หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 39

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 39 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 39

 

สนับสนุน

 

พรึบ

 

ร่างของอสูรปักษาขนาดใหญ่บินขึ้นจากปารอบๆภูเขาไฟก่อนจะพามนุษย์ที่อยู่บนหลังของมันชมวิวรอบๆด้วยความเร็วเอื่อยๆเหมือนกําลังบินเล่นชมวิวไม่มีผิด แต่นอกจากอสูรปักษาที่พวกหนิงหลงกําลังขี่ชมวิวรอบๆ แล้วก็ยังมีอสูรปักษาขนาดเล็กอีกหลายตัวกําลังบินออกจากภูเขาไปด้วยท่าที่รีบเร่ง ราวกับกําลังทําภารกิจบางอย่างอยู่

 

“เกาะดีๆนะน้องอี้เฟย” หนิงหลงพูดพลางมองไปทางอี้เฟยที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทั้งท่านลุงหยางเยียนเหว่ยทั้งท่านตาหงซือห่าวต่างก็พากันวุ่นวายส่งจดหมายออกไปหลายต่อหลายฉบับเพื่อติดต่อคนโน้นคนนี้กันวุ่นไปหมด หากมองดีๆก็จะพบว่านกที่บินออกไปมีบางตัวที่เป็นนกของอาณาจักรมังกรครามที่หลินฟานเคยใช้ด้วย แสดงว่ามีการตอบกลับของระหว่างอาณาจักรผลาญสุริยันกับอาณาจักรมังกรครามแล้วแน่ๆ แม้จะติดต่อราชวงศ์มังกรครามหรือตระกูลหลินด้วยตัวเองไม่ได้ แต่หงซื้อห่าวก็มีคนรู้จักในอาณาจักรมังกรครามไม่น้อย แน่นอนว่าหยางเยี่ยนเหว่ยและหยางเซียงเซียนเองก็เช่นกัน เพราะแบบนั้นตอนนี้ก็เลยเป็นช่วงเวลาหาเส้นทางการช่วยเหลืออี้เฟยอยู่นั่นเอง แต่ดูเหมือนว่าอี้เฟยที่กําลังถูกช่วยเหลืออยู่จะไม่ค่อยทราบเรื่องเท่าไหร่ เพราะนางยังเด็กพวกผู้ใหญ่ก็เลยบอกให้นางออกมาเที่ยวเล่นกับเหลียนฟางและหนิงหลงไปก่อนนั่นเอง

 

“อี้เฟย เจ้าได้ยินท่านหมอพูดแล้วรู้สึกเช่นไรงั้นหรือ” หนิงหลงถามออกมาด้วยท่าทีสงสัย เรื่องที่อี้เฟยอาจจะตายเพราะอาการเส้นชีพจรตีบตันนั้นหนิงหลงก็ได้ยินมา แล้วเช่นกัน แต่อี้เฟยกลับได้ยินเพียงเรื่องที่อาการของตนรักษาได้ยากมากเท่านั้น บางทีตอนนี้นางอาจจะกําลังเศร้าอยู่ก็ได้

 

“อี้เฟยดีใจนะเจ้าคะ” คําตอบของอี้เฟยที่ตอบกลับมานั้นกลับทําให้หนิงหลงและเหลียนฟางที่นั่งอยู่ข้างๆมีท่าทีตกใจไม่น้อย ได้ทราบว่าอาการของตนแทบไม่มีทางรักษาเหตุใดถึงดีใจกัน

 

“เพราะอี้เฟยได้รู้ว่าจริงๆแล้วไฟของอี้เฟยพยายามปกป้องอี้เฟยมาตลอดเลย ไฟของอี้เฟยไม่ทําร้ายอี้เฟยจริงๆด้วย” อี่เฟยพูดจบก็เรียกเปลวเพลิงสีทองของตนออกมาบนมือ สมัยก่อนมีบางครั้งที่อี้เฟยรู้สึกกลัวเปลวเพลิงของตนเองจนไม่กล้าใช้ออกมาเลย ตอนนั้นหยางเยี่ยนเหว่ยต้องพยายามเกลี้ยกล่อมอี้เฟยอยู่นานกว่าจะทําให้นางยอมฝึกได้ แถมตอนหนึ่งหลงมาวันแรกก็บอกอี้เฟยด้วยว่าพลังของนางไม่ได้ทําร้ายนางทําให้วันนี้ที่ได้ทราบว่าพลังของตนพยายามช่วยเหลือตนเองมาตลอด ทําให้อี้เฟยดีใจอย่างมาก อย่างน้อยนางก็สามารถใช้พลังได้โดยไม่ต้องกลัวว่าพลังของตนจะหันมาทําร้ายตนเองแล้ว

 

“อย่างนั้นเหรอ” หนิงหลงเห็นอี้เฟยตอบเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะลูบหัวอี้เฟยด้วยท่าที่เอ็นดู เขาเองก็ทนไม่ได้หรอกหากน้องสาวคนนี้ต้องตายไป

 

“ท่านทูต…ที่ท่านเดินทางเข้าวังมาในวันนี้เป็นเพราะเรื่องของบุตรสาวของเจ้าสํานักเพลิงบัญญัติสินะ” หลังจากตระกูลหงและหยางเยี่ยนเหว่ยวิ่งเต้นอยู่หลายวัน ในที่สุดทูตของอาณาจักรผลาญสุริยันที่อยู่ในอาณาจักรมังกรครามก็สามารถนัดเข้าพบกับคนในราชวงศ์ได้เสียที แต่ถึงจะกินเวลาหลายวันก็เถอะแต่ครั้งนี้นับว่านัดพบได้เร็วกว่าที่คิดเอาไว้มาก แถมฝ่ายเชื้อพระวงศ์เองก็ยังทราบเรื่องก่อนแล้ว ท่าทางครั้งนี้ฝ่ายอาณาจักรผลาญสุริยันจะลงแรงมากจริงๆ

 

“องค์ชายทรงปราดเปรื่องยิ่งนักขอรับ วันนี้ข้าน้อยเดินทางมาพบองค์ชายเพราะเรื่องนั้นจริงๆ” ทูตของอาณาจักรผลาญสุริยันตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามประสาผู้ทําหน้าที่เจริญสัมพันธ์ไมตรีกับแดนอื่น แต่ยามนี้ใบหน้ายิ้มแย้มของท่านทูตกลับไม่ค่อยยิ้มได้อย่างเบิกบานนักเพราะเรื่องราวในครั้งนี้เขาถูกกดดันมาจากองค์จักรพรรดิอย่างมากทั้งๆที่คําขอมันสิ้นหวังสุดๆเลย

 

“ดีเลย ท่านทูตตามข้ามานะ เสด็จพ่อเองก็อยากคุยเรื่องนี้พอดี”ได้ยินองค์ชายลําดับที่ 5 พูดเช่นนั้นทูตของอาณาจักรผลาญสุริยันก็มีท่าที่ตกใจให้เห็นทันที เรื่องไปถึงองค์จักรพรรดิแล้วงั้นหรือ ทําไมถึงไวนัก เขาเตรียมจะขอร้องให้องค์ชาย 5 ที่สนิทสนมที่สุดช่วยพูดเรื่องนี้กับองค์จักรพรรดิให้เสียหน่อย ไม่นึกเลยว่าอยู่ๆองค์จักรพรรดิจะเป็นฝ่ายให้เข้าเฝ้าเองเช่นนี้

 

“รีบตามข้ามาสิท่านทูต เสด็จพ่อไม่ชอบรอใครนานๆน่ะ”องค์ชาย 5 พูดด้วยท่าที่สบายๆก่อนจะเดินนําท่านทูตเข้าไปในสวนด้านในของตัววังอย่างรวดเร็ว ท่าทางการหารือเรื่องนี้จะไม่ได้ทําที่ท้องพระโรงแต่เป็นที่สวนในตําหนักสินะ เช่นนั้นก็หมายความว่าเรื่องนี้จะเป็นการตกลงกันแบบส่วนตัว ไม่ได้ผ่านขุนนางแต่อย่างไร

 

“ท่านทูต มาแล้วงั้นหรือ” ทันทีที่เข้ามาในสวนชั้นใน ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาต้อนรับทูตของอาณาจักรผลาญสุริยัน ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเสียอย่างนั้นเล่นเอาทูตของอาณาจักรผลาญสุริยันแทบไม่เชื่อสายตา

 

“นั่งก่อนๆ ท่านทูต อากาศตอนนี้กําลังสงบร่มรื่นน่านั่งเล่นชมสวนมากทีเดียว” หลินฟานในเครื่องแบบเต็มยศพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะพาท่านทูตเข้าไปนั่งในศาลากลางสวนด้วยท่าที่สบายๆราวกับภายในศาลาไม่มีองค์จักรพรรดิประทับอยู่เลย แถมไม่ใช่แค่องค์จักรพรรดิเท่านั้น แม้แต่องค์หญิงผู้ได้ชื่อว่ายอดอัจฉริยะแห่งอาณาจักรมังกรครามก็ยังประทับอยู่ด้วย แม้แต่ทูตต่างแดนที่ต้องพบเจอเหล่าราชวงศ์อยู่บ้างยังอดประหม่าไม่ได้

 

“ข้าได้ยินมาแล้ว เรื่องของบุตรสาวของสํานักเพลิงบัญญัติ ได้ยินว่ามีอาการเส้นชีพจรตีบตันสินะ” องค์จักรพรรดิของอาณาจักรมังกรครามพูดพลางมองมาทางท่านทูตด้วยท่าที่จริงจังต่างกับหลินฟานที่กําลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ด้วยท่าทีสบายๆเสียอย่างนั้น ตระกูลหลินที่เป็นเป้าหมายเองก็อยู่ตรงนี้แล้ว องค์จักรพรรดิเองก็อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีขุนนางฝ่ายอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยวอีกด้วย ไม่มีสถานที่ใดเหมาะสมจะกล่าวคําขอของอาณาจักรผลาญสุริยันเท่าที่นี่อีกแล้ว

 

“ทําไม….อาณาจักรผลาญสุริยันถึงได้ให้ความสําคัญกับเด็กสาวแค่คนเดียวขนาดนั้นกัน ข้าล่ะสงสัยจริงๆ” องค์จักรพรรดิกล่าวพลางเหล่มองมาทางท่านทูตด้วยท่าทีรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นทูตของอาณาจักรผลาญสุริยันก็ไม่อาจตอบความจริงไปได้อยู่ดี

 

“นั่นเพราะ…หยางอี้เฟยเป็นบุตรสาวของหยางเยี่ยนเหว่ย ยอดฝีมือของอาณาจักรเราขอรับ แถมหยางอี้เฟยยังมีฐานะเป็นเหมือนหลานสาวขอองค์จักรพรรดิของอาณาจักรเราด้วยขอรับ” ท่านทูตตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา เรื่องเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่สามารถบอกองค์จักรพรรดิอื่นได้ เพราะพลังของมันอาจจะเป็นกําลังสําคัญของอาณาจักรผลาญสุริยันได้ แม้อาณาจักรทั้งสองจะเป็นพันธมิตรกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกอดคอร้องเพลงกันได้เหมือนพี่น้องจริงๆเสียหน่อย ทุกอาณาจักรต่างก็ต้องมีคมเขี้ยวของตนเองเอาไว้ตอบโต้ ไม่อย่างนั้นก็เป็นเพียงอาณาจักรอ่อนแอที่ไร้ประโยชน์และต้องทําตามอาณาจักรอื่นเรื่อยไปเท่านั้น

 

“ก็ได้ งั้นเรามาตกลงเรื่องนี้กันโดยที่พวกเราทําเป็นว่าไม่รู้เรื่องเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของหยางอี้เฟยก็แล้วกัน” องค์จักรพรรดิตอบออกมาด้วยท่าที่ไม่ใส่ใจเรื่องที่ท่านทูตปิดบังเรื่องของเพลิงศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ แต่การตอบออกมาเช่นนี้ก็ทําให้ท่านทูตเข้าใจเสียที่ว่าทําไมองค์จักรพรรดิถึงได้อยากพูดคุยตนทันที การที่ปรากฏผู้ครอบครองพลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรพันธมิตรเช่นนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากอาณาจักรมังกรครามในยามนี้ ไม่ได้มียอดอัจฉริยะที่จะเกิดมาในรอบหลายพันปีอยู่ละก็ อาจจะไม่ยอมรักษาอี้เฟยเพราะเกรงว่าจะเป็นภัยต่ออาณาจักรตนก็ได้ แต่หากทําการช่วยเหลือก็ย่อมมีบุญคุณ บางทีอี้เฟยอาจจะช่วยเหลืออาณาจักรมังกรครามในอนาคตก็เป็นได้ เรื่องนั้นเป็นหน้าที่ขององค์จักรพรรดิจะต้องตัดสินว่าหนทางใดควรเลือกเดินต่อไป

 

“ท่านทูตก็คงทราบดี วิชาที่ใช้รักษาหยางอี้เฟยได้นั้นเป็นวิชาลับของอาณาจักรมังกรคราม การจะใช้มันกับคนนอกนั้น.. เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมาก”องค์จักรพรรดิพูดพลางมองมาทางท่านทูตด้วยท่าที่กดดัน วิชาร่างเซียนสถิตของตระกูลหลินทําให้ผู้ฝึกฝนวิชามีร่างกายที่แข็งแกร่งและเส้นชีพจรวิญญาณที่ยอดเยี่ยมกว่าคนปกติ การใช้วิชานี้ให้หยางอี้เฟยที่ครอบครองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนมอบปีกให้พยัคฆ์ที่ไม่ทราบว่าจะหันกลับมากัดพวกตนเมื่อไหร่เช่นกัน การขอร้องเรื่องนี้ ก็เหมือนขอร้องให้องค์จักรพรรดิเอาอาณาจักรของตนเองไปเสี่ยงด้วยตัวพระองค์เองนั่นล่ะ

 

“เอ่อ…องค์จักรพรรดิอย่าได้กังวลขอรับ ข้าจะใช้เพียงเคล็ดวิชาเพื่อรักษาหยางอี้เฟยเท่านั้นขอรับ ไม่ใช้เคล็ดวิชาอื่นทําให้นางแข็งแกร่งเทียบเท่าคนในราชวงศ์หรอกขอรับ” หลินฟานได้ยินเช่นนั้นก็พูดเรื่องเคล็ดวิชาออกมาเพื่อความสบายใจ สําหรับคนนอกแล้วอาจจะไม่ทราบว่าเคล็ดวิชาของตระกูลหลินมีขั้นตอนเช่นไร แต่ในราชวงศ์และตระกูลหลินเองต่างทราบดีว่า กล้ามเนื้อ กระดูก และเส้นชีพจรวิญญาณ นั้นใช้เคล็ดวิชาต่างกัน และหลินฟานก็สามารถใช้เพียงเคล็ดขยายเส้นชีพจรเพื่อรักษาอี้เฟยเท่านั้นได้ แต่การที่หลินฟานพูดออกมา เช่นนี้ก็หมายความว่าองค์จักรพรรดิจะไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้เพราะกลัวว่าเคล็ดวิชาของตระกูลหลินจะรั่วไหลให้อาณาจักรอื่นได้นะสิ

 

“แถมการช่วยเหลืออาณาจักรพันธมิตรยังทําให้อาณาจักรมังกรครามของเรามีภาพลักษณ์ที่ดีอีกนะขอรับ ไหนจะความสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักรผลาญสุริยันอีก” หลินฟานที่อยู่ฝ่ายอาณาจักรมังกรครามยามนี้กลับพูดสนับสนุนฝ่ายอาณาจักรผลาญสุริยันอย่างน้ําไหลไฟดับเสียอย่างนั้น นอกจากจะเปิดโปงความลับที่ใช้เป็นข้ออ้างของอาณาจักรมังกรครามออกไปแล้ว ยังชี้ข้อดีในการช่วยเหลือหยางอี้เฟยราวกับพนักงานขายของอีกต่างหาก

 

“หลินฟาน ให้มันน้อยๆหน่อย” จักรพรรดิของอาณาจักรมังกรครามเห็นหลินฟานร่ายสรรพคุณของการช่วยเหลือหยางอี้เฟยออกมาไม่หยุดก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะปรามหลินฟานด้วยท่าที่เหนื่อยใจพร้อมเสียงหัวเราะของบุตรสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ จริงๆแล้วก่อนเรียกตัวท่านทูตเข้ามาพบ ก็มีจดหมายจากผู้มีพระคุณของตระกูลหลินส่งมาถึงหลินฟานก่อนแล้ว จดหมายฉบับนั้นขอร้องให้หลินฟานช่วยเหลือ หยางอี้เฟยของอาณาจักรผลาญสุริยันพร้อมแนบตราตระกูลหลินคืนมาด้วยราวกับจะบอกว่านี่เป็นคําขอเพื่อทดแทนบุญคุณเรืองกระบี่หนิงหลงก็ว่าได้ เช่นนั้นแล้วอาณาจักรมังกรครามเลยต้องช่วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่องค์จักรพรรดิจะช่วยเหลือเฉยๆก็ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เรื่องนี้สร้างผลประโยชน์ของอาณาจักรด้วย แต่เจ้าหลินฟานกลับตั้งหน้าตั้งตาสนับสนุนการช่วยเหลือหยางอี้เฟยอย่างออกหน้าออกตาเสียอย่างนั้น แบบนี้องค์จักรพรรดิก็เรียกร้องอะไรจากอาณาจักรผลาญสุริยันได้ไม่มากนะสิ

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด