หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 31 ต้องแยก
ตอนที่ 31
ต้องแยก
วูบ…
ในห้องฝึกของเจ้าสำนักยามนี้ หนิงหลงกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าทั่งตีเหล็กอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน เพียงแต่ยามนี้ในมือของเขากลับมีมีดเล่มหนึ่งกำลังลุกไหม้เป็นสีแดงเข้มด้วยความร้อนจำนวนมากที่กำลังอัดแน่นอยู่ในมีด วัสดุที่ใช้ทำนั้นทนทานกว่าแร่กองถ่านที่ทำมีดของหยุนจูหลายเท่า ทำให้มันสามารถสะสมความร้อนได้สูงจนน่ากลัว หากเป็นมีดเล่มนี้ละก็ย่อมเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับวิชาอัสนีแดงของราชวงศ์เวยอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่หนิงหลงไม่ได้สร้างมีดเล่มนี้ให้หยุนจู แต่เพราะวันก่อนได้เห็นวิชาที่หยุนจูใช้ก็เลยลองเอาพื้นฐานวิชาของหยุนจูมาใช้ร่วมกับการสร้างอาวุธเท่านั้น
หรือก็คือหนิงหลงสร้างมีดเล่มนี้โดยอิงจากวิชาอัสนีแดง ไม่ใช่เพียงการสร้างจากพื้นฐานมีดสั้นสำหรับใช้เป็นอาวุธลับเท่านั้น แต่ยังปรับแต่งโครงสร้างและวัสดุให้เหมาะกับวิชาอัสนีแดงโดยเฉพาะอีกด้วย
เปรี้ยง!!!
หนิงหลงปามีดที่เพิ่งสร้างใส่ชุดเกราะที่ตนเตรียมเอาไว้ในห้องฝึกของเจ้าสำนักด้วยเคล็ดวิชาอัสนีแดงตามที่ตนเห็น มีดที่อาบไปด้วยความร้อนสูงพุ่งวาบเป็นเส้นสีแดงทะลุชุดเกราะไปอย่างง่ายดายจนมันไปหยุดอยู่ที่กำแพงห้องฝึกด้านหลังอีกที ด้วยความร้อนระดับนี้แค่มีดวิ่งผ่านก็ทำให้เสื้อเกราะละลายเป็นรูแล้ว วิชาของพี่หยุนจูช่างน่ากลัวจริงๆ
“พี่หนิงหลง พี่หนิงหลง อยู่หรือเปล่าเจ้าคะ”หนิงหลงไม่ทันได้เข้าไปเก็บมีดของตนที่ปาออกไปเสียด้วยซ้ำ อยู่ๆเสียงของอี้เฟยก็ดังมาจากหน้าห้องก่อนที่นางจะเปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อนเสียอย่างนั้น
“น้องอี้เฟยมีอะไรงั้นเหรอ”หนิงหลงถามพลางเก็บมีดที่เพิ่งสร้างเสร็จเข้ากำไลมิติไป โชคดีที่กำแพงของห้องฝึกเป็นหินที่ทนความร้อนได้อย่างดี แถมวิชาอัสนีแดงที่หนิงหลงเพียงลอกเลียนมาจากการมองก็ยังทำได้ไม่ยอดเยี่ยมเท่าของจริง กำแพงของห้องฝึกก็เลยยังอยู่ดีไม่เป็นอะไร
“ท่านแม่….ท่านแม่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”อี้เฟยยิ้มกว้างพลางวิ่งเข้ามาจับแขนของหนิงหลงเหมือนกำลังจะชวนให้หนิงหลงรีบออกจากห้องฝึกแล้วไปพบมารดาของนางเร็วๆเสียอย่างนั้น แน่นอนว่าหนิงหลงเองก็อยากจะพบท่านน้าเซียงเซียนเหมือนกันเพราะนางบอกว่าจะไปหาคำตอบเรื่องพลังธาตุของหนิงหลงที่บ้านเกิดนี่นา
.
.
“พี่เซียงเซียน ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน”อีกด้านหนึ่งทางหน้าสำนัก คนแรกที่เข้าไปต้อนรับเซียงเซียนที่เพิ่งจะกลับมาถึงสำนักก็คือเวยอิงอินนั่นเอง แต่เดิมตระกูลของเซียงเซียนสนิทสนมกับราชวงศ์อยู่แล้ว ทำให้เวยอิงอินและหยางเซียงเซียนรู้จักกันก่อนที่จะได้พบหยางเยี่ยนเหว่ยเสียอีก
“อิงอิน เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน….จริงสิเพราะเรื่องของสำนักเทพอัคคีสินะ”เซียงเซียนเห็นสหายเก่าของตนอย่างเวยอิงอินอยู่ที่สำนักก็เดาเรื่องได้ในทันที ที่แท้สามีของนางก็เลือกใช้บารมีของอิงอินจัดการปัญหานี่เอง ถ้าเป็นนางต่อให้สำนักเทพอัคคีหรือตระกูลอ้าวคิดจะเอาเรื่องก็ไม่มีทางกล้าแน่ๆ
“ใช่แล้ว สามีของพี่ใช้งานข้าหนักมากเลยนะ”อิงอินว่าพลางกอดร่างของเซียงเซียนราวกับบุตรสาวกอดมารดาเสียอย่างนั้น สมัยก่อนเซียงเซียนเป็นเหมือนพี่สาวของอิงอินเลยก็ว่าได้ เวลามีปัญหาอิงอินก็ได้เซียงเซียนช่วยหลายอย่าง ทำให้นางชอบอ้อนเซียงเซียนแบบนี้เสมอ
“เจ้านี่…ไม่ใช่เด็กแล้วนะ เดี๋ยวพวกลูกศิษย์ก็มาเห็นเข้าหรอก”เซียงเซียนถอนหายใจออกมาก่อนจะดันอิงอินออกไป
“พี่เซียงเซียน หากหยางเยี่ยนเหว่ยทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจก็บอกข้าได้เลยนะ ข้าจะจัดการเขาให้พี่เอง”อยู่ๆอิงอินก็พูดเรื่องหยางเยี่ยนเหว่ยขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมยังหันไปมองหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยท่าทีดุดันอีกต่างหากทำเอาหยางเยี่ยนเหว่ยได้แต่เหงื่อตกไม่ทราบจะแก้สถานการณ์นี้อย่างไรดี
“ไม่ต้องเหนื่อยเจ้าหรอกถ้าเขากล้าละก็….”หยางเซียงเซียนพูดด้วยใบหน้าเย็นยะเยือกก่อนจะมองไปทางหยางเยี่ยนเหว่ยด้วยท่าทีดุดันไม่ต่างกัน แน่นอนว่าสายตาเช่นนี้ย่อมน่ากลัวที่สุดสำหรับหยางเยี่ยนเหว่ยแล้ว เพราะคนที่ไม่อยากทำให้นางโกรธที่สุดก็คือตัวหยางเยี่ยนเหว่ยเองนี่ล่ะ
“ท่านแม่……..”หยางเยี่ยนเหว่ยโดนสองสาวปล่อยจิตสังหารเข้าใส่ก็ทั้งร้อนทั้งหนาว พอได้ยินเสียงของอี้เฟยเรียกหามารดาก็แสดงท่าทีโล่งใจออกมา อย่างน้อยต่อหน้าบุตรสาวเซียงเซียนก็ไม่ใจร้ายกับเขาหรอก
“น้องอี้เฟย”อี้เฟยยังเดินเข้าไปไม่ถึงตัวมารดา อยู่ๆร่างของหญิงสาวคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของหยางเซียงเซียนพร้อมยังพุ่งเข้าไปหาอี้เฟยอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก
“น้องอี้เฟย คิดถึงจังเลย เจ้ายังน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย”หญิงสาวคนนั้นเข้าไปกอดอี้เฟยเอาไว้แน่น แถมยังใช้แก้มคลอเคลียตัวอี้เฟยอีกต่างหากทำเอาหยางเซียงเซียนกับหยางเยี่ยนเหว่ยได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะแบบนี้ไงถึงต้องส่งนางไปอยู่ที่บ้านฝั่งมารดา ก็เพราะหยางเหลียนฟางผู้นี้ชอบเข้าไปคลอเคลียน้องสาวแบบนี้เสมอ ขนาดหยางเยี่ยนเหว่ยอธิบายเรื่องพลังของอี้เฟยให้ฟัง รวมถึงเตือนว่าหากนางเข้าหาน้องสาวโดยไม่ระวังอาจจะโดนพลังของอี้เฟยเผาเอาได้ บุตรสาวคนโตอย่างนางกลับพูดว่า ต่อให้โดนเผาไปทั้งตัวนางก็ทนความน่ารักของน้องสาวไม่ได้หรอก กลับมาหน้าตาเฉย
“พี่เหลียนฟาง อี้เฟยก็คิดถึงพี่เจ้าค่ะ”อี้เฟยโดนเหลียนฟางกอดรัดอยู่ก็ยิ้มออกมาก่อนจะตอบรับนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทำเอาเหลียนฟางแทบจะเป็นลมเสียให้ได้ตรงนี้ นางช่างเป็นหญิงสาวที่โชคดีเหลือเกินได้มีน้องสาวที่น่ารักราวกับนางฟ้าลงมาจุติแบบนี้
“……………..”ฝ่ายหนิงหลงที่เดินตามอี้เฟยมามองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีไม่เข้าใจก่อนจะส่งสายตาไปรอบๆเหมือนกำลังขอใครสักคนช่วยอธิบาย
“หลานหนิงหลง ไม่ต้องแปลกใจหรอกเหลียนฟางเขามีการแสดงความรักที่แปลกไปหน่อยเท่านั้นเอง”หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางเข้าไปหาบุตรสาวทั้งสองเพื่อจะให้เหลียนฟางได้แนะนำตัวกับหนิงหลงเสียที
“หลานหนิงหลง นางคือ หยางเหลียนฟาง เป็นบุตรสาวคนโตของข้า เหลียนฟางทางนี้คือหนิงหลง เป็นลูกศิษย์ของคนรู้จักของพ่อ ตั้งแต่นี้ไปเขาจะมาอยู่กับเราสักพัก”หยางเยี่ยนเหว่ยแนะนำตัวบุตรสาวและหนิงหลงให้กันและกันง่ายๆ แต่ทันทีที่ได้ยินเหลียนฟางก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทันที
“อยู่กับพวกเรา..ท่านพ่อ ท่านจะให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาอยู่ใกล้อี้เฟยไม่ได้นะเจ้าคะ”เหลียนฟางได้ยินเช่นนั้นก็แสดงท่าทีต่อต้านออกมา แค่คิดว่าจะมีผู้ชายคนอื่นนอกจากท่านพ่อมาเข้าใกล้น้องสาวของนางก็ทนไม่ได้แล้ว ไม่มีทางให้ผู้ชายคนอื่นมาพักในส่วนของเจ้าสำนักหรอก
“อี้เฟย หลานหนิงหลงเป็นเหมือนหลานชายของพ่อ เขาก็เหมือนกับครอบครัวของเรานั่นล่ะ”หยางเยี่ยนเหว่ยอธิบายพลางถอนหายใจออกมา
“แต่ก็แค่เหมือนไม่ใช่หรือเจ้าคะ แบบนี้ข้าไม่ยอมเด็ดขาด”เหลียนฟางยังไงก็ยืนยันคำเดิมไม่ยอมเปลี่ยนแปลง นางจะยอมให้ใครมาทำให้น้องสาวของนางต้องแปดเปื้อนไม่ได้
“เอ่อ เรื่องนั้น….”หยางเยี่ยนเหว่ยจะตอบกลับไปว่าจริงๆแล้วหนิงหลงเป็นญาติของพวกตนจริงๆก็ไม่ได้เพราะเวยอิงอินยังอยู่ตรงนี้ แต่จะตอบแบบไหนให้เหลียนฟางยอมเข้าใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน หรือเขาควรพาบุตรสาวไปคุยกันเฉพาะในครอบครัวดี
“พี่เหลียนฟาง พี่หนิงหลงเป็นคนดีนะเจ้าคะ อย่าไล่พี่หนิงหลงแบบนั้นสิ”อี้เฟยเห็นพี่สาวของตนเองไม่ยอมให้หนิงหลงอาศัยอยู่ที่นี่ก็เข้าไปขอร้องให้พี่สาวหยุดไล่หนิงหลงทันที นอกจากเรื่องที่หนิงหลงจริงๆแล้วเป็นญาติกับพวกตน หนิงหลงยังเป็นคนสร้างเสื้อคลุมให้อี้เฟยอีกต่างหาก แถมเขายังใจดีสอนอะไรหลายๆเรื่องให้อี้เฟยอีกด้วยทำให้อี้เฟยชอบพี่หนิงหลงมากทีเดียว และนางก็ไม่อยากให้พี่สาวที่รักของตนทะเลาะกับพี่หนิงหลงด้วย
“ตะ แต่………..”คราวนี้กลายเป็นเหลียนฟางเองที่พูดไม่ออก น้องสาวที่น่ารักของนางขอร้องทั้งที พี่สาวคนนี้จะใจร้ายได้อย่างไร…
“ก็ได้ ข้าจะยอมให้เขาอยู่ด้วยกันกับพวกเราก็ได้”เหลียนฟางถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปทางหนิงหลงด้วยสายตาอาฆาตราวกับจะบอกว่าหากหนิงหลงแตะต้องอี้เฟยละก็นางจะฆ่าให้ตายให้ได้
.
.
.
“ท่านพี่ ข้าขอคุยด้วยได้หรือเปล่า”ในเวลาค่ำคืนหลังจากเหลียนฟางกับอี้เฟยเข้านอนกันหมดแล้ว หยางเซียงเซียนก็เดินกลับมาที่ห้องของพวกตนแล้วชวนหยางเยี่ยนเหว่ยให้มาพูดคุยกันเสียหน่อย แน่นอนว่าหยางเยี่ยนเหว่ยเองก็รออยู่แล้วเพราะตลอดทั้งวันเวยอิงอินอยู่ด้วยเลยไม่สะดวกจะคุยกันสักเท่าไหร่
“เจ้าได้ความอะไรมาบ้าง”หยางเยี่ยนเหว่ยถามพลางเดินไปรับภรรยามานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆตนเอง
“ทั้งเรื่องไฟสีทองของอี้เฟย ทั้งเรื่องพลังของหนิงหลง ข้าพอจะหาหนทางแก้ไขได้แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”หยางเซียงเซียนตอบด้วยใบหน้าผ่อนคลายลงก่อนจะมองมาทางสามีของตนเองเหมือนกำลังจะจับผิด
“เรื่อง……จาง….หลี่…ซู….นี่คือยังไงเจ้าคะ”เซียงเซียนเปลี่ยนใบหน้าผ่อนคลายก่อนหน้านี้เป็นใบหน้าน่ากลัวได้แทบจะทันทีเล่นเอาหยางเยี่ยนเหว่ยขนลุกไปหมด เขาเองก็เฝ้าดูอิงอินกับเซียงเซียนมาทั้งวัน พวกนางไปหาเวลาแอบพูดเรื่องนี้กันตอนไหนกัน
“น้องหญิง เข้าใจผิดแล้ว ใจเย็นๆก่อนนะ”หยางเยี่ยนเหว่ยกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเริ่มอธิบายให้ภรรยาของตนฟังว่าเรื่องมันเกิดจากอะไรกันแน่ อย่างน้อยนางก็ทราบตื้นลึกหนาบางอยู่แล้วคงเข้าใจเขาแน่ๆ
“แบบนี้นี่เอง เป็นเพราะตาแก่นั่นสินะ”หยางเซียงเซียนได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็พอจะทำความเข้าใจได้ เพราะหนิงหลงไม่มีทางเป็นศิษย์ของจางหลี่ซูอย่างแน่นอนเพราะจางหลี่ซูไม่มีวิชาตีเหล็กติดตัว เช่นนั้นเรื่องที่บอกว่านี่เป็นคำแก้ตัวของหนิงหลงที่อาวุโสหมิงซานสั่งเอาไว้ก็ดูสมจริงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ใช่ เป็นเพราะท่านหมิงซานคิดจะแกล้งข้าแน่ๆ”หยางเยี่ยนเหว่ยถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นภรรยาไม่เข้าใจผิดไปกับคำบอกเล่าของอิงอิน เท่านี้เขาก็โล่งใจได้ระดับหนึ่งแล้ว
“ข้าจะเชื่อท่านก็แล้วกัน แต่…..หวังว่าท่านจะไม่ได้ติดต่อกับนังนั่นอยู่จริงๆหรอกนะ”เสียงของหยางเซียงเซียนเย็นเฉียบเข้าไปถึงสันหลังของหยางเยี่ยนเหว่ยทันทีเล่นเอาหยางเยี่ยนเหว่ยต้องพูดรับปากหยางเซียงเซียนอีกพักใหญ่กว่านางจะยอมเชื่อ
คอมเม้นต์