หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 23 หนัก
“อี้เฟย ทำอะไรอยู่งั้นเหรอ”หยางเยี่ยนเหว่ยบิดาของหยางอี้เฟยเคาะประตูห้องของอี้เฟยก่อนจะเปิดมันออกช้าๆเพื่อจะเข้าไปในห้องของบุตรสาว ปกตินอกจากเวลาฝึกวิชาในห้องฝึกของเจ้าสำนักแล้ว อี้เฟยก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนเท่าไหร่ เพราะหากนางจะไปไหนมาไหนก็ต้องมีหยางเยี่ยนเหว่ยหรือคนที่สามารถควบคุมพลังของนางได้อยู่ใกล้ๆด้วย อย่างเมื่อวันก่อนเองตอนอี้เฟยไปตามตัวหนิงหลงก็มีอาวุโสคนหนึ่งติดตามไปด้วย แถมหนิงหลงเองก็ยังอยู่ตรงนั้นอี้เฟยถึงได้กล้าออกไป
“เปล่าเจ้าค่ะ อี้เฟยไม่ได้ทำอะไรเจ้าค่ะ”เมื่อเปิดประตูเข้าไป หยางเยี่ยนเหว่ยก็พบว่าบุตรสาวของตนนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างนั่งเหม่อมองออกไปข้างนอกเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ท่าทีของนางดูลุกลนแปลกๆหยางเยี่ยนเหว่ยเลยเดินเข้ามาดูว่าตกลงแล้วนางกำลังดูอะไรอยู่กันแน่
“……….”สิ่งที่หยางเยี่ยนเหว่ยเห็นคือภาพเหล่าศิษย์ของสำนักตนเองที่กำลังพากันมาฝึกในสนามฝึกด้านข้างของสำนัก ที่นี่อยู่ห่างจากลานฝึกอื่นๆก็เลยไม่ค่อยมีใครมาใช้ฝึกนัก แต่เพราะช่วงนี้ทุกคนขยันฝึกฝนเป็นพิเศษพื้นที่อาจจะไม่พอ ทำให้เหล่าศิษย์ย้ายกันมาฝึกตรงนี้ก็ได้ หรือว่าที่อี้เฟยมองอยู่จะเป็นภาพเหล่าศิษย์พวกนั้นงั้นหรือ
“อี้เฟย เจ้าตามพ่อมา พ่อ….ไม่สิพี่หนิงหลงมีบางอย่างจะให้เจ้าดู”หยางเยี่ยนเหว่ยมองภาพเหล่าศิษย์ที่ขยันขันแข็งครู่หนึ่งก็หันกลับมามองบุตรสาวด้วยท่าทีเอ็นดู ที่นางมองศิษย์เหล่านั้นก็คงเพราะอยากจะเข้าไปร่วมด้วยกระมัง แต่ถ้าเสื้อคลุมของหนิงหลงสามารถช่วยนางได้ละก็…..
“พี่หนิงหลงหรือเจ้าคะ?”อี้เฟยมองมาทางบิดาด้วยท่าทีงุนงง พี่หนิงหลงจะมอบอะไรให้นางงั้นหรือ?
.
.
.
“อี้เฟยน้อย มานี่เร็วลูกแม่”ทันทีที่หยางเยี่ยนเหว่ยพาอี้เฟยมายังห้องฝึกของเจ้าสำนัก หยางเซียงเซียนก็รีบเข้ามาหาบุตรสาวแล้วพานางเดินเข้าไปหาหนิงหลงด้วยท่าทีรีบร้อนอย่างประหลาด บรรยากาศเช่นนี้มันอะไรกัน อี้เฟย รู้สึกเหมือนตอนกำลังโดนพ่อแม่พาเข้างานฉลองวันเกิดของตัวเองเลย แต่วันเกิดของนางมันไม่ใช่วันนี้นี่นา
“น้องอี้เฟยลองสวมเสื้อคลุมตัวนี้ดูนะ”ทันทีที่เดินเข้าไปถึงตรงจุดที่หนิงหลงยืนอยู่ หนิงหลงก็นำเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาให้อี้เฟยสวม เสื้อคลุมตัวนี้มีรูปร่างเหมือนผ้าคลุมที่ถักจากลวดที่มีสีเงินสะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอ่อนจางๆ ดูแล้วสวยแล้วก็สะดุดตาอยู่หรอก แต่ทว่า…..
“หนักจัง….”ทันทีที่อี้เฟยรับเสื้อคลุมมาถือ แขนเล็กๆของนางก็ยุบวูบลงไปนิดหน่อยเพราะน้ำหนักที่มากกว่าที่คิด ไม่ใช่ว่ามันหนักเกินไปหรอกแค่ตกใจเท่านั้นเอง
“เอ๊ะ ยังหนักเกินไปงั้นเหรอ หรือว่าข้าควรทำให้มันสั้นลงดี”หนิงหลงได้ยินอี้เฟยบอกว่าน้ำหนักของมันมากเกินไปก็ทำท่าทีลนลานออกมา เพราะเป็นเสื้อคลุมก็เลยไม่ต้องห่วงเรื่องสัดส่วนเท่าไหร่ แค่ให้ความยาวของมันพอดีเท่านั้น ซึ่งหนิงหลงก็สามารถกะขนาดตัวของอี้เฟยจากสายตาได้อยู่แล้ว ถ้าทำให้มันสั้นกว่านี้หนิงหลงกลัวว่าจะออกมาดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้ามันหนักเกินไปก็อาจจะลำบากน้องอี้เฟยได้ หรือเขาควรรักษาความยาวเอาไว้แล้วลดขนาดเส้นลวดดี ไม่ๆแบบนั้นความสามารถดูดซับอาจจะไม่พอต่อให้ดูดซับพลังของอี้เฟยได้ก็อาจจะชำรุดเสียหายได้ในเวลาไม่นานอยู่ดี
“พี่หนิงหลงทำเองเหรอเจ้าคะ”ได้ยินแบบนั้นอี้เฟยกลับมีท่าทีตกใจมองผืนเสื้อคลุมตรงหน้าด้วยใบหน้าอึ้งๆ เห็นท่านพ่อบอกว่าพี่หนิงหลงเป็นศิษย์ของช่างตีเหล็กที่เก่งมาก แต่อี้เฟยคิดว่าพี่หนิงหลงจะถนัดแต่ทำอาวุธเสียอีก ไม่คิดว่าจะทำเสื้อคลุมออกมาด้วยสวยงามขนาดนี้
“ถ้าเป็นอาจารย์ละก็คงทำให้เบากว่านี้ได้แน่ๆ ขอโทษด้วยนะที่ข้าฝีมือไม่ถึง”หนิงหลงทำหน้าจ๋อยออกมาเสียอย่างนั้นเพราะนอกจากจะทำระดับลดลงจากระดับตำนานขั้นที่ 3 กลายเป็นระดับตำนานขั้นที่ 2 แล้ว ยังทำออกมาได้ไม่เหมาะกับน้องอี้เฟยอีก ตัวหนิงหลงช่างเป็นช่างตีเหล็กที่ล้มเหลวจริงๆ
“อี้เฟยไม่หนักหรอกเจ้าค่ะ พออี้เฟยโตกว่านี้คงสวมได้สบายเลยเจ้าค่ะ”เห็นหนิงหลงกังวลแบบนั้นอี้เฟยก็รีบปลอบใจพี่ชายผู้เป็นญาติผู้พี่ทันที พอเป็นเรื่องผลงานของตัวเองแล้วพี่หนิงหลงมีท่าทีไม่มั่นใจขนาดนี้เลยงั้นหรือ ทั้งๆที่มันออกมางดงามมากแท้ๆ นี่ท่านเอาฝีมือของตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครกันแน่
“เรื่องน้ำหนักเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เอาไว้เริ่มฝึกได้พลังวิญญาณของอี้เฟยก็ต้องเพิ่มขึ้นแน่ๆ ถึงตอนนั้นน้ำหนักเท่านี้ไม่ทำให้นางรู้สึกเสียด้วยซ้ำ อี้เฟยเจ้าลองสวมเสื้อคลุมที่พี่หนิงหลงทำให้สิ”หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางแนะให้บุตรสาวตนเองลองสวมใส่เสื้อคลุมดู หากไม่นับว่ามันเป็นเสื้อคลุมระดับตำนานขั้นที่ 2 มันก็เป็นเสื้อคลุมที่สวยมากผืนหนึ่ง อาจจะเพราะโลหะแต่เดิมมีสีเงินสว่างเปล่งประกายสีฟ้าอ่อนๆออกมาอยู่แล้วก็ได้ ทำให้เสื้อคลุมตัวนี้ดูมีราคาไม่น้อยเลย
“เจ้าค่ะ……”อี้เฟยพยักหน้าช้าๆก่อนจะลองเอาเสื้อคลุมสีเงินขึ้นมาสวม แม้จะยังไม่เข้าใจก็เถอะว่าทำไมพี่หนิงหลงถึงทำเสื้อคลุมให้ตนเองกันแน่
“อี้เฟย เจ้าลองใช้พลังของเจ้าดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง”พออี้เฟยสวมเสื้อคลุมเสร็จ หยางเยี่ยนเหว่ยก็รีบเร่งให้บุตรสาวทดลองใช้พลังทันที ตัวเขาตอนนี้อยากทราบจนตัวสั่นไปหมดแล้วว่าเสื้อคลุมของหนิงหลงจะได้ผลหรือไม่
“จะ เจ้าค่ะ….”อี้เฟยมองไปรอบๆก่อนจะพยักหน้ารับคำบิดาช้าๆ ตอนนี้ในห้องมีเพียงบิดามารดาและพี่หนิงหลงเท่านั้น ทั้งสามคนไม่โดนไฟของนางทำร้ายอยู่แล้ว เช่นนั้นนางย่อมสามารถใช้ไฟของนางได้อย่างเต็มที่….
ตามปกติแล้วทุกครั้งที่อี้เฟยใช้ไฟออกมา พลังของนางจะถูกปล่อยออกมาทั้งหมดแล้วจะระเบิดกลายเป็นทะเลเพลิงรอบตัวนางทันที แต่ทว่าทันทีที่พลังของนางถูกใช้ออกมา เสื้อคลุมที่หนิงหลงสร้างก็ดูดซับเอาพลังของนางเข้าไปจนไม่มีทีท่าว่าจะระเบิดเลยแม้แต่น้อย
พรึบ….
เปลวเพลิงสีเหลืองทองปรากฏขึ้นมาบนมือของอี้เฟยเป็นครั้งแรกหลังจากพยายามฝึกฝนวิชาควบคุมเพลิงมาเนิ่นนาน ปกติแล้วอี้เฟยไม่เคยควบคุมพลังของตัวเองได้เลย ได้แต่ปล่อยให้มันระเบิดออกไปรอบๆอย่างไร้การควบคุมเท่านั้น แต่ครั้งนี้อี้เฟยสามารถทำให้เปลวเพลิงปรากฏบนฝ่ามือเท่านั้นได้สำเร็จจนได้
“พี่หนิงหลง นี่มันๆๆๆๆๆ…….”อี้เฟยมองเปลวเพลิงในมือพร้อมพูดคำเดิมรัวๆเหมือนไม่ทราบจะหาคำพูดอะไรออกมาต่อดี นางพยายามควบคุมพลังของตัวเองมานานหลายปี แต่ก็ไม่เคยทำได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่นางสามารถเรียกไฟออกมาบนฝ่ามือได้ทั้งๆที่นี่เป็นการควบคุมพื้นฐานของผู้ควบคุมธาตุไฟแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังมีท่าทีดีใจเป็นอย่างมากอยู่ดี
ก่อนหน้านี้หนิงหลงเคยสอนวิธีเล่นกับไฟให้กับอี้เฟยไปแล้ว อย่างการบังคับให้ไฟของตนกลายเป็นรูปทรงต่างๆและบังคับให้มันเคลื่อนไหวเหมือนกับสิ่งมีชีวิต แต่เพราะอี้เฟยควบคุมพลังไม่ได้นางก็เลยทำตามที่หนิงหลงสอนไม่ได้ แต่วันนี้อี้เฟยใช้พลังออกมาได้ตามที่ตนต้องการแล้ว ที่เหลือก็เพียงบังคับมันเท่านั้น
พรึบ……
เปลวเพลิงสีทองของอี้เฟยเปลี่ยนรูปร่างเป็นผีเสื้อบินออกจากฝ่ามือของนางไปรอบๆห้องอย่างเชื่องช้า การควบคุมเพลิงให้เป็นรูปร่างและบังคับให้มันเคลื่อนไหวดั่งใจนึกเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อี้เฟยกลับสามารถบังคับผีเสื้อได้ราวกับมีชีวิตจริงและรูปร่างของมันก็ยังสมจริงอย่างมากอีกด้วย
แท้จริงแล้วอี้เฟยขยันฝึกฝนมาตลอดหลายปี ผลจากการฝึกฝนไม่ได้หายไปเฉยๆแต่สั่งสมอยู่ในร่างของอี้เฟยมาเนิ่นนานแล้ว เมื่อระดับไฟเบาพอจะทำให้อี้เฟยควบคุมได้แล้ว นางก็ใช้ทักษะที่สั่งสมออกมาได้อย่างง่ายดาย หากดูจากความสามารถของนางตอนนี้แล้วขอเพียงพลังไฟอยู่ในระดับควบคุมได้ นางอาจจะมีความเชี่ยวชาญธาตุไฟถึงระดับ 4 หรือ 5 แล้วเสียด้วยซ้ำ
“อี้เฟย….เสื้อคลุมตัวนี้สามารถดูดซับพลังไฟของเจ้าได้ ต่อจากนี้ไฟของเจ้าจะไม่ทำร้ายใครโดยไม่ได้ตั้งใจอีกแล้ว”หนิงหลงเดินเข้าไปหาอี้เฟยก่อนจะย่อตัวลงเบื้องหน้านางช้าๆ
“พรุ่งนี้เราไปฝึกกับศิษย์พี่หลี่ซานจงกันดีหรือไม่”หนิงหลงถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน มันเป็นคำถามทั่วๆไปแต่เพราะอี้เฟยก่อนหน้านี้ไม่สามารถไฟฝึกร่วมกับคนอื่นๆได้ก็เลยทำให้อี้เฟยดีใจอย่างมาก
“เจ้าค่ะ อี้เฟยจะไปเจ้าค่ะ”อี้เฟยตอบพลางพยักหน้าช้าๆก่อนที่หยดน้ำตาจะไหลออกมาจากดวงตาของนาง อี้เฟยก็แค่อยากไปร่วมทำอะไรกับผู้อื่นบ้าง ทั้งๆที่มีคนมากมายคอยต้อนรับนางแท้ๆแต่นางกลับเข้าร่วมไม่ได้ มันทรมานใจนางมาหลายปีแล้ว วันนี้ได้เข้าร่วมกับศิษย์คนอื่นๆในสำนักเสียทีทำเอานางดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ไม่ต้องห่วงอี้เฟย ศิษย์พี่ทุกๆคนต้องยินดีต้อนรับเจ้าแน่ๆ”หยางเยี่ยนเหว่ยเห็นบุตรสาวตนเองดีใจถึงขั้นร้องไห้ออกมาก็เดินเข้าไปลูบหัวบุตรสาวอย่างอ่อนโยน สำหรับพ่อแม่อย่างหยางเยี่ยนเหว่ยและหยางเซียงเซียนแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่บุตรสาวคนเล็กสามารถใช้ชิวิตตามปกติได้ แต่ยังสามารถพาบุตรสาวคนโตกลับมาได้อีกด้วย
เพราะไม่ต้องกังวลว่าอี้เฟยจะใช้พลังออกมาโดยไม่ตั้งใจแล้ว เช่นนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยก็สามารถพาบุตรสาวคนโตกลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามปกติได้เสียที ไม่มีเรื่องอะไรน่ายินดีเท่าครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกแล้ว
“…………….”ระหว่างบุตรสาวและสามีกำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่เบื้องหน้า หยางเซียงเซียนกลับมองไปทางบุตรสาวของตนด้วยท่าทีเหมือนกำลังตกใจอะไรบางอย่าง ที่นางมีสีหน้าเช่นนั้นไม่ใช่เพราะตกใจที่เสื้อคลุมของหนิงหลงช่วยดูดซับพลังของอี้เฟยได้หรอก แต่เป็นเพราะเพลิงที่อี้เฟยปล่อยออกมาต่างหาก สีของเปลวเพลิงปกติเป็นสีแดง ส้ม เหลือง ฟ้า ตามแต่การเผาไหม้ แม้จะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเพลิงของอี้เฟยต้องไม่ใช่เพลิงทั่วไปแน่ๆ แต่ก่อนหน้านี้นางคิดว่าเพลิงสีเหลืองของอี้เฟยน่าจะเป็นเพลิงที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะนอกจากจะควบคุมไม่ได้แล้วยังทำร้ายผู้อื่นอีกด้วย แต่วันนี้เซียงเซียนเพิ่งจะได้เห็นว่าสีของเพลิงที่แท้จริงของอี้เฟยคือสีทองหาใช่สีเหลืองไม่ แม้คนภายนอกจะไม่รู้ว่าเพลิงสีทองหมายถึงอะไร แต่ตระกูลธาตุไฟเก่าแก่อย่างตระกูลเก่าของเซียงเซียนนั้นย่อมทราบกันดี…..
คอมเม้นต์