หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 7 ระดับขั้น
ตอนที่ 7
ระดับขั้น
“ระดับขั้นของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเองก็มีการแบ่งชั้นเหมือนกับอาวุธเช่นกัน โดยขั้นแรกคือระดับกำเนิดพลังวิญญาณ เป็นขั้นตอนแรกสุดสำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณ หากในร่างไม่มีพลังวิญญาณถือกำเนิดขึ้นมาก็ไม่สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้”ในเช้าวันต่อมา หลินฟานที่รับหน้าที่สั่งการฝึกฝนพลังวิญญาณให้หนิงหลงกำลังอธิบายพื้นฐานความรู้ของพลังวิญญาณให้หนิงหลงที่นั่งสมาธิอยู่เบื้องหน้าเข้าใจ
“หลังจากสัมผัสพลังวิญญาณในร่างได้ ก็จะเริ่มเข้าสู่การสั่งสมพลังวิญญาณโดยสามารถแบ่งขั้นได้เป็นระดับ ทองแดง เงิน ทอง หยก หยกขาว ตำนาน ราชัน เซียน และ ราชาสวรรค์ รวมกับขั้นแรกอย่างกำเนิดวิญญาณ แล้วรวมเป็นสิบขั้นพอดี แต่ละขั้นมีแบ่งแยกย่อยออกไปสิบระดับ หรือก็คือพวกเราแบ่งความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณออกเป็นหนึ่งร้อยขั้นพอดี”หลินฟานเดินอยู่เบื้องหน้าของหนิงหลงด้วยท่าทีเหมือนครูฝึก ยิ่งเห็นหลินฟานใส่เสื้อเกราะที่หนิงหลงแกล้งเอาใส่ให้เมื่อวานแล้วภาพที่เห็นตรงหน้าก็เลยเหมือนพวกแม่ทัพกำลังเดินสั่งสอนทหารไม่มีผิด
“แล้วตอนนี้ข้าอยู่ระดับไหนหรือขอรับ”หนิงหลงลืมตาขึ้นมาถามด้วยท่าทีสงสัย หนิงหลงจำความได้ก็มีพลังวิญญาณติดตัวอยู่แล้ว แถมอาจารย์ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพลังวิญญาณเท่าไหร่เลยไม่ได้สอนเลยว่ามีการแบ่งระดับพลังกันด้วย
“จากที่ข้าสัมผัสได้เมื่อวาน ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับทองแดงขั้นที่สาม”หลินฟานตอบออกมาตามตรง เพราะนอกจากจะสัมผัสจากพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากร่างแล้ว การส่งพลังวิญญาณเพื่อเข้าไปตรวจสอบนั้นยังได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากกว่าอีกด้วย
“แค่ทองแดงเองหรือขอรับ แบบนี้ก็เกือบจะต่ำที่สุดเลยนะสิ”หนิงหลงได้ยินคำตอบของหลินฟานก็ทำหน้าเสียดายออกมา นึกว่าตัวเองจะมีพลังวิญญาณมากกว่านี้เสียอีก เขาอุตส่าห์ควบคุมไฟได้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแอบคิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์แท้ๆ
“ฮ้าๆ เด็กอายุเท่านี้มีคนขึ้นไปถึงระดับเงินแล้วด้วยซ้ำ เจ้ายังอ่อนหัดนัก”หลินฟานหัวเราะออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม หนิงหลงอาศัยอยู่กับอาวุโสหมิงซาน ไม่มีครูสอนเคล็ดฝึกฝนพลังวิญญาณให้ไม่แปลกที่การฝึกจะไม่คืบหน้า แต่หลังจากสอนเคล็ดร่างสถิตเซียนให้หนิงหลงไปแล้วเขาก็จดจำได้อย่างง่ายดาย แถมยังเริ่มฝึกได้อย่างคล่องแคล่วขนาดที่ว่าสามารถฝึกไปคุยไปได้สบายเลย
“แล้วพี่หลินกับอาจารย์อยู่ระดับไหนล่ะขอรับ”หนิงหลงถามออกมาด้วยท่าทีสงสัย หนิงหลงมีพลังวิญญาณอยู่ในระดับเริ่มแรกไม่สามารถตรวจสอบระดับพลังของผู้อยู่สูงกว่าได้ เลยได้แต่ลองถามหลินฟานออกไปตรงๆเท่านั้น
“จากที่ข้าสัมผัสได้ อาจารย์น่าจะอยู่ระดับตำนานขั้นที่ ห้า หรือ หก เป็นแน่”หลินฟานลองนึกถึงตอนที่อาวุโสหมิงซานโจมตีผู้คุ้มกันของเด็กที่มาหาเรื่องอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยตอบออกมา ระดับพลังของอาวุโสหมิงซานสูงก็จริง แต่น่าตกใจไม่น้อยที่ท่านอาวุโสไม่มีเคล็ดฝึกฝนพลังวิญญาณเลย ดูเหมือนท่านจะได้พลังวิญญาณระดับนี้มาจากยาวิเศษที่มีคนเอามาแลกกับอาวุธที่ท่านสร้างในสมัยนั้น ทำให้ท่านสามารถข้ามระดับพลังวิญญาณขึ้นมาได้โดยไม่ได้ฝึกฝนพลังวิญญาณอย่างจริงจัง แต่ยาแบบนั้นไม่ใช่ของที่จะหากันได้ง่ายๆเสียด้วย คงคาดหวังให้หนิงหลงได้ยาแบบนั้นมาเสริมพลังวิญญาณให้ไม่ได้
“แล้วพี่หลินล่ะขอรับ”หนิงหลงได้ยินเช่นนั้นก็ถามออกมาด้วยท่าทีสนใจ ระดับของอาจารย์สูงมากจริงๆ แต่อาจารย์เคยพูดเอาไว้ว่าหลินฟานมีพลังวิญญาณเหนือกว่าตนนี่นา
“ข้าเหรอ….”หลินฟานยิ้มกว้างก่อนจะยืดอกด้วยท่าทีภูมิใจราวกับรอให้หนิงหลงถามคำถามนี้อยู่แล้ว
“ข้าก็เป็นถึงองครักษ์หลวงของอาณาจักรมังกรครามเชียวนะ ตอนนี้ข้าอยู่ระดับเซียนขั้นที่แปดไงล่ะ”หลินฟานยึดแล้วยึดอีกด้วยท่าทียิ่งใหญ่เสียเหลือเกินทำเอาหนิงหลงอดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าพี่หลินท่านนี้จะเป็นคนขี้อวดไปได้
“อะไรกัน หน้าแบบนั้น รู้หรือเปล่าว่าระดับของข้าน่ะมีแต่คนเกรงใจทั้งนั้นล่ะ”หลินฟานเห็นหนิงหลงทำหน้าเบื่อๆก็โวยวายออกมาทันที ระดับของหลินฟานอยู่แนวหน้าของอาณาจักรจริงๆ แถมหลินฟานยังมีกระบี่ลิ้นมังกรอาวุธระดับราชันเป็นอาวุธคู่กาย ทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินมีเพียงพวกปีศาจระดับราชาสวรรค์เท่านั้นที่ไม่เกรงใจหลินฟาน
“เปล่านี่ขอรับ”หนิงหลงทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเริ่มนั่งสมาธิต่อ แต่ถึงตอนนี้หนิงหลงสามารถเดินพลังวิญญาณตามเคล็ดวิชาร่างเซียนสถิตได้โดยไม่ต้องทำสมาธิแล้ว แค่เบื่อคนที่อวดเท่านั้น
“ไม่สบอารมณ์กับท่าทีแบบนั้นเลย วันนี้ข้าจะมอบบดทดสอบให้เจ้า วันนี้เจ้าไปตกปลาแล้วเอามาเตรียมเป็นอาหารเย็นซะ”หลินฟานว่าพลางสั่งให้หนิงหลงไปตกปลาเสียอย่างนั้น เล่นเอาหนิงหลงแสดงท่าทีงุนงงออกมาเลย เรื่องนั้นก็ต้องทำเป็นปกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
“หึหึ….วันนี้อาจารย์บอกว่าจะสอนการตีเหล็กขั้นพื้นฐานให้ข้า เพราะงั้นศิษย์พี่ไปตกปลาเถอะ อย่ามารบกวนข้ากับอาจารย์”หลินฟานกลับมาเรียกหนิงหลงว่าศิษย์พี่เช่นนี้หมายความว่าการสอนของหลินฟานในวันนี้ได้จบลงแล้ว
“ไม่ใช่ว่าท่านแค่อยากกินปลาหรอกหรือ”หนิงหลงถามพลางทำหน้ามุ่ยออกมา ความรู้สึกเหมือนตัวเองโดนไล่ออกไปนี่มันอะไรกัน
“ถูกต้องแล้วขอรับ ขอตัวใหญ่ๆนะขอรับ”หลินฟานว่าพลางขอตัวเข้าไปที่โรงตีเหล็กก่อน ปล่อยให้หนิงหลงนั่งว่างอยู่ที่โคนต้นไม้เสียอย่างนั้น แต่วันนี้อาจารย์จะสอนพื้นฐานให้พี่หลิน หนิงหลงที่เรียนมาจนหมดแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำจริงๆเลยได้แต่เดินไปหยิบเบ็ดตกปลาแล้วออกไปที่แม่น้ำเท่านั้น แต่เพราะตนกำลังติดใจเรื่องการฝึกพลังวิญญาณ หนิงหลงก็เลยใช้เวลาระหว่างรอปลากินเบ็ดเดินพลังวิญญาณตามเคล็ดวิชาของตระกูลหลินไปด้วย
.
.
.
“ไม่เลว เจ้าเรียนรู้ไว้จริงๆ ทักษะการใช้ค้อนพวกนี้ท่องจำให้ขึ้นใจแล้วฝึกฝนทุกวันเข้าใจหรือไม่”อาวุโสหมิงซานที่เพิ่งสอนกระบวนท่าการใช้ค้อนให้หลินฟานไปหมาดๆกำลังกล่าวชมหลินฟานด้วยท่าทีชื่นชม แม้จะมีปลอกแขนโลหะรวมถึงเกราะเหล็กสวมทับร่างเอาไว้ หลินฟานก็ยังเคลื่อนไหวได้ดีเยี่ยม นับว่าพัฒนาได้ดีจริงๆ
“ขอบคุณขอรับอาจารย์”หลินฟานได้รับคำชมก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ เพียงแต่พริบตาเดียวหลินฟานก็เปลี่ยนใบหน้ายิ้มแย้มของตนเป็นใบหน้าจริงจังเสียอย่างนั้น
“อาจารย์ ศิษย์พี่เขาเป็นใครกันแน่ขอรับ”หลินฟานที่เรียนบทเรียนของวันนี้อย่างรวดเร็วถามออกมาพลางใช้ค้อนหวดอากาศตามท่าที่อาวุโสหมิงซานเพิ่งจะสอนเพิ่มไป
“ก็เป็นศิษย์พี่ของเจ้าไงล่ะ”อาวุโสหมิงซานตอบเหมือนเป็นการตอบเลี่ยงคำถามเสียอย่างนั้น
“อาจารย์ ศิษย์พี่จำความรู้เรื่องการตีเหล็กทั้งหมดนั่นได้นะขอรับ แถมอายุยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ ศิษย์พี่ถึงกับบรรลุระดับทองแดงขั้นที่สามโดยไม่มีคนสอนเนี่ยนะขอรับ อาจารย์ท่านคิดว่าข้าจะไม่สงสัยเลยหรือขอรับ”หลินฟานถามออกมาด้วยท่าทีสงสัยอย่างมาก ก่อนหน้านี้หลินฟานบอกหนิงหลงเอาไว้ว่าเด็กรุ่นหนิงหลงนั้นไปถึงระดับเงินแล้วนั้นเป็นเพียงการบอกเพื่อไม่ให้หนิงหลงรู้สึกเหลิงเท่านั้น เด็กคนที่ฝึกไปถึงระดับเงินนั้นเป็นยอดอัจฉริยะในรอบหลายพันปีของอาณาจักรมังกรคราม แถมเด็กคนนั้นยังได้รับการสอนเคล็ดวิชาชั้นยอดมาตั้งแต่เด็ก ไหนจะบำรุงด้วยสมุนไพรและยาวิเศษมาตลอด ทำให้เด็กคนนั้นก้าวข้ามคนในรุ่นเดียวกันขึ้นไประดับเงินได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่หากถามว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับหนิงหลงนั้นจริงๆแล้วมีพลังระดับใด ก็ต้องตอบว่าแค่ระดับกำเนิดวิญญาณขั้นที่ สี่ หรือ ห้า ก็ถือว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์แล้ว แต่เด็กเหล่านั้นยังเทียบหนิงหลงไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะความประหลาดใจมากมายทำหลินฟานเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจไม่ได้ต้องหาโอกาสมาถามอาวุโสหมิงซานจนได้
“นั่นเป็นเพราะบิดาของหนิงหลงเป็นยอดฝีมือในอดีตยังไงล่ะ”อาวุโสหมิงซานตอบออกมาตามตรงเพราะหลินฟานถือเป็นคนในไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เขาถือครองความลับเรื่องอาวุโสหมิงซานไม่สามารถสร้างอาวุธได้ไปแล้ว จะมีอีกเรื่องก็คงไม่ต่างกัน
“ยอดฝีมือในอดีต….เป็นใครหรือขอรับ บางทีข้าอาจจะรู้จัก”หลินฟานถามด้วยท่าทีสนใจ ความสามารถของหนิงหลงอาจจะสืบทอดมาจากสายเลือดก็ได้ เช่นนั้นบิดาของศิษย์พี่คือใครก็เป็นคำถามที่น่าสนใจมากสำหรับหลินฟาน
“เรื่องนั้นข้าบอกเจ้าไม่ได้ แต่หากบิดาของหนิงหลงยังมีชีวิตอยู่แม้แต่เจ้าก็อาจจะสู้เขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”ได้ยินอาวุโสหมิงซานพูดเช่นนั้นหลินฟานก็ถึงกับสะท้านวาบ อาวุโสหมิงซานอยู่ในยุทธจักรมานานน่าจะทราบว่าหลินฟานมีฝีมือระดับใด การสามารถพูดออกมาได้อย่างไม่ต้องคิดว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าหลินฟานแน่ๆ เช่นนั้นก็หมายความว่าบิดาของหนิงหลงอาจจะเป็นหนึ่งในปีศาจระดับราชาสวรรค์ก็ได้ แต่…..
“หากยังมีชีวิตอยู่หรือขอรับ….”หลินฟานตกใจเรื่องความแข็งแกร่งก็จริง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสะดุดตรงประโยคนี้ของอาวุโสหมิงซาน เช่นนั้นบิดาของศิษย์พี่ก็จากไปแล้วงั้นหรือ
“ใช่ เจ้านั่นบาดเจ็บหนักมาที่บ้านของข้า ขอให้ข้าช่วยดูแลบุตรชายแล้วก็จากไป ที่ข้าเลี้ยงดูหนิงหลงอยู่ตอนนี้ก็เพื่อทำตามคำขอของเจ้านั่นเท่านั้น”อาวุโสหมิงซานพูดจบก็เดินเข้าไปในโรงตีเหล็กแล้วจุดไฟที่เตาหลอมด้วยพลังวิญญาณของตนเอง
เรื่องทั้งหมดก็ไม่มีอะไรมาก หนิงหลงเป็นบุตรชายของยอดฝีมือที่ล่วงลับ ตอนนี้ถูกเลี้ยงดูโดยช่างตีเหล็กในตำนานเท่านั้น เรื่องระดับพลังของหนิงหลง หรือเรื่องจุดชีพจรที่ยอดเยี่ยมนั่นก็ได้คำตอบเช่นนี้ แม้จะดูไม่กระจ่างแจ้ง แต่ก็ถือเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลดี
“งั้นที่ท่านให้ข้าสอนการฝึกฝนพลังวิญญาณให้ศิษย์พี่ หรือว่าท่านต้องการจะให้ศิษย์พี่พัฒนาตัวเองเป็นยอดฝีมืองั้นหรือขอรับ”หลินฟานถามพลางมองกองไฟในเตาหลอมด้วยท่าทีนิ่งสงบ
“เจ้านั่นไม่ได้บอกอะไรเอาไว้ ไม่ได้ขอให้ข้าฝึกฝนหนิงหลงเป็นยอดช่างตีเหล็กหรือจอมยุทธสะท้านภพ ข้าก็แค่เห็นหนิงหลงมีพรสวรรค์ก็เลยอยากจะปูพื้นฐานให้เขาเท่านั้น ในอนาคตเขาอยากเป็นอะไรก็แล้วแต่เขาเถอะ”อาวุโสหมิงซานตอบพลางโยนเหล็กเข้าไปในเตาหลอมเพื่อเริ่มทำการหลอมโลหะ
“เป็นความรักของพ่อสินะขอรับ”หลินฟานได้ฟังเหตุผลของอาวุโสหมิงซานก็อมยิ้มออกมา ก็แค่อยากจะช่วยปูเส้นทางให้หนิงหลงเท่านั้นนี่เอง
“พ่ออะไรกัน ข้ากับหนิงหลงเป็นศิษย์อาจารย์กัน จะไปมีความรักของพ่อได้อย่างไร”พอได้ยินคำนั้นจากหลินฟาน อยู่ๆอาวุโสหมิงซานก็แสดงท่าทีขัดเขินออกมาเสียอย่างนั้น
“เช่นนั้นก็เป็นความรักของอาจารย์สินะขอรับ”หลินฟานยังคงแหย่อาวุโสหมิงซานต่อ ท่านเป็นพวกหน้านิ่งปากหนัก พอโดนแหย่นิดหน่อยก็ทำท่าทีลนลานเสียแล้ว แต่ไม่ต้องพูดออกมาหรอก วันนั้นถึงหนิงหลงจะบอกว่าต่อให้เอาตัวเองเป็นตัวประกันอาจารย์ก็ไม่สนใจ แต่พอหนิงหลงจะโดนทำร้ายอาวุโสหมิงซานก็ถึงกับยอมออกมาปกป้องด้วยตนเอง แถมยังขอบคุณหลินฟานที่พยายามจะปกป้องหนิงหลงเอาไว้อีกต่างหาก และที่ชัดเจนที่สุดก็คือข้อเรียกร้องสำหรับการฝึกวิชาตีเหล็กของหลินฟาน ท่านสามารถขอให้หลินฟานหาหมอหรือยาวิเศษเพื่อมารักษาแขนของตนได้ แต่ท่านกลับเลือกที่จะให้หลินฟานสอนวิชาให้หนิงหลงมากกว่า แม้ท่านจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ท่านเห็นหนิงหลงสำคัญกับตนเองมากแน่ๆอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
คอมเม้นต์