที่ค้อนของหนิงหลงปะทะเข้ากับกระบี่ของนาง กระบี่ระดับตำนานที่แข็งแกร่งจนสามารถตัดกระบี่ของศิษย์สำนักเพลิงบัญญัติได้ราวกับตัดกระดาษกลับโดนค้อนเก่าๆของหนิงหลงหักทิ้งอย่างง่ายดาย….

 

“จะ เจ้า เจ้าทำลายกระบี่ของข้า”สะใภ้ตระกูลอ้าวมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีโกรธจัด เจ้าเด็กนี่กล้าทำลายกระบี่ของนาง มันจะต้องตาย…..

 

เปรี้ยง

 

หนิงหลงเห็นว่าท่านเจ้าสำนักไม่คิดจะเอาชีวิตอีกฝ่าย หนิงหลงเลยไม่ได้ใช้ค้อนทุบใส่ร่างของสะใภ้ตระกูลอ้าวแต่อย่างไร เขาเพียงใช้ฝ่ามือซัดใส่นางเท่านั้น แต่…

 

“ฝ่ามือเพลิงสะท้าน…..”หลี่ซานจงมองไปทางหนิงหลงด้วยท่าทีตกใจ ฝ่ามือนั่นเป็นฝ่ามือเพลิงสะท้านในชุดวิชาฝ่ามือเพลิงโลกันตร์ไม่ผิดแน่ มันเป็นวิชาของสำนักเพลิงบัญญัติที่สมาชิกส่วนใหญ่สามารถใช้ได้ก็จริง แต่หนิงหลงเพิ่งจะเข้าสำนักไม่ใช่หรือ….

 

“คุณหนู…..”แต่ฝ่ายสำนักเทพอัคคีที่เห็นภาพตรงหน้ากลับมีท่าทีตกใจเสียยิ่งกว่า พอไม่มีกระบี่ระดับตำนานแล้วสะใภ้ตระกูลอ้าวก็เป็นเพียงผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเงินเท่านั้น แม้จะโกรธขนาดไหนก็รับฝ่ามือของหนิงหลงที่อยู่ระดับทองไม่ได้หรอก ผลลัพธ์ก็คือนางโดนฝ่ามือของหนิงหลงซัดจนปลิวกลับไปหาฝ่ายสำนักเทพอัคคีเลยนั่นเอง แต่นั่นก็ทำให้ศิษย์ของสำนักเทพอัคคีหันมาเพ่งเล็งหนิงหลงกันเป็นตาเดียวเช่นกัน

 

“ไอ้เด็กเลว บังอาจมาทำร้ายคุณหนู”เหล่าศิษย์ของสำนักเทพอัคคีเปลี่ยนเป้าหมายมาหาหนิงหลงทันที แม้สู้กันตัวต่อตัวจะทำอะไรหนิงหลงไม่ได้ แต่ถ้าโดนพวกตนรุมละก็….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด