หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 33 งานยุ่ง
ตอนที่ 33
งานยุ่ง
“หยางเยี่ยนเหว่ย ข้ามีเรื่องจะต้องพูดกับ…..”ในเช้าวันต่อมา เวยอิงอินที่เริ่มระแคะระคายในตัวหนิงหลงเข้าให้แล้วก็มุ่งหน้าไปหาหยางเยี่ยนเหว่ยทันทีเพื่อจะคาดคั้นให้ได้ความจริงกลับมา แต่ทันทีที่นางเปิดประตูเข้าไปในห้องของเจ้าสำนัก สิ่งที่นางได้เห็นก็คือเหล่าอาวุโส รองเจ้าสำนัก และตัวหยางเยี่ยนเหว่ยกำลังประชุมกันอย่างเคร่งเครียดเสียอย่างนั้นทำเอานางไม่สามารถพูดเพื่อเรียกตัวหยางเยี่ยนเหว่ยออกมาได้เลย
“อิงอิน ข้าไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ เจ้าช่วยรอก่อนนะ”หยางเยี่ยนเหว่ยตอบนางเพียงสั้นๆก่อนจะเริ่มประชุมกับเหล่าอาวุโสต่อ แม้เวยอิงอินจะสงสัยเรื่องของหนิงหลงอยู่แต่นางก็ไม่ใช่พวกที่ไม่รู้จักกาลเทศะ ในเมื่อหยางเยี่ยนเหว่ยกำลังทำงานก็ช่วยไม่ได้ งั้นนางจะยอมปล่อยเขาไปก่อนก็แล้วกัน
“พี่เซียงเซียน ท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ”หันหลังออกมาจากห้องของเจ้าสำนักได้ไม่นาน เวยอิงอินก็เห็นเซียงเซียนกำลังเดินผ่านห้องของเจ้าสำนักมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ทั่วไปของสำนักด้วยท่าทีรีบเร่งอย่างผิดปกติเสียอย่างนั้น ท่าทีเช่นนี้เห็นได้ชัดเลยว่าพี่เซียงเซียนกำลังยุ่งอยู่แน่ๆ
“ข้ากำลังจัดการเรื่องเหล่าศิษย์ในสำนักนะสิ”เซียงเซียนตอบพลางเดินเข้าไปในเขตของเหล่าศิษย์ก่อนจะเรียกตัวเหล่าครูฝึกมาพบตนเองทันทีเพื่อจะสั่งงานในช่วงที่พวกตนจะไม่อยู่ แม้เซียงเซียนจะเดินทางเป็นพักๆอยู่แล้ว แต่ก็มีไม่บ่อยนักที่หยางเยี่ยนเหว่ยจะเดินทางไปพร้อมนางด้วย เช่นนี้ทั้งเจ้าสำนักและภรรยาเจ้าสำนักอย่างนางก็จะไม่อยู่ดูแล
ถึงเรื่องของสำนักเทพอัคคีจะจัดการไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีแค่สำนักเทพอัคคีหรอกที่จ้องจะหาเรื่องสำนักเพลิงบัญญัติ ก่อนจะปล่อยให้สำนักไร้เจ้าสำนักและตัวนางที่เป็นระดับราชาสวรรค์ทั้งคู่ไป นางจะต้องสั่งการให้เรียบร้อยว่าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นให้ทำอย่างไร ในเมืองนี้สำนักเพลิงบัญญัติมีมิตรสหายไม่น้อย ขอเพียงไม่มีคนระดับเจ้าสวรรค์มาบุกสำนักเอาตอนที่พวกนางไม่อยู่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
“พี่เซียงเซียน ท่านจะเดินทางหรือเจ้าคะ”อิงอินถามด้วยท่าทีสงสัยหลังจากได้ยินเรื่องที่เซียงเซียนพูดกับเหล่าครูฝึกและศิษย์ระดับแนวหน้าที่มาเข้าพบ
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ครอบครัวของข้ากำลังจะเดินทางไปบ้านตระกูลหงก็เลยต้องจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยเสียก่อน”เซียงเซียนตอบพลางหันกลับไปหาครูฝึกอีกคนที่เพิ่งจะเข้ามาพบ อิงอินก็เข้าใจหรอกว่าการที่เจ้าสำนักและภรรยาของเขาจะเดินทางไปที่อื่นทำให้สำนักอ่อนกำลังลง พวกเขาก็เลยต้องจัดการกันให้เรียบร้อย แต่เพราะทั้งสองคนยุ่งกันมากอิงอินก็เลยไม่ได้ถามเรื่องของหนิงหลงเสียที
.
.
.
“เฮ้อ ไม่มีโอกาสได้ถามเลย”เวยอิงอินกลับมาที่เรือนรับรองด้วยท่าทีอารมณ์บูดอย่างเห็นได้ชัด วันนี้หยางเยี่ยนเหว่ยกับหยางเซียงเซียนยุ่งกันทั้งวันจนแทบไม่มีเวลากินข้าว แถมตัวหนิงหลงยังลงไปฝึกที่ห้องฝึกของเจ้าสำนักแล้วอีกต่างหากนางเลยตามเข้าไปไม่ได้ สุดท้ายเลยได้แต่กลับมากินอาหารกลางวันที่เรือนรับรองเช่นนี้
“ท่านน้า….ท่านสงสัยอะไรน้องหนิงหลงหรือเจ้าคะ”เวยหยุนจูถามพลางมองอาการหงอยๆของท่านน้าด้วยท่าทีไม่คุ้นชินนัก แต่ก็ช่วยไม่ได้ปกตินางไม่ต้องเกรงใจใครเท่าไหร่นี่นาต่างกับท่านลุงกับท่านป้าที่เป็นคนรู้จักของท่านพ่อและตัวท่านน้าเองมานานแล้ว
“มีดเล่มนี้ไม่ว่าดูอย่างไรก็เป็นมีดใหม่ที่ยังไม่มีริ้วรอยแน่ๆ ข้าคิดว่าหนิงหลงไม่ได้เอาไปซ่อมหรอก แต่สร้างมันขึ้นมาใหม่ต่างหาก”เวยอิงอินตอบพลางนำมีดของหยุนจูออกมา หากทำการซ่อมก็ต้องมีร่องรอยบ้าง แต่นี่มันเหมือนหลอมขึ้นมาใหม่ทั้งเล่มเลย แถมพอเทียบกับเล่มอื่นๆแล้วมีดเล่มนี้ยังรับพลังไฟของอิงอินได้มากกว่ามีดแบบเดียวกันเสียอีก
“งั้น น้องหนิงหลงก็สร้างอาวุธวิเศษได้…..”เวยหยุนจูลองคิดตามแล้วก็พอจะเข้าใจ นางเองก็สงสัยในจุดนี้เหมือนกัน แต่เพราะหนิงหลงยังเด็กมาก เขาจะสามารถเรียนรู้ทักษะชั้นสูงจนสามารถสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมาได้เลยงั้นหรือ ช่างตีเหล็กบางคนแม้พยายามทั้งชีวิตก็ยังสร้างอาวุธวิเศษออกมาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ
“ข้าก็คิดเช่นนั้น แถมมีดเล่มนี้ยังสร้างออกมาเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน รวมถึงระดับไม่เปลี่ยนไปด้วย บางทีเขาอาจจะจงใจให้ระดับของมีดเท่าเดิม ทั้งที่น่าจะสร้างอาวุธวิเศษระดับสูงกว่านี้ได้ไม่ยากก็ได้”เวยอิงอินว่าพลางนำมีดอีกเล่มออกมาเทียบกัน หากมองผ่านๆมีดทั้งสองเล่มแทบจะเหมือนกันราวกับแกะ แต่หากจ้องมองเข้าไปในรายละเอียดเล็กๆก็จะพบว่ามีดของหนิงหลงมีการสลักที่งดงามกว่านิดหน่อย เห็นได้ชัดเลยว่าจริงๆแล้วเขาสามารถทำได้มากกว่านี้ แต่ไม่ทำเพราะกลัวว่าจะไม่เหมือนมีดต้นแบบ
“ท่านน้า….ท่านคงไม่คิดจะหากำไรจากน้องหนิงหลงหรอกนะเจ้าคะ”เวยหยุนจูเห็นท่านน้าครุ่นคิดเช่นนั้นก็แสดงท่าทีกังวลออกมา เวยอิงอินแม้เป็นพระขนิษฐาขององค์จักรพรรดิ แต่นางก็ชมชอบการค้าขายอย่างมาก ที่เมืองหลวงนางสร้างร้านขนาดใหญ่ของนางเองแถมยังเปิดสาขาย่อยออกไปหลายเมืองเพื่อทำกำไร การที่นางจะหวังทำกำไรจากช่างตีเหล็กฝีมือดีนั้นไม่แปลกเลย แต่พออีกฝ่ายเป็นน้องหนิงหลงเวยหยุนจูก็รู้สึกไม่อยากให้ท่านน้าเข้าไปยุ่งเท่าไหร่
“ข้าไม่ใช่แม่ค้าหน้าเลือดสักหน่อย ถ้าหนิงหลงเป็นช่างตีเหล็กฝีมือเยี่ยมขนาดนั้นจริงข้าจะเป็นคนดูแลผลประโยชน์ให้เขาเอง แถมเพราะเป็นคนรู้จักของหยางเยี่ยนเหว่ยข้าจะไม่คิดค่าธรรมเนียมเลยก็ยังได้ เจ้าคิดว่าให้เขาขายของให้น้าของเจ้าคนนี้หรือขายให้พ่อค้าที่ไหนก็ไม่ทราบดีกว่ากันล่ะ”เวยอิงอินถามพลางจ้องมองหยุนจูด้วยท่าทีจริงจัง นางไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงินจนมองข้ามมิตรสหายหรอก
“ก็…ท่านน้าดูจริงจังผิดปกตินี่เจ้าคะ ข้านึกว่าท่านจะหวังให้น้องหนิงหลงเป็นโรงงานผลิตอาวุธให้ท่านซะอีก”หยุนจูว่าพลางถอนหายใจออกมาช้าๆ หากท่านน้าคิดแบบนั้นนางเองก็คงไม่ยอมเช่นกัน น้องหนิงหลงดูเป็นคนดีไม่ควรโดนใครหลอกใช้แบบนั้นเลย อ่านโดจิน doujinza.com
“เรื่องนั้น…..เพราะข้ากำลังคิดว่าจริงๆแล้วหนิงหลงคงไม่ใช่ศิษย์ของจางหลี่ซูนะสิ”เวยอิงอินตอบพลางยิ้มบางๆออกมา ไม่มีทางที่ศิษย์ของผู้หญิงคนนั้นจะกลายเป็นช่างตีเหล็กได้หรอก เพราะจางหลี่ซูเป็นยอดฝีมือด้านการทอผ้าแต่นางไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานตีเหล็กเลยแม้แต่น้อย
“ตอนเย็นข้าจะถามหยางเยี่ยนเหว่ยให้เรียบร้อยว่าจริงๆแล้วหนิงหลงคือศิษย์ของท่านอาวุโสหมิงซานใช่หรือไม่ ยังไงข้าก็อยากจะพบท่านให้ได้”เวยอิงอินกำหมัดแน่นก่อนจะนำอาหารเข้าปากด้วยท่าทีมีน้ำโห ในกลุ่มสหายไม่ทราบทำไมถึงมีแต่นางที่ไม่ทราบที่อยู่ของท่านอาวุโสหมิงซาน ทั้งๆที่คนอื่นๆแทบจะติดต่อกับท่านได้ตลอดเวลาแท้ๆ
.
.
.
“หยางเยี่ยนเหว่ย ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า….”ถึงช่วงเย็นของวันเดียวกัน เวยอิงอินก็เข้าไปพบหยางเยี่ยนเหว่ยที่ห้องเจ้าสำนักอีกครั้ง แม้จะงานยุ่งแต่เวลาอาหารเย็นเช่นนี้ก็ควรจะหยุดทำงานบ้างแล้วแน่ๆ เช่นนั้นช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่นางสามารถถามคำถามกับหยางเยี่ยนเหว่ยได้แน่ๆ
“ท่านหญิงอิงอิน ขออภัยขอรับท่านเจ้าสำนักออกไปแล้ว”แต่ทว่า….คนที่เวยอิงอินพบนั้นกลับเป็นรองเจ้าสำนักเสียอย่างนั้นหาใช่หยางเยี่ยนเหว่ยไม่
“ออกไปแล้ว? ไปที่ห้องอาหารงั้นหรือ”เวยอิงอินกะพริบตาปริบๆมองไปรอบๆห้องที่ตอนนี้เหลือเพียงรองเจ้าสำนักและเหล่าอาวุโสสองสามคนนั่งทำงานกันอยู่ หรือว่านางจะสวนกับหยางเยี่ยนเหว่ยระหว่างทางมางั้นหรือ
“เปล่าขอรับ ท่านเจ้าสำนักเดินทางไปบ้านตระกูลหงแล้วขอรับ”รองเจ้าสำนักเพลิงบัญญัติตอบออกมาด้วยท่าทีสงสัย เขาเห็นท่านหญิงอิงอินอยากจะคุยอะไรกับท่านเจ้าสำนักมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่พอเสร็จงานท่านก็เตรียมตัวเดินทางออกไปทันทีไม่รอท่านหญิงอิงอินเลยแม้แต่น้อย
“อะไรนะ…..”เวยอิงอินได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปทันที นึกว่าพวกเขาจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เสียอีกทำไมถึงรีบร้อนนัก
“หรือว่าเป็นเพราะข้า……”เวยอิงอินคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เหมือนจะรู้ตัว เหตุผลที่หยางเยี่ยนเหว่ยและคนอื่นๆต้องเดินทางออกจากสำนักไวกว่าที่ควรเป็นจะมีกี่อย่างกันเชียว บางทีหยางเยี่ยนเหว่ยอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้ว่านางจะถามอะไรก็เลยชิ่งหนีไปก่อนสินะ แถมกว่าพวกนั้นจะกลับมาเวลาพักของเวยอิงอินก็คงหมดเสียก่อนทำให้นางต้องกลับวังไปก่อนที่พวกเขาจะกลับมาแน่ๆ
.
.
.
“เจ้าแน่ใจหรือว่าอิงอินเริ่มสงสัยแล้ว”อีกด้านหนึ่งบนรถม้าที่กำลังวิ่งออกจากเมืองอัคนีไปท่ามกลางแสงยามเย็นนั้น ฝ่ายหยางเยี่ยนเหว่ยกลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามจากภรรยาเสียอย่างนั้น
“ข้าโตมากับนางเชียวนะ นางมีเรื่องสงสัยอะไรทำไมข้าจะดูไม่ออก”หยางเซียงเซียนตอบพลางหัวเราะออกมา ท่าทางเวยอิงอินจะเดาผิดไปหน่อยเพราะคนที่รู้ตัวว่านางกำลังจะถามเรื่องของหนิงหลงก็คือตัวหยางเซียงเซียนนั่นเอง แถมพี่สาวคนนี้ก็ยังหนีน้องสาวออกมาหน้าตาเฉยอีกต่างหากเพราะทราบดีว่าอาวุโสหมิงซานไม่ชอบให้อิงอินเจอตัวสุดๆเลย
“ท่านแม่…..รถม้าเร็วมากเลยเจ้าค่ะ”ระหว่างกำลังพูดเรื่องของอิงอินอยู่นั้น หยางอี้เฟยที่เพิ่งจะได้ออกมานอกเมืองเป็นครั้งแรกมองรถม้าที่กำลังแล่นผ่านถนนไปด้วยความเร็วสูงด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด นางเหมือนเด็กเล็กๆที่เพิ่งได้เห็นเรื่องน่าตื่นเต้นเลย
“คิกๆ…..อี้เฟยเจ้ารู้หรือเปล่าว่าพวกเราสามารถบินบนฟ้าได้ด้วยนะ”เห็นบุตรสาวท่าทางตื่นเต้นเช่นนั้นหยางเซียงเซียนก็โน้มตัวไปหาบุตรสาวพลางถามเรื่องที่นางน่าจะสนใจขึ้นมา
“บิน….ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือเจ้าคะท่านแม่”อี้เฟยได้ยินก็ทำตาโตด้วยท่าทางตื่นเต้นก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามเย็นด้วยท่าทีสงสัย
“ได้สิ พอไปถึงบ้านท่านตาแล้วแม่จะให้เจ้าได้เห็น”เซียงเซียนยิ้มออกมาก่อนจะลูบหัวบุตรสาวเบาๆ ที่บ้านตระกูลหงมีเรื่องน่าสนุกไม่น้อยเลย แถมอี้เฟยยังเพิ่งจะเคยไปบ้านตระกูลหงครั้งแรกท่านตาของนางคงยินดีจะตามใจนางไม่น้อยเลย
คอมเม้นต์